บทที่9 ที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นวุ่นวาย
รูปร่างยังนับว่าเป็นชายหนุ่มที่ดูคุ้นเคย สองมือกดลงบนแขนทั้ง
สองของเซี่ยหมิงหมิง ราวกับเวลาได้หยุดลง ดวงตาทั้งสามคู่ มาบรรจบสายตากัน
กลางอากาศ
เซี่ยหมิงหมิงตะโกนเสียงแหลมเสียดเยื่อหูขึ้นมาทันที “ก
ชายหนุ่มก็มีท่าทางประหลาดใจ เขารีบทับช่วงบนของร่าง กายเซี่ยหมิงหมิงเพื่อบดบังสายตาของหานคงอย่างรวดเร็ว พลางพูดไล่ “แกเป็นใคร ไสหัวออกไปซะ!”
หานดงงุนงง
จินตนาการไว้
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมมันไม่เหมือนกับที่
ชายหนุ่มดูไม่เหมือนกับกำลังลวนลามเสี่ยหมิงหมิง เซี่ยหมิงห มิงก็ไม่มีท่าทางที่ส่อว่าถูกบังคับเลยสักนิด ตอนโดนบังคับ ใคร เขาจะสวมชุดพยาบาลกัน? ยิ่งไปกว่านั้น เขาพอจะคาดการณ์ จากท่าทางของทั้งสองได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คอสเพลย์ไงล่ะ พวกเขากำลังเล่นคอสเพลย์กัน ชายหนุ่มคงจะเป็นแฟนหนุ่มที่ เซี่ยหมิงหมิงพูดถึงบ่อยนี่เอง ชื่อเฉินบินอะไรสักอย่างนี่แหละ
สมองพลันเกิดประกาย เขารีบเอาสิ่งที่เพิ่งเห็นเมื่อกี้โยนออก จากความคิด แล้วพูดจากระอักกระอัก “ซะเข้าใจผิด เข้าใจผิด แล้ว โทษทีๆ”
พูดจบเขาก็หันกายเดินจากไป พลางคิดว่าจบเห่แล้ว ชีวิตชาย เพราะตัวเองแท้ๆ เชียว
ตัวเขาก็หวังดี ผลลัพธ์โดยประมาณคือเขากระโดดลงแม่น้ำ
หวงก็ล้างออกไม่หมด
ด้านหลังคือเสียงเร่งรีบสวมเสื้อผ้าพรึบพับๆ และเสียงเซี่ยห มิงหมิงกระหืดกระหอบ เสียงตำหนิแฟนหนุ่ม เหมือนกับกำลัง โทษที่เฉินบินมาหาโดยไม่บอกกล่าว
เฉินบินก็ทุกข์ใจที่แฟนสาวถูกชายหนุ่มเห็นเกือบทั่วเรือนร่าง ทั้งยังโทษที่เซี่ยหมิงหมิงไม่ล็อกประตู
หานดงเขารู้ว่าตัวเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว เลยโยนสัมภาระไว้ ในห้อง แล้วนั่งลงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ราวกับเขากำลังลุ่มหลง ความขาวแบบนั้นช่างชวนให้หัวใจเต้นกระหน่ำและบุกทะลวง เข้าไปในห้วงความคิดอย่างห้ามไม่อยู่
แสงสว่างมากเกินไป ภาพที่อนุภาคทำลายล้างสูงและ สวยงามแบบนี้นี่เอง
ผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงาม แท้จริงแล้วเปรียบดังยาพิษ
ในเวลานั้นเองเสียงเดินขึ้นตึกดังตึงๆ ดังขึ้นระรัว หานคง สามารถแยกเสียงเดินของทุกคนจากจังหวะการเดินได้อย่าง ง่ายดาย คนที่ขึ้นมาต้องเป็นเซี่ยหมิงหมิงแน่นอน
