บทที่ 14ลิ่วจี่
“พ่อ!”
หลังจากที่รับโทรศัพท์หานคงก็ได้เรียกออกมา ทันทีหลังจาก นั้นเซี่ยหลงเจียงก็ได้ส่งเสียงเข้ามาอย่างสดชื่นเบิกบาน
เรื่องที่พูดก็คือเรื่องที่เซี่ยเพิ่งต้องการจะหย่าขาด
หานคงได้ยินเขาถามเพื่อเน้นความจริงก็ได้หัวเราะอย่างฝืนใจ พร้อมทั้งพูด: “พ่อ รายละเอียดผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร? อาจจะ เพราะว่าร่างกายของพวกเราทั้งสองคนที่อยู่ด้วยกันก็คือความ ผิด หากว่าเธอต้องการหย่าขาดก็ไม่เป็นไร แต่ว่าจะต้องผ่านช่วง เวลานี้ไปก่อน สุขภาพของพ่อผมท่านก็รู้ ผมไม่กล้าที่จะมีปัญหา ใหม่แทรกเข้ามาในเวลาแบบนี้
เซี่ยหลงเจียงได้พูดตำหนิ: “มีความคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน ใน เมื่อได้เดินร่วมกันแล้วก็คือโชควาสนา รอฉันจัดการเรื่องทาง ด้านนี้เสร็จ เรียกคนทั้งครอบครัวมานั่งรวมกันเอาเรื่องราวพูด ออกมาให้หมดก็ได้แล้ว ก่อนจะถึงเวลานั้น ใครก็ห้ามก่อปัญหา เพิ่มให้ฉัน
ในใจของหานคงคิดว่าความคิดทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นของ ลูกสาวคุณ ตัวเขาเองจะสามารถมีวิธีไหนอีกได้ คงไม่สามารถที่จะหน้าด้านไร้ยางอายอยู่ที่ตระกูลเซียไป
ตลอดชีวิตหรอกนะ
คำพูดพวกนี้ไม่สามารถที่จะพูดบนปากได้ ตีความได้ว่าทั้ง สองคนนั้นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งที่ใหญ่มากนัก จึงสามารถนำ เรื่องนี้ทำอย่างลวกๆขอไปที่เพื่อให้ผ่านพ้นไป
“จริงสิ ฉันได้ยินเสี่ยวเพิ่งบอกว่า วันนี้เธอได้โยกย้ายแล้ว งาน ราบรื่นดีไหม?”
หานดงไม่เคยชินกับการบอกเล่าความทุกข์ในใจ จึงได้พูดล
วกๆต่อว่าก็ยังได้ และก็ได้หาโอกาสวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อกลับไปถึงข้างตัวของหลิวหมิงหยวน ก็ได้เห็นเขาพิงไปที่ เสาไฟข้างถนนสูบบุหรี่อย่างเบื่อหน่าย
ทั้งสองได้พูดคุยคุยเรื่อยเปื่อยอีกทั้งยังได้รอมาเกือบจะหนึ่ง ชั่วโมงแล้ว หานคงเห็นว่าเฉียวลิ่วก็ยังไม่มีเค้าลางว่าจะออก มา จึงได้เสนอให้เข้าไปดู
“รออีกหน่อยเถอะ…….
หลิวหมิงหยวนก็ยังคงมีความขลาดกลัวอยู่หน่อย เขาลังเลไม่ กล้าตัดสินใจ
หานคงไม่ต้องการที่จะบังคับเขา “ผมเข้าไปเองเถอะ!”
หลิวหมิงหยวน โน้มน้าวไม่อยู่ จึงได้ฝืนศีรษะเดินตามหานดง อยู่ด้านหลัง: “เดิมทีก็เป็นเรื่องของทั้งสองคน จะให้เธอคน เดียวได้ยังไง หากว่าเฉียวลิ่วแสดงท่าทีที่พาล หลายคนก็ดีจะ ได้มีการดูแลกันได้”
หานคงคิดว่าเขากลัวเฉียวลิ่วจี่
แต่ก็เพราะว่ากลัว เขาจึงได้ตามตัวเองเข้าไปในหยินเหอเช่นนี้ กลับทําเรื่องที่ยากสำเร็จลงก็นับว่ามีค่ามาก
หัวเราะแล้วหัวเราะอีก เดินไปด้วยอีกทั้งพูดปลอบใจไปด้วย “นี่มันยุคอะไรแล้ว วางใจ ยิ่งเป็นทางที่ปนเปไปด้วยความมั่ว กลับยิ่งที่จะมีกฎเกณฑ์ ติดหนี้คืนเงิน เป็นสัจธรรมอัน เปลี่ยนแปลงมิได้ ไม่ว่า เฉียวลิ่วจะทำยังไง แต่ก็คงไม่ถึงกับว่า ฆ่าพวกเราหรอก!”
