ผมเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านหญิง

บทที่ 7 รอยสัก



บทที่ 7 รอยสัก

ในโรงพยาบาล จางเจ้นชื่อเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดแก้ทรงสันจมูก ใบหน้าของเขานั้นบวมเป่ง

ลูกน้องของเขาเดินเข้ามาจากด้านนอก และกระซิบข้างหูเขา เพียงไม่กี่ประโยค เกี่ยวกับเรื่องของหานคง

ตัวตนเขาคือสามีของเซี่ยเมิ่ง โดยเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้ หญิง และเขาเองก็เพิ่งปลดประจำการได้ไม่นาน นับว่าเป็นเรื่อง ปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ อธิบดีซุนของเมืองหลินอานบอกว่า ถ้าน จิ้งหยู่ได้โทรมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

ถานจิ้งหยู่คือบุคคลที่จับตัวได้ยาก กี่ปีที่ผ่านมา ในหลินอาน เขาเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่คนรู้จักกันดี และเป็นฮีโร่ปราบยาเสพ ติดผู้โด่งดัง หรือจะเรียกว่าเขาเป็นโฆษกของตำรวจหลินอาน ก็ได้เช่นกัน

ตำแหน่งของเขาในตอนนี้ค่อนข้างพิเศษ จางเจ้นซื้อเองที่ อยากจะทำความรู้จักกับเขา ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอเขา

หากมองในแง่ของเหตุผล จางเจ้นชื่ออยากที่จะพักเรื่องนี้ไป ก่อน และจะไม่ไปยั่วยุหานดง ทว่าความเจ็บปวดของจมูกที่เขา ได้รับ ทําเขาไม่มีความสุข จนจำเป็นต้องระบายอารมณ์ออกมา เขาไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ก็คิดแผนการบางอย่างออก ขอบเขตธุรกิจของบริษัทการขนส่งเป็นเวย หลักๆแล้วจะเป็นธุรกิจธนาคาร และมีการร่วมงานกับฝั่งดงหยาง ธนาคารไม่เป็ งอย่างสนิทชิดเชื้อ

เมื่อสองวันที่ผ่านมาเขายังทานข้าวกับผู้รับผิดชอบเขตหลิน อานของธนาคารไทเฟิง เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูด ฝั่งตรงข้ามจะต้อง ไว้หน้าเขา

โดยผู้รับผิดชอบเขตนี้ต้องไปสร้างแรงกดดันให้กับทางดง หยาง เขาไม่เชื่อว่า บริษัทเป็นเวยที่ตอกต่อยจะไม่ตกเป็นลูกไก่ ในกามือของเขา

ครั้งนี้ เซี่ยเพิ่งจะต้องเข้ามาขอสงบศึกอย่างเชื่อฟัง

เขาที่ถูกทำร้ายจนเป็นสภาพนี้ ความคิดถึงที่มีต่อเซี่ยเพิ่งก็ยัง ไม่ได้หายไป ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า เรื่องนี้มีแต่ได้กับได้ จางเจ้นซื่อ อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างดูแคลน

หานดงเองก็ไม่ได้เก็บเรื่องของจางเจ้นชื่อมาใส่ใจมากนัก

เมื่อถึงโรงแรม หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าเซี่ยเมิ่งไม่เป็นอะไร แล้ว จึงไปอาบน้ำและเตรียมตัวพักผ่อน

ทว่าเขากลับนอนพลิกตัวไปมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับซักที

นอกจาก เขาจะมองไม่เห็นถึงความชัดเจนของอนาคตแล้วนั้น การเจอกันครั้งแรกกับชิวผิงก็สร้างความกดดันให้เขาอีก

เทียบกับชิวผิงแล้ว เขามีอะไรบ้าง?
วงศ์ตระกูลของฝั่งตรงข้ามมีเงินร้อยล้าน และช่วยผึ้งก็ เป็นCEOที่มีชื่อเสียงแห่งบริษัทเทคโนโลยี เขาทั้งร่ำรวยและดู ผ่าเผย อีกทั้ง ชื่อเสียงยังไร้มลทิน

ตัวเขาล่ะ?

