ผมเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านหญิง

บทที่ 20 หานเยซาน



บทที่ 20 หานเยซาน

ตระกูลเซีย

กงชิวหลิงและเซี่ยหมิงหมิงแม่ลูกได้เผชิญหน้านั่งอยู่กับผู้ชาย คนหนึ่งอายุประมาณสี่ห้าสิบปี

รูปร่างของผู้ชายนั้นผอมมาก แต่ส่วนสูงกลับก็สูงมาก เขาได้สวมใส่เสื้อผ้าแบบชาวจีนที่หลวมและบางชุดหนึ่ง

อายุมากแล้ว ลักษณะหน้าตาก็ไม่เหมือนตอนที่เป็นหนุ่มมาตั้ง นานแล้ว แต่เมื่อมองขึ้นไปก็มีนิสัยเฉพาะตัวที่มั่นคงสง่างาม ซึ่ง สามารถทำให้คนรู้สึกดีได้ง่ายมาก

ดวงตาคู่ก็เหมือนกับดวงตาของหานดงที่มีความแคบยาว สว่างไสวลึกซึ้ง ไม่ซัดสาดเฉียบพลันแต่มีกำลังอานุภาพ

อธิบายโดยย่อได้ว่ามีรอยย่นบนใบหน้า แต่ก็ไม่ค่อยชัดเจน มากนัก สามารถมองออกว่าตอนที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสามัญชนคน หนึ่งที่มีท่วงท่าอันสง่างาม

บุคลิกลักษณะของบุคคลเช่นนี้ หากว่าไม่ใช่หานเยซานแล้ว ยังสามารถที่จะเป็นใครได้

น้ำหนักเมื่อก่อนของเขาอยู่ที่แปดสิบกว่ากิโล เพียงแต่ไม่กี่ปี มานี้เขาได้ป่วยไปแล้วหลายรอบ ทำให้หานเยซานที่มีส่วน สูง185เซนติเมตรแต่กลับมีน้ำหนักไม่ถึงแม้กระทั่งหกสิบกิโล
ที่จริงแล้วกงชิวหลังได้สัมผัสคบค้าสมาคมกับเขาไม่มาก ตอน ที่ลูกสาวได้แต่งงานก็ได้พบกันครั้งหนึ่งแต่ก็เป็นกี่ปีก่อนแล้ว และก็ได้พบบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น

แต่เธอรู้ว่าสามีของตัวเองนั้นได้เคารพต่อหานเยซานเป็น อย่างมาก บนคำพูดของตัวเองก็จะไม่พูดจาเจ็บแสบใจโหด ร้ายอย่างง่ายๆ

ท่าทางของการยิ้มที่ทำให้เธอเมื่อมองขึ้นไปแล้ว ให้ความสนิท สนมเป็นอย่างมาก “พ่อสามี ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็คือ เสี่ยวดงเจ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อฟังในการจัดการเรื่องเป็นอย่างมาก ตีก็ไม่ได้ ดุด่าก็ไม่ได้ จึงได้ให้คุณเดินทางมาที่นี่เพื่อพูดกับเขา สักหน่อย”

หานเยซานได้จิบชาไปค่าหนึ่ง “เขาก็ยังนับว่าได้เถอะ ไม่ อย่างนั้นแล้วหล่าวเซียก็คงจะไม่ยึดมั่นในความคิดเห็นของตัว เองให้เขามาเป็นลูกเขยของบ้านพวกเธอหรอก”

เซี่ยหมิงหมิงเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ “คุณอาเซีย วันนี้ตอน เที่ยงก็ยังทะเลาะกับแม่ของฉันล่ะ มองขึ้นไปแล้วก็เหมือนภาพ ท่าทางที่ต้องการจะกินคนเลย……

หานเย่ซานรู้สึกแปลกใจ “แบบนี้ก็เกินไปหน่อยแล้ว อีกเดี่ยว เขากลับมา ฉันจะช่วยแม่ยาย ในการอบรมสั่งสอนเขา”

กงชิวหลิงเห็นเขาที่ตอบโต้อย่างไม่ถูกจุดเข้าประเด็นก็ได้ โกรธมากแต่ก็จนปัญญา

ได้ยินมานานแล้วว่าหานเยซานคนนี้ตอนอยู่ที่เมืองเก่าเป็นคนที่พูดจามีน้ำหนักได้ใจความ และก็เป็นบุคคลที่มีบทบาทสูงคน หนึ่ง ข่าวลือก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูล ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างกลางก็ยังมี หมอยืนอยู่ด้วย