หลิวหมิงหยวนถูกท่าทางของเขาส่งผลกระทบ จึงได้แสดง อารมณ์ที่โล่งกว้างออกไป “ไม่ผิด จะสามารถทำอะไรได้ ก็เป็น เพียงการเดินเข้าไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายสักครั้ง เดิมทีก็รู้สึกรำคาญถังเช่นชิวมาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้จงใจต้องการ ที่จะทวงหนี้ก้อนนี้กลับมา จะต้องทำให้ผู้หญิงชั่วคนนั้นตื่นตกใจ จนปากค้าง!”
เข้าไปถึงด้านใน KTV พนักงานหญิงที่สวมชุดกระโปรงสีดำ ทั้งตัวก็ได้เข้ามาต้อนรับอย่างเป็นมิตร
“พ่อรูปหล่อทั้งสองท่าน มีอะไรที่ต้องการไหม?”
หลิวหมิงหยวนมีนิสัยที่มีจิตใจที่เปิดเผยไม่ซ่อนเร้น แต่ ภายในกลับล้อมรอบไปด้วยความไม่มั่นใจ เขาที่ได้พูดมากไป ชั่วขณะแท้จริงแล้วก็ได้กลัวที่จะรับมือกับพนักงานบริการ
หานคงได้ตอบกลับอย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด: “พวกเรามา หาท่านเฉียว เขาอยู่ที่ไหน?”
“ท่านเฉียวเหรอ อยู่ที่เลขที่เทียน
ที่นี่มักจะมีลูกน้องของเฉียวลิ่วเข้ามา พนักงานบริการก็ได้คิด ว่าหานคงกับหลิวหมิงหยวนก็เป็นลูกน้องของเขา จึงไม่ได้ปิดบัง หานคงถามที่อยู่จนรู้ จากนั้นก็ได้เดินขึ้นไปชั้นบนกับหลิวหมิง
หยวน
ห้องพิเศษเลขที่เทียน ก็คือห้องพิเศษห้องใหญ่บนสุดห้องหนึ่ง ของที่นี่ ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อรับรองก็คือหนึ่งหมื่นแปดพันแปดสิบ ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ที่ด้านบนสุด
ทั้งชั้นมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ แต่ก็มีห้องพิเศษไม่ถึงยี่สิบกว่า ห้อง
เมื่อขึ้นไปหานคงก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าพนักงานบริการมีนิสัย เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย เสื้อผ้าที่สวมใส่ ไม่ได้มีออาชีพไปกว่าพนักงานบริการชั้นล่างขนาดนั้น อีกทั้งยัง เป็นการแต่งตามใจตัวเอง
ผู้หญิงจำนวนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็น แขก อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหญิง
ตามที่ได้ถามที่อยู่อย่างชัดเจน ทั้งสองคนได้มาถึงหน้าประตู ห้องพิเศษเบอร์6 ชายหญิงด้านในมีการหัวเราะด้วยความ สนุกสนานส่งมาอย่างรางเลื่อน อีกทั้งมีความครึกครื้นมาก
หัวใจของหลิวหมิงหยวนเกือบจะเต้นออกมาแล้ว: “ดง อีก เดี๋ยวได้พบกับเฉียวลิ่วจี่แล้วจะพูดยังไง?”