เธอมีนิสัยใจร้อน การเดินก็เร็วไปด้วย
เวลาต่อมา ประตูห้องขยับอย่ารุนแรงจนเกิดเสียงดัง “ปัง” เซี่ยหมิงหมิงค้ำประตูพลางพูด “เปิดประตูให้ฉัน มาเปิดประตู เร็วเข้าๆ”
นอกจากเธอ ชายหนุ่มคนนั้นที่มีนามว่าเฉินบินก็น่าจะอยู่ด้วย เช่นกัน
หานคงรู้สึกชาที่หนังหัวเหลือเกิน
เขากลัวจนไม่กลัวแล้ว ถ้าเกิดเซี่ยหมิงหมิงพูดจาเหลวไหลล่ะก็ ไม่อาจรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อให้เซี่ยหลงเจียงยังเชื่อใน ตัวเขา หากเกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้น ก็สร้างความแตกตื่นได้เหมือน กัน
อย่างไรการหลบซ่อนก็ไม่ใช่หนทาง เขาพูดอธิบายตรงหน้า ประตู “ผมนึกว่าคุณอยู่ในอันตราย ขอโทษด้วยจริงๆ ผมไม่เห็น อะไรทั้งนั้น”
จะไม่อธิบายก็โอเค แต่พอได้ฟังหานดงอธิบายถึงขนาดนี้ เซี่ยหมิงหมิงก็พูดขึ้นอย่างเจ็บแสบ “เจ้าคนแซ่หาน นาย เสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย นายจงใจชัดๆ พี่สาวของฉันช่าง ตาบอดจริงๆ ถึงได้มาชอบคนเลวอย่างนาย!”
เธอพูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หานคงกลัวพี่เลี้ยงจะกลับมาได้ยิน เข้า เลยทำได้แค่เปิดประตู
ทันทีที่กำลังเปิดประตู เท้าข้างหนึ่งสกายคิกส์เข้าที่ช่วงท้อง
ของเขา
เป็นเฉินบินที่ลงมืออย่างกะทันหัน พร้อมกับสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าอึมครึมไปด้วยความโกรธเคือง
หานคงสามารถหลบได้ แต่เพราะกังวลใจจนลังเลไปชั่วขณะ
เสียงดังปัง ตัวเขาถูกเตะจนขยับออกไปสองก้าว ช่วงท้องรู้สึก เจ็บปวดอยู่ลึกๆ ชั้นเชิงของเจ้าคนที่ชื่อเฉินบินไม่ธรรมดาเลย ถ้า ไม่ชกต่อยบ่อยครั้ง ก็คงเคยได้รับการฝึกแบบซ่านโฉ่วมา
หานคงคาดเดาไม่ผิดเลย งานอดิเรกของเฉินบินคือซานโฉ่ว และชกมวย
พ่อของเขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงในแห่งหนึ่ง ในท้องที่ของดงหยาง มีอำนาจและอิทธิพล
นิสัยส่วนของเงินบินก็ค่อนข้างขี้หงุดหงิด ทั้งหลงเซี่ยหมิงหมิง หัวปักหัวป่า พอนึกถึงแววตาที่หานคงที่จ้องหน้าของแฟนสาว เขม็งนั้น ก็แทบสุมไฟไว้เต็มท้อง โกรธจนอยากกระทืบอีกฝ่ายให้ ดาย
โมโหขึ้นมาทีไร มีหรือที่จะสนหานคงเป็นลูกเขยของพี่สาวใน อนาคตหรือไม่
พอฝ่าเท้าตกลง เฉินบินไม่ยอมรามือ เขาออกประสานหมดไป เบื้องหน้าหลายครั้ง ด้วยรูปแบบเดิม ทั้งแม่นยำและหนักแน่น
หานคงถอยแล้วถอยอีก เขาพูดไปพลางหลบหลีกไปด้วย “ฟัง ผมพูดก่อนได้ไหมเล่า!
“พูดกับผีน่ะสิ!”