ยอดเงินฝากของทุกบัตรรวมๆกันแล้วไม่ถึงพันหยวนซะด้วย

ลำพังตัวเองล้มเหลวคนเดียวก็ไม่เป็นอะไร แต่สิ่งสำคัญคือ สุขภาพของพ่อยังอยู่ในระยะพักฟื้น และต้องไปตรวจที่โรง พยาบาลทุกสัปดาห์ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของบำรุง ร่างกายต่างๆที่เขาต้องรับผิดชอบ

เขาไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเย้ยใส่ หานางเลิกบุหรี่และสุรา ด้วยตัวเอง ไม่เข้าสังคม แม้แต่เสื้อผ้า ก็น้อยนักที่จะไปซื้อ อีกทั้ง เขายังเดินไปทํางาน เงินแต่ละเดือนจึงไม่ค่อยได้ใช้จ่าย และเก็บ เงินไว้ที่ตัวเองนิดหน่อย เงินที่เหลือทั้งหมดก็ส่งเงินให้พ่อ

ทว่าเงินที่หามาได้ก็ไม่เคยจะเก็บออมได้เลย ช่วงนี้เขาจึง เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

เมื่อนึกถึงพ่อแล้ว เขาก็อดทุกข์ใจไม่ได้

ความฝันของพ่อเขา หานเย่ซานก็คือ อยากให้เขาโดดเด่น กว่าคนอื่นในกองบังคับบัญชา เพื่อที่จะได้มีเส้นมีสายอย่าง

ผ่าเผย

หานคงรู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของกองบังคับบัญชาของพ่อเขา เพราะในตอนที่หานดงยังเด็ก แม่เขาก็จากเขาไปด้วยความ ไม่คาดฝัน พ่อจึงปลดประจำการเพื่อมาดูแลเขา

ขณะเดียวกัน ตัวเขาเองก็ยังแบกรับความหวังของพ่อไว้

ทว่าผลลัพธ์ตรงข้ามกับเขา หานคงปลดประจําการออกจาก กองบังคับบัญชาอย่างเศร้าหมอง แม้แต่เงินสมทบที่ปลดประจำ การ เขาก็ทำเรื่องขอไม่ได้

นับเวลาดูแล้ว มะรืนเป็นวันที่หานเยซานต้องไปตรวจที่โรง พยาบาลอีกแล้ว

เพราะสาเหตุนี้ ผู้ใหญ่รู้สึกเกรงใจที่จะเอ่ยปากขอเงินกับคนที่ อายุน้อยกว่า แต่หานคงจะให้ผู้ใหญ่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้ได้ยังไง กัน

ความจริงแล้ว เพราะต้องใช้เงินรักษาโรค ทั้งสองจำต้องขาย บ้าน และเป็นหนี้ท่วมหัว อีกทั้งพ่อในตอนนี้ ก็ไม่สามารถออกไป ทํางานหาเงินได้ หากเขาไม่หาเงินเอง แล้วเขาจะไปหาเงินจาก ใคร

เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษเสียจริง

ครุ่นคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งนอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นนั่ง และ เปิดดูรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการยืมเงิน ทว่าความเป็นจริงมัน บังคับให้เขาต้องไปยืมเงินคนอื่น

เพื่อพ่อแล้ว จะอายอะไร?
เลื่อนไปมาหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็กดโทรหาเจิ้งเหวินใจ เนื่องจากเขาปลดประจําการได้ไม่นาน นอกจากจะมีเพื่อนในกอง บัญชาการแล้ว ที่เมืองดงหยาง ก็มีเจิ้งเหวินโจเพียงคนเดียวที่ สนิทกับเขาที่สุด

เมื่อเจิ้งเหวินโจฟังจุดประสงค์ในการโทรมาของหานคงแล้ว น้ำเสียงของเจิ้งเหวินโจก็ดูไม่สบายใจ : “พี่ดง เราคุยเรื่องยืม เงินทำไมกัน ถ้าพี่ยังเกรงใจอย่างนี้ ผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ พรุ่ง นี้ผมเอาเงินไปให้ลุงที่บ้านนะ ต้องการเท่าไหร่ พี่บอกผมมาเลย

“สามพันแล้วกัน ถ้ามากกว่านี้ เดี๋ยวพ่อสงสัยแย่ ว่าไปเอาเงิน

มาจากไหน”

เจิ้งเหวินโจตอบว่าไม่มีปัญหา จากนั้นก็พูดเรื่องที่เคยคุยกับ เขา : “พี่ดง ผมว่าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ ครั้งที่แล้วที่ผมคุยกับพี่ เรื่องนั้น ยังจําได้ใช่ไหม ถ้าพี่กลับดงหยางให้โทรหาผม น้อง ชายจะได้ไปหาและช่วยพี่ชายสักหน่อย พี่จะได้มีรายได้พิเศษไป ในตัว ”

“ตอนนี้ฉันยังลาออกจากงานไม่ได้…….