ด้วยเหตุนี้การพูดคุยในช่วงเวลาหนึ่งจึงได้มีการหยุดอย่าง กะทันหันอยู่บ้าง จากนั้นบรรยากาศก็ได้เงียบสนิท

บนสีหน้าของหานเยซานไม่ได้มีการแสดงออกอะไร แต่ในใจ กลับได้ถอนหายใจไปแล้วฟอดหนึ่งอย่างไม่มีสาเหตุ

ความรู้สึกที่เขามีต่อลูกชายก็ยังคงเข้าใจ

ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะสมประเภทนี้กับความ สามารถในการเข้าสังคมของเขาล้วนแต่สามารถที่จะขึ้นไปร่วม โต๊ะกับคนได้

เขาไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าลูกชายจะทะเลาะและได้ทำแบบนี้

ต่อแม่ยาย มากจนกระทั่งเรื่องที่ต้องการที่จะลงไม้ลงมือ หากว่าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ไม่แน่ว่าจะต้องมีเหตุผลอะไร เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ หานเยซานจึงอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึก ผิดในใจปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง

หากว่าไม่ใช่เพราะสุขภาพของตัวเองเป็นภาระ ไม่แน่ว่า ลูกชายก็ยังคงอยู่ในกองทัพ เขาได้ยินเพื่อนพูดว่า หากทนต่อ ความทุกข์ยากไปอีกสักสองปี จากกองทัพเดิมก็ได้มีรองผู้ บัญชาการหน่วยบัญชาการปะปนเข้ามาทำให้กองทัพนั้นมั่นคง รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการที่มีอายุยี่สิบกว่าปีภายภาคหน้าจะต้องมีอนาคตที่สามารถมองเห็นได้

ตอนนี้ล่ะ จะต้องอดทนกับคำนินทาข่าวลือรอบด้านที่ได้เข้า ประตูมาเป็นลูกเขยของตระกูลเซียยังไงก็ต้องถูกบีบคั้นเบียด เสียดไปทุกด้าน

หากไม่ใช่ว่าชอบเขี่ยเม็งลูกสะใภ้คนนี้จริงๆ และก็รู้ความคิด ของลูกชายหานเยซาน ก็คงจะไม่มา ในครั้งนี้

เวลานี้กริ่งตรงประตูก็ได้ดังขึ้น

หลังจากที่แม่บ้านได้ก้าวมาด้านหน้าเพื่อเปิดประตู ก็ได้เห็นถึง เซี่ยเพิ่งที่กำลังจูงแขนของหานดง อย่างใกล้ชิดสนิทสนมจาก ด้านนอกเดินเข้ามาแล้ว

เซี่ยหมิงหมิงมีท่าทางเหมือนกับเห็นผีแล้ว ในใจก็คิดว่าพี่สาว ได้รังเกียจหานดงจนได้เอ่ยขึ้นมาว่าจะกัดฟันสู้ไม่อดทนอีก แต่ วันนี้เธอได้กินยาผิดแล้วหรือเปล่า

อย่าพูดถึงเขาเลย กงชิวหลิงก็ประหลาดใจมากเหมือนกัน

การหย่าขาดเป็นลูกสาวที่ได้เอ่ยออกมา เธอถึงได้พยายาม อย่างหนักขนาดนั้น วันนี้ลูกสาวกลับมีภาพของท่าทางที่พออก พอใจลูกเขยสุดขีดแบบนี้

เธอมองไปที่เซี่ยเพิ่งครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ กงชิว หลิงจึงได้แอบคิดในใจ

“พ่อ พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เซียเพิ่งได้ปล่อยหานคงจากนั้นเธอก็ได้เดินอย่างกระตือรือร้น ไปถึงตรงหน้าของหานเยซานแล้ว และได้ต้อนรับด้วยความ เอาใจใส่

ผู้หญิงก็ช่างมีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักแสดง

แม้ว่าหานคงจะรู้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังแสดงละคร แต่ก็มี ความทอดถอนใจด้วยความหดหู่ไม่หยุด

ในใจก็ได้คิดว่าหากว่ามีวันไหนที่เซี่ยเพิ่งจะเคารพต่อของตัว เองอย่างจริงใจ และก็จริงใจกับตัวเอง เขาก็จะถือว่าทั้งชีวิตต่อ ให้อยู่ที่นี่เป็นวัวเป็นม้าก็ยอมด้วยความสมัครใจ

หานคงก็ได้เดินผ่านเข้าไป จากนั้นก็ส่งเสียงเรียกแล้ว

หานเยซานเงยหัวพูด: “เสี่ยวดง ขออภัยกับแม่ยายของเธอ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็จะต้องเคารพต่อผู้อาวุโส