เซี่ยหมิงหมิงไม่คิดเลยว่าแฟนหนุ่มเฉินบินจะลงมือชนิดที่ไม่ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดเลย เธอรู้สึกอึ้งเล็กน้อย พลางกอดอกพิง ประตูมองดูอย่างเย็นชา
เธอก็รู้สึกขัดหูขัดตาหานางแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้ปล่อยให้เ นบินสั่งสอนสักตั้ง ค่อยแก่ใจเธอหน่อย
หานคงหลบหลีกได้อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเฉินบินไม่ลดละ ความพยายาม เขาชักรู้สึกเคืองๆ ขึ้นมา
เขาหาช่องว่าง ขาที่ดีดออกมาราวกับกำลังเตะกลับ ในขณะที่ ฝ่ายตรงข้ามกำลังงอขา
เกิดเสียงอึกทึกดังตึง เฉินบินก็คุกเข่าลงกับพื้น
หานดงบีบล่าคอของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว ให้ตัวคนถูก กดลงอย่างจัง
เฉินบินขัดขืนอย่างรุนแรง เพื่อช่วงชิงกลับเป็นฝ่ายจู่โจม
ทว่ากลับไม่สามารถทำได้อย่างเห็นได้ชัด ฝีมือของหานดง เป็นประสบการณ์ที่ตกตะกอนจากความตายและเลือดสดๆ เฉิ นบินจู่โจมครั้งที่สอง ก็ยังไม่สามารถกดดันเขาได้ดั้งเดิม
มืออีกข้างจับแขนที่ฟาดมาของเขา หมุนบิด จนใบหน้าของเฉิ นบินแนบชิดสนิทกับพื้น เป็นฝ่ายถูกควบคุมโดยสิ้นเชิง
เลือดไหลมาคั่งตรงใบหน้าของเฉินบินจนแดงก่ำ ตลอดเวลาที่ เขาอยู่ต่อหน้าเซี่ยหมิงหมิงเขานึกภูมิใจว่าตัวเองเก่งกาจที่ผ่าน การต่อสู้มามากมาย ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะพลาดท่าเข้าให้แล้ว
ศักดิ์ศรีของเขาได้สูญสิ้นไปซึ่งสติแล้ว “ให้ตายสิแม่แกนี่มันชักของขึ้นแล้วสิ….
หานดงสีหน้าเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน สิ่งที่เขาเกลียดที่ได้ยิน มากที่สุดคือมีคนเหยียดยามแม่ของเขา
เพราะจินตภาพของแม่จากในรูปเหล่านั้นแต่งเสริมเติมแต่งจน สมบูรณ์ อ่อนโยน ใจดีและสุภาพมากเกินไป จะให้แม่แปดเปื้อน ไม่ได้แต่น้อย
เขาไม่รีรอให้เฉินบินเปิดปากด่าต่อ เท้าข้างหนึ่งพุ่งปะทะเข้า
กึ่งกลางท้อง
ด้วยพละกำลังมหาศาล ทำให้เป็นบินถูกถีบจนกระเด็นออกไป ล้มลงไปทั้งตัว
“แก…”
หานดงมีสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องมองเขาที่ยังไม่หุบปาก ก็ประเคน ลูกเตะไปอีกหนึ่งครั้ง
ในเวลาต่อมา เฉินบิน คุดคู่เป็นวงเหมือนกุ้งอยู่บนพื้น เขา อยากกรีดร้อง แต่ก็ร้องไม่ออกแล้ว
เซี่ยหมิงหมิงไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะพลิกผันรวดเร็วเช่นนี้
ทักษะของไอ้เขยไร้ประโยชน์คนนี้มันจิ๊บจ๊อยมากๆ