“ไม่เป็นไร พี่ก็ลำบากหน่อย คิดซะว่าทำเป็นงานพาร์ทไทม์ ”

หานคงรู้ว่าที่เจิ้งเหวินโจตั้งใจพูดแบบนี้ ก็เพื่ออยากให้เขา รักษาภาพพจน์ตัวเองหน่อย และเก็บความห่วงใยของเขานั้นไว้ ในใจ

เพิ่งวางสายไป แอพวีแชทก็สั่น เจิ้งเหวินโจโอนเงินหลายพัน มาในวีแชทอย่างเงียบๆ และทิ้งข้อความไว้ : “พี่ดง พี่ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าน้องชายคนนี้ก็ได้ ผมเข้าใจพี่ พี่ก็เข้าใจผม เมื่อไหร่ที่มีเงินมีทอง ค่อยคืนเงินให้ผมก็ได้ครับ”

หานดงกดรับเงินอย่างใจ จากนั้นตอบกลับด้วยคำว่า ขอบคุณ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขายืมเงิน เจิ้งเหวินโจ เมื่อใดที่เขากลับดง หยาง เขาก็ออกไปเที่ยวน้อยครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่ออกไปเที่ยว เป็นเจิ้งเหวินโจที่ลากเขาออกไป และเจิ้งเหวินโจจะเป็นคนชำระ เงินให้ทุกครั้ง

ไม่ดูหมิ่นยามยากจน ไม่ลืมยามมั่งคั่ง นี่คือนิยามของคำว่า เพื่อน

ปัญหาเรื่องเงินก็แก้ไปแล้ว ปัญหาที่คาใจก็จบไปแล้วเรื่องนึง เมื่อความง่วงเข้าครอบงำ ในที่สุดเขาก็นอนหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น

หานคงถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู เขาขยี้ตาพลางเดินไปเปิด ประตู โดยที่ทั้งตัวเขาสวมใส่เพียงเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้น

คนที่มาเคาะประตูคือหวาง เธอมาบอกเขาว่า ตอนนี้เซียเพิ่ง ต้องการจะกลับดงหยาง จึงให้เขาเตรียมตัวและเก็บสัมภาระให้ เรียบร้อย

หานคงตอบตกลงและเดินไปแปรงฟัน

เรื่องที่เซี่ยเพิ่งเจอจางเจ้นชื่อ เดาได้ว่าเขาเกลียดเมืองหลิน อานมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก การรีบไปจากที่นี่จึงนับว่าเป็นข้ออ้างทีดี

– พี่คง ด้านหลังพี่สักลายอะไรคะ?

หวางสี่เห็นรอยสักแวบๆตรงหลังคอตอนที่เขาหันตัว เธอเห็น รูปหางสัตว์แบบเลือนราง คล้ายรอยสัก เธอจึงอดถามไม่ได้ หานดงหาว และไม่ได้หันหน้ามาตอบ : “เธอลองทายดูสิ ! หวางกระทืบเท้า : “ฉันทายไม่ถูกหรอก ”

หานคงมีความรู้สึกดีๆต่อเลขาคนนี้ เพราะเธอบริสุทธิ์ ใจดี และมีไมตรีจิต จากนั้นเขาก็ยิ้มและตอบแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ ลายมังกรเขียว ผู้ชายก็ชอบลวดลายกันทั้งนั้น จะเป็นลายอื่นได้ ยังไงกัน”

แท้จริงแล้วรอยสักนั้นไม่ใช่ลายมังกรเขียว แต่เป็นลายงูเห่า จอมดุร้ายที่ เซี่ยเพิ่งเคยเห็น หัวงูอยู่ตำแหน่งไหล่ซ้าย สักเต็มไป ด้วยลวดลายต่างๆนาๆ คนทั่วไปไม่กล้าแม้แต่จะคิดทำรอยสัก แบบนั้น เพราะต้องสักเข้าเนื้อสามเซน