หานคงรับปาก จากนั้นก็พูดอย่างจริงใจ “แม่ เมื่อคืนผมดื่ม เหล้ามากเกินไปจริงๆ ตอนเช้าก็ยังไม่สว่าง ถ้ามีการเสีย มารยาทตรงไหนท่านก็โปรดให้อภัยหน่อย ผมไม่ได้มีใจเช่นนี้

กงชิวหลังถูกการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของทั้งสองพ่อลูกทำให้ ยิ้มไม่ออก โมโหไม่ขึ้น

เธอได้ดึงฉุดมุมปากไปมา: “ไม่เป็นไร รู้ว่าผิดก็ดี

จากนั้นก็เป็นเวลาที่คนของทั้งสองบ้านได้พูดคุยสนทนากัน อย่างเข้ากันได้ดี
ไม่ต้องสนใจว่าจะกำลังแสดงละครอยู่ใช่หรือเปล่า อย่างน้อย ที่สุดที่หานดงดูแล้วเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ใหญ่ที่อยู่ในฉากนี้ ก็ได้ให้ผ่านไปแบบนี้แล้ว

เวลาประมาณจวนจะสี่ทุ่ม หานเย่ซานก็ได้เอ่ยคำอำลาขึ้นแล้ว คนกลุ่มหนึ่งไปถึงที่ประตู หานคงได้ขับรถของเซียเมิ่งเพื่อส่ง หานเยซานกลับบ้าน

รถเพิ่งจะหันหัวกลับในการขับจากไป เสี่ยหมิงหมิงก็อดที่จะ พูดไม่ได้ “พี่สาว หัวของพลัดวงจรไปแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะ หย่าขาดเหรอ วันนี้เป็นโอกาสที่ดี โอกาสหนึ่ง รอพ่อของพวกเรา กลับมา การแต่งงานนี้พี่ต้องการจะหย่าก็หย่าไม่ขาด

เซี่ยเพิ่งมีรอยยิ้มปลอมๆออกมาจากนั้นก็ค่อยๆพูดคุยเจรจา ลงมาแล้ว: “หย่าขาดก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้ แม่ แม่ก็ ไม่ใช่ไม่รู้ถึงสุขภาพของคุณอาหาน หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉัน ว่าแม่ถ้าพ่อกลับมาจะอธิบายชี้แจงกับพ่อยังไง…….เดิมที่ความ ผูกพันของพวกท่านทั้งสองก็ไม่ดี หากว่าก่อความวุ่นวายอีก อาจจะต่างแยกกันไปคนละทิศละทางแล้วหรือเปล่า”

กงชิวหลิงส่งเสียงเชอะไม่พอใจออกมาแล้ว และก็รู้สึกถึงว่าตัว เองมีความใจร้อนอยู่หน่อย

เซี่ยเพิ่งได้จับฝ่ามือของแม่ไว้แล้ว: “แม่ดีต่อฉัน ฉันซาบซึ้งใจ มาก เพียงแต่ว่าหานดงคนนี้แม้ว่าจะน่ารังเกียจ แต่ก็ไม่ใช่คน เสเพลไร้สัจจะไร้เหตุผลประเภทนั้น เขาพูดแล้วว่ารออาการของ คุณอาหานดีขึ้นหน่อยก็จะออกมือหย่าขาดกับฉันเอง…….
“เธอเชื่อเขา? หากว่าทานดงยอมที่จะหย่าขาดกับเธออย่างนั้น ถึงจะแปลก หย่าขาดแล้ว เขาจะไปหาครอบครัวทําตัวเป็น กาฝาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องความเป็นอยู่แบบพวกเรา นี้จากที่ไหน!”

เซี่ยเพิ่งมีการตัดสินใจของตัวเอง เธอต้องการที่จะหยุดเรื่องนี้ ไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ได้มองไปทางเสี่ยหมิงหมิง: “เรื่องที่เธอ ฝากฝังให้ฉันไปสืบฉันได้ช่วยเธอถามแล้ว หากว่าพนักงานคน นั้นไม่ได้โกหกฉันละก็ เมื่อคืนเงินบินก็ได้ไปที่KTVหยินเรือจริงๆ แล้ว และอีกอย่างก็ได้พบผู้หญิง!