ไม่ผิด ก็จิ๊บจ๊อยนั่นแหละ เหมือนกินข้าวตามปกติประจำวัน เลย ถ้าคนที่จู่โจมเขาไม่ใช่แฟนของตัวเอง กระทั่งเซี่ยหมิงหมิง ยังรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขานั้นงดงามเป็นที่ประจักษ์ ทั้งยังสร้างความเสีย หายอย่างรุนแรงต่อภายในร่างกายด้วยการเคลื่อนไหวหยกๆ อย่างรวดเร็ว
ความคิดพลันแล่นอย่างฉับพลัน เสี่ยหมิงหมิงรีบเข้าไปขวาง ตรงหน้าเฉินบินเพื่อกั้นจากหานคง เธอจ้องเขม็งด้วยแววตา ดุร้าย ราวกับแม่เสือกำลังปกป้องลูกน้อยของตัวเอง
หานดงพ่นลมหายใจด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “ผมไม่ได้ตั้งใจจะ ทำให้พวกคุณสองคนต้องรู้สึกอับอายนะ เพราะหลังจากได้ยิน คุณร้องขอความช่วยเหลือ เลยความเข้าใจผิดนะ
เซี่ยหมิงหมิงทั้งรู้สึกอายและขุ่นเคืองระคนกันไป
จริงๆ ตัวเธอก็พอจะรู้ว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่พอนึกถึงตอนที่ เธอสวมชุดพยาบาลแล้วถูกหานคงมาเห็นเข้า เธอก็กัดฟันอย่าง ขุ่นเคือง
ใครมันจะอารมณ์ดีหน้าระรื่นเหมือนได้เท่านี้ได้ล่ะ
“นายคอยดูเถอะ หลังจากนี้ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่สาวฟัง
“ตามใจเลย”
หานดงสดๆ ฝุ่นบนเสื้อผ้าออก แล้วเดินจากไป
เขาถึงได้ควบคุมอารมณ์ให้ใจเย็นลงได้ การได้ยั่วโมโหห้อง
สะใภ้คือถูกต้องที่สุด แต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ข้อเสียของคนในตระกูลเซียก็คือรักศักดิ์ศรี เซี่ยหมิงหมิงไม่มี ทางพูดแน่นอนว่าเธอทำอะไรกับแฟนหนุ่ม คงกลัวพี่ภรรยารู้เข้า
ล่ะสิ
“นายมันสารเลว ฉันไม่ฆ่านายก็แปลกแล้ว!”
เซี่ยหมิงหมิงไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี เลยได้แต่เก็บความ เกรี้ยวกราดไว้กับตัว ทั้งยังไม่มีอารมณ์ไปพยุงให้เฉินบินลุกขึ้น จากพื้นด้วย
“ยังไม่คืบหน้าเลยสักนิด วันๆ เอาแต่ขี้โม้จนฟ้าแทบถล่ม แม้แต่หานดงยังเอาชนะไม่ได้เลย!!
เดิมเฉินบินซุกซ่อนความขุ่นเคืองไว้ในใจอยู่แล้ว ทั้งยังโดน หานคงฉีกหน้าต่อหน้าเซียหมิงหมิง ไหนจะได้ยินคำพูดชวนให้ เจ็บแสบใจของเซี่ยเมิ่งอีก เขาพูดขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ “เธอ ก็ดูเอาไว้เถอะ ฉันไม่ตามคนมาฆ่าหมอนี่ก็บุญหัวแล้ว!”
เขาพูดไป พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ เซี่ยหมิงหมิงรีบเข้าไปแย่ง “นายเพี้ยนไปแล้วไง ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่เขยของฉัน ถ้าพ่อรู้ว่านายกล้าต่อกรกับ เขา ชาตินี้นายอย่าหวังจะได้แต่งงานกับฉันเลย
เฉินบินถูกพูดจี้จุดเข้าไป ก็กล่าวต่ออย่างข้างๆ “ไหนเธอ
บอกว่าเขาไม่มีแม้แต่ตำแหน่งในครอบครัวเธอเลยไง?”