เมื่อสองปีก่อนหานคงไปปฏิบัติงานลับนอกเขตแดน จึงจำเป็น ต้องสัก เดิมทีเขาคิดว่าหลังปลดประจำการจะหาเวลาไปลบรอย สักที่โรงพยาบาล และเขาเองก็ยื้อเวลาไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ไปสักที

เมื่อแปรงฟันเสร็จแล้ว เขาก็ไม่มีของให้ต้องเก็บมากมาย เพราะมีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัว
เขายัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า และจะลงไปซื้ออาหารเช้าล่วงหน้า เมื่อเขาเดินถึงหน้าห้องของเซี่ยเมิง ก็ได้ยินเธอกำลังคุยโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงที่ข่มความโกรธไว้

“จางเจ้นซื่อ ที่ฉันมาหาคุณก็เพื่อที่จะมาคุยเรื่องธุรกิจ และมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากคุณไม่สนใจธุรกิจเล็กๆของบริษัท เจิ้นเวย คุณจะไม่มาพบฉันก็ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะใช้แผน วางยาที่ต่ำช้าแบบนี้…

“ประธานเซีย คุณพูดว่าอะไรนะ? จุดประสงค์ของคุณก็แค่ ต้องการเซ็นสัญญาร่วมงานระยะยาวกับบริษัทเทิงหยวนก็เท่านั้น แบบนี้แล้วกัน ตอนนี้คุณมาคุยกับผมที่โรงพยาบาลหน่อยครับ ผมยอมทุกอย่าง หากคุณเพิ่มเงื่อนไขพิเศษให้ผมสักหน่อย ผม ว่าเราน่าจะคุยกันง่ายขึ้น

“ตอนนี้ฉันไม่สนใจร่วมงานแล้ว

จางเจ้น อพูดอย่างไม่ใยดี “เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมประธาน เซี่ยถึงได้ไร้น้ำใจขนาดนี้ หากประธานเจียงของไท่เพิ่งรู้ว่าคุณ อารมณ์เสียแบบนี้ เกรงว่าพวกคุณจะดูไม่ดีนะครับ!

ประธานเจียง เซี่ยเพิ่งรู้ว่าเขาพูดถึงเจียงลงหลิน เป็นผู้จัดการ เขตดงหยางของธนาคารไท่เฟิง

“คุณต้องการจะสื่ออะไร? ”

” ผมพูดแบบไม่กัก เอาเป็นว่า แค่ผมพูดประโยคนึง บริษัท การขนส่งเจิ้นเวยก็สามารถหยุดร่วมงานกับไทเฟิงได้ทั้งหมด คุณเชื่อไหมล่ะ? ”
เซียเพิ่งกัดฟันกรอด “คุณแน่จริงก็ลองดู

จางเจ้นชื่อที่มีแผนอยู่ในใจ พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย : ” ผม พูดไปหมดแล้ว จะมาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณ อีกเรื่องนึง ฝากไป บอกสามีคุณหน่อยนะว่า วัยรุ่นเนี่ย ไฟแรงแค่ไหน ก็เผาตัวเองได้ ง่ายเช่นกัน………

เซี่ยเพิ่งทนฟังต่อไปไม่ได้ จึงกดตัดสายไป

ความโกรธที่ไม่เคยปะทุมาก่อน ทำให้เธอรู้สึกเสียใจที่ติดต่อ จางเจ้นซื่อไป

แค่พูดจาแฝงกลลวง เธอก็ไม่อยากจะร่วมมือแล้ว แต่ฝั่งตรง ข้ามกลับกัดไม่ปล่อย หากบอกว่าเขาเป็นคนไร้สัจจะ ก็ดูเหมือน จะให้เกียรติเกินไป

เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

อย่าพูดถึงการขู่บังคับด้วยวิธีนี้เลย หากเอาปืนมาจ่อหัวเซีย เพิ่งเธอก็คงจะไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งนั้น

ในตอนที่เธอกลัดกลุ้มใจอยู่นั้น เธอก็ยินเสียงทักทายของหาน งจากด้านนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