กงชิวหลิงได้ยินถึงเฉินบินชื่อนี้ก็ยังเพิ่มความโกรธขึ้นมาอีก “ฉันก็คิดว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ชอบธรรมอะไร คิดไม่ถึงว่าก็เป็นแค่ บุคคล ช้าไม่มีอนาคตคนหนึ่ง เสียแรงที่ฉันก็ยังต้อนรับเขา ด้วยน้ำใจไมตรี……

เซี่ยหมิงหมิงมีสีหน้าท่าทางที่อึมครึม: “คนชั่วไร้ศีลธรรม ยัง จะมาหลอกฉันว่าไม่ได้ไป

“หานคงก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไร ตั้งใจที่จะนำเรื่องนี้มาทำให้ฉัน รังเกียจสะอิดสะเอียน พี่สาวเธอจะหย่าขาดจากเขาไหม พวกเรา ทั้งคู่ล้วนก็แต่ไม่จบ”

บนรถ ทานดงพ่อลูกก็ค่อนข้างที่จะได้คำพูด

หลังจากผ่านไปสักพัก หานเย่ซานก็ได้พูด: “เสี่ยวดง หากว่า รู้สึกว่าน้อยใจกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมจริงๆ ก็อย่าดันรั้งอีกเลย ตอนนี้แม้ว่าฉันจะร่อแร่ แต่พละกำลังในการรับความกดดัน ทางจิตใจก็ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดขนาดนั้น!

“พ่อ พูดอะไรล่ะ ความรักความผูกพันของผมกับเสี่ยวเพิ่งนั้น มั่นคงมาก”

หานเยซานหัวเราะ “จริงเหรอ!”

หานคงไว้ซึ่งคำที่จะให้พูดตอบ อายุก็คือทรัพย์สินที่มั่งคั่ง พ่อ นั้นตาไวใจไวเกรงว่าเมื่อเข้าไปที่ตระกูลเซีย ก็สามารถที่จะคาด เอาบรรยากาศโดยรอบของตัวเองออกมาได้

เขาได้พูดอย่างผ่อนคลาย “พ่อ ที่จริงผมไม่อยากจะปล่อยมือ อยากที่จะทุ่มเทพยายามอีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่ชัดเจน ว่าจะต้องเสียใจไปนานแค่ไหน”

หานเย่ซานก็ได้รู้สึกเศร้าสลดใจ “โทษที่ฉันไม่เอาไหน ตลอด

มาก็ทำให้ผู้คนต่างก็คิดว่าเธอไม่คู่ควรกับเสี่ยวเมิ่ง

“พูดอะไรล่ะ ผมไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน แม่ผมตายเร็ว หากว่าไม่ใช่ว่าพ่อรีบกลับมาจากกองทัพ ตอนนี้ผมก็ยังคงพึ่งพา อาศัยอยู่กับคนอื่น……

ตอนเด็กหานดงก็ได้เคยอยู่ที่ป้าช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าอายุจะ น้อยแต่ความจำกลับยังคงสดใหม่

ครั้งนั้นน้องสาวฝั่งแม่นั้นก็ได้ดื้อมาก สร้างเรื่องวุ่นวายผลักมา อยู่บนตัวเขา ป้ากับลุงก็ลำเอียงไม่ถามผิดถูก มักจะสั่งสอนเขาโดยตลอด
ดังนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งใจต่อท่านเขาน จริงๆที่สามารถกลับมาจากกองทัพเพื่ออยู่ข้างกายเขา

“จริงสีพ่อ ช่วงนี้มีคนติดต่อไปหาพ่อเพื่อพูดคุยเรื่องการรื้อ เมืองเก่าไหม?”

หานเย่ซานประหลาดใจ “เธอรู้ได้ยังไง? นายกเทศมนตรีก็ได้ เคยมาหาฉันรอบหนึ่ง ต้องการให้ฉันออกหน้ารณรงค์เรียกร้อง ไกล่เกลี่ย สุขภาพของฉันยังทนต่อการทรมานได้ที่ไหนกัน!

หานดง โล่งใจไปฟอดหนึ่ง “อย่างนี้ก็ดี พวกเขารักที่จะซื้อยัง ไงก็รื้อยังไง พวกเรามีความเห็นที่แตกต่าง ก็อย่าไปสนใจเรื่อง ของชาวบ้านให้มาก

บนปากเขาได้รับปากเซียเพิ่งบอกว่าจะช่วยชีวฝั่งระดมกำลัง รื้อ แต่จะให้หานดงนั้นจริงใจด้วยใจที่แท้จริงในการไปจัดการ เรื่องให้กับศัตรูหัวใจ ก็ล้อเล่นไปกันใหญ่แล้ว

การช่วยเหลือก็มีวิธีการมากมาย หานคงไม่ได้จัดการเรื่อง ราวการรื้อเพื่อที่จะหาเรื่องก่อความวุ่นวาย ตัวเขาก็แค่ต้องการที่ จะช่วยเหลือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