เซี่ยหมิงหมิงจีบปากจีบคอพูด “เขาไม่มีตำแหน่ง แม้แต่เจ้า หมางี่เง่านั้นของคุณแม่ยังสำคัญกว่า ก็ไม่รู้ว่าพ่อฉันไปทำอีท่า ไหน ตามปกติถ้าที่เขาอยู่ล่ะก็ เขาไม่อนุญาตให้คนให้ครอบครัว พูดคุยกับเขาเลยสักคน”
“ทําไม?”
“ใครจะไปรู้ อาจจะเห็นแก่หน้าอาหารมั้ง”
“แค่นี้?” เฉินบินพูดอย่างรู้สึกผิดหวัง
เซี่ยหมิงหมิงกลอกลูกตาเพราะความคิดโง่เง่าของเขา “เรื่องนี้ นายอย่าเข้ามายังดีกว่า ส่งต่อมาให้ฉันก็พอ ถ้าไม่สั่งสอนจนเขา ยอมเชื่อฟัง ฉันก็ไม่ใช่คนแซ่เซี่ยแล้ว”
วุ่นวายอยู่เชี่ยหมิงหมิงและเฉินบินตั้งนาน หลังจากหานคง ออกมาก็ถือโอกาสไปซื้อของไปเยี่ยมพ่อ จากนั้นยังติดต่อหาเจิ้งเหวินใจ ชวนเขามาดื่มเหล้าที่บ้านเสีย หน่อย
จนกระทั่งท้องฟ้าใกล้จะมืด หานคงถึงเดินทางกลับไป ระหว่างทาง เขาอดครุ่นคิดเนื้อหาที่จะพูดคุยกับเจิ้งเหวินใจไม่
ได้
ตอนนี้เพิ่งเหวินโจทำงานในสำนักงานนักสืบ ขอบเขตเนื้อหา งานตอนนี้มีอยู่สองประเภท ประเภทที่หนึ่งคือแอบถ่ายชีวิตส่วน ตัวของดาราแล้วขายให้เหล่าปาปารัสซี่ อย่างที่สองก็คือเก็บ หลักฐานที่ใช้สำหรับการหย่าร้าง หรือพูดง่ายๆ ก็คือแอบถ่ายนั้น เอง คอยช่วยเหลือให้ผู้ว่าจ้างได้รับค่าแบ่งสินทรัพย์จากการหย่า มากยิ่งขึ้น
โดยส่วนตัวหานคงรู้สึกว่าหน้าที่อย่างที่สองจะขาดศีลธรรม อย่างยิ่ง แต่เจิ้งเหวินโจเคยช่วยเหลือเขาหลายครั้ง ทั้งสองถึงได้ หลายกลายเป็นสหาย ต่อให้เขาไม่ค่อยชอบจรรยาบรรณของ งานนี้ ปากยังตอบรับว่าจะรอให้สำนักงานนักสืบเปิดบริการ อย่างเป็นทางการ เขาถึงมาหาสักครู่หนึ่ง
แล้วแน่นอน ก็ต้องมีข้อสันนิษฐาน นั้นก็ไม่ถือว่าทำเรื่องนอก กรอบมากเกินไป
พอเงินขาดมืออีกครั้ง หานคงก็ไม่สามารถยืนความปรารถนา ของความเป็นคนของตัวเองได้ ไม่งั้นล่ะเขาคง ทำให้อาชีพทหารต้องแปดเปื้อน
เมื่อมาถึงตระกูลเซีย โคมไฟตามทางเปิดสว่างไว้อยู่แล้ว ภายในโรงรถรถของแม่ยายและเซี่ยเพิ่งยังมีรถของเซี่ยหมิงหมิง ล้วนอยู่ครบ
แต่กลับไม่เห็นรถของพ่อตา พออยากมาหาก็ดันออกไปดูงาน ซะนี้
ปกติแล้วเซี่ยหลงเจียงก็ยุ่งมากอยู่แล้ว เขาต้องควบคุมบริษัท เจิ้นเวยทั้งหมด ในหนึ่งเดือนมีอย่างน้อยครึ่งเดือนที่ต้องเขาออก ไปดูงาน หานคงจะไม่เห็นหน้าพ่อตาอย่างน้อยสิบวัน
วันนี้เขาจงใจกลับมาดึก ถ้าเป็นวันปกติ ในห้องรับแขกก็แทบ ไม่มีคนแล้ว
ทว่านี่มันแปลกมาก หลังจากเขาเปิดประตูห้องรับแขกก็พบว่า แม่ยายกงชิวหลิง เซี่ยเมิ่งและเซี่ยหมิงหมิงแม่ลูกทั้งสามล้วนอยู่
ในห้องรับแขก
อีกทั้งบรรยากาศยังแปลกประหลาดเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ยาย สายตาที่มองมายังเขาแทบทะลุ ทะลวง
หญิงสาววัยห้าสิบปี กาลเวลากลับไม่หลงเหลือบนใบหน้าและร่างกายของเธอมากนัก
รูปลักษณ์สวยงดงามเพียบพร้อม ผิวกายขาวหิมะ กลิ่นอาย ของหญิงสาวยังคงปรากฏอยู่ หากไม่พูดถึงเรื่องอายุ ออกไป ด้านนอกก็อาจถูกคนเข้าใจคิดว่าเธออายุสามสิบกว่า ก็ไม่ใช่ เรื่องแปลกประหลาดอะไร
ตามที่คนอื่นๆ พูดกันมา ตอนที่กงชิวหลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นก็ เป็นสาวงามที่เลื่องชื่อในละแวกนั้น ผู้คนที่มาตามขอความรักมี จํานวนมากมาย ใบหน้าของสองพี่น้องเซียเพิ่งและเซี่ยหมิงหมิง ล้วนได้รับกรรมพันธุ์จากเธอ
เธอเกิดมาได้รับการบ่มเพาะเลี้ยงดูมาอย่างดี ตระกูลผู้ดีสูงส่ง เธอทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมต้น
แล้วก็ด้วยเหตุนี้พอดี กงชิวหลังถูกปลูกฝังให้มีค่านิยมคิดเข้า
ข้างตัวเอง และมีโรคชอบบังคับอย่างร้ายแรง
การทานอาหารธรรมดาเช่นนี้ หานคงกินตะกละตะกลาม เพราะอยู่อาศัยในกองทัพก็ยังถูกกงชิวหลิงดึงตัวกลับมาอย่าง เร่งด่วน เรื่องเช่นนี้ยังคงมีอีกหลายเรื่อง สุดจะทนไหวจริงๆ
ไปมาหาสู่กับคนให้ครอบครัวนี้มากดข้า ก็เป็นอันว่าเขาก็พอ ใกล้ชิดกับพวกเขาพอสมควร
ท่าทางราวกับผู้เข้าร่วมพิจารณาคดีทั้งสามแผนกแบบนี้ ชัดเจ นมากๆ มาจับผิดนี่เอง
หานคงฉงนใจ หรือจะเป็นเรื่องพิพาทตอนบ่าย เชี่ยหมิงหมิ งมาฟ้องกงซิวหลิงแล้วเหรอ? ไม่น่าหรอกมั้ง เท่าที่เขารู้จักเสียห มิ่งหมิง หล่อนต้องปิดปากเงียบแน่ๆ
ต่อให้เขาคิดจนหัวแทบแตก ก็คิดไม่ออกเลยว่ามันเกิดอะไร ขึ้นกันแน่
ยามปกติหานคงอยากให้ทำให้กงชิวหลังสารภาพออกได้ เพราะกลัวการจับผิด เลยไม่สามารถมีจุดบกพร่อง อีกอย่างตัว เองไปเพิ่งกลับจากการดูงานมา ยังทำเรื่องเอิกเกริกชวนตะลึงนั้น อีก นั้นทำให้หล่อนอยู่รอให้ห้องรับแขกจนมืดค่ำแบบนี้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