หานดงพูด: “ผมพูดเอง จำนวนหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมดคือเจ็ดแสน ใช่ไหม”
“ใช่ ใช่”
หานดงพ่นลมหายไปออกมาฟอดหนึ่ง จากนั้นก็ได้ใช้มือจับไป ที่ลูกบิดประตู ผลักออกไปตรงๆ
ชั่วพริบตาที่ประตูเปิด ก็ยิ่งมีเสียงของ ส่งมาปะทะหน้าดัง ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในพื้นที่ 100กว่าตารางเมตร ตรงใจกลางมีโต๊ะสำหรับวางชุด น้ำชาก็ได้มีผู้หญิงที่เหมือนเจ้าหญิงคนหนึ่งที่ใส่เพียงชุดชั้นใน กำลังเต้นรูดเสาเหล็กด้วยท่วงท่าที่ร้อนแรง มีรูปร่างดีเป็นอย่าง มาก
เฉียวลิ่วนั่งอยู่บนโซฟา ซ้ายอุ้มขวากอด ดูจากสีหน้าแล้วก็ คงจะได้ดื่มเหล้าไปไม่น้อย
ผู้หญิงคนนั้นที่เมื่อกี้ถูกหลิวหมิงหยวนแจ้งให้ทราบว่าชื่อ เงินปิงหยุนก็ได้อยู่ตรงด้านขวาของเฉียวลิ่ว เมื่อเทียบกับด้าน นอกก็มีรอยยิ้มที่เจียมตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีความเมาใดๆ ถัด ไปไม่ไกลจากเฉียวลิ่วจี่ก็เป็นลูกน้องสองคนนั้นที่เขาพามาด้วย โดยที่ต่างคนต่างก็มีเจ้าหญิงข้างตัว
หานดงพุ่งเข้าไปกะทันหัน แรกเริ่มก็ไม่ได้ถูกคนสนใจมากนัก คิดว่าเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา
สักพักก็ได้เห็นถึงการสวมใส่ที่แตกต่างกัน สายตาทุกคนจึงได้ จ้องเขม็งไปที่บนตัวของหานคงกับหลิวหมิงหยวนแล้ว
หนึ่งในลูกน้องของเฉียวลิ้วได้ลุกขึ้นยืนก่อน จากนั้นก็ขวาง กั้นตรงหน้าของหานดง จากนั้นได้ผลักเขาออกไปทางด้านนอก ไปด้วยพร้อมทั้งพูดไปด้วย: “พวกนายคือใครกัน……
เมื่อ หลิวหมิงหยวนถูกฝ่ายตรงข้ามทำรุนแรงหน่อย ในเวลา นั้นเขาก็ได้อ่อนระทวยไปหมดแล้ว และได้คิดที่จะอธิบายว่าเดิน เข้ามาผิดห้องแล้ว
หานคงได้แย่งพูดก่อน: “พวกเราทั้งสองคนมาหาท่านเดียว มี เรื่องนิดหน่อย”
ลูกน้องได้ดื่มไปไม่น้อย จึงได้มีท่าทีวิงเวียน บวกกับเสียงเพลง ที่บ้าคลั่ง ทำให้เขาก็ได้ยินไม่ชัดว่าหานคงได้พูดอะไร ในเวลา เดียวกันก็ได้เริ่มหงุดหงิด ขี้เกียจจะพูดไร้สาระ จากนั้นก็ได้ยก เท้าพร้อมถีบ: “ห้องก็เข้ามามั่วๆ ไสหัวไป
หานคงหลบอย่างไม่สนใจ ลูกน้องที่ดื่มจนเมายืนไม่มั่นคง ใต้เท้าได้ลื่นตกไปอยู่บนพื้นตรงๆ
ลูกน้องได้ปีนขึ้นมาตรงๆ จากนั้นได้กำหมัดมุ่งไปบนใบหน้า ของหานดง: “เยสเข้ เธอ…….
คำหยาบคายที่ยังไม่ได้ส่งออกจากปาก ฝ่ามือของหานคงก็ เหมือนกับมีตาได้จับไปที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ จากนั้นก็ได้สะบัดมือทิ้งไป
เติง เต็ง เติ้ง ลูกน้องไปถอยหลังต่อเนื่องกันไปแล้วหลายก้าว ด้านหลังชนไปที่ขอบมุมบนโต๊ะน้ำชา ทำให้ผู้หญิงที่กำลังเต้นรำ อยู่ด้านบนส่งเสียงตกใจออกมา จนเกือบที่จะล้มลงมาแล้ว
มีเจ้าหญิงที่เห็นว่าสถานการณ์มันไม่ถูกต้อง จึงได้รับไปปิด เสียงเพลง
ส่วนหลิวหมิงหยวน ตอนนี้ก็ได้ถูกทำให้ตกใจจนบ้าอย่าง ถึงที่สุดแล้ว
ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่า หานคงจะกล้าลงมือตรงๆ ได้แหย่เรื่องที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายไปแล้ว
เมื่อคิดถึงเฉียวลิ่วจี่แล้ว ขาทั้งสองข้างของหลิวหมิงหยวน เริ่มที่จะสั่นระริก และมีสีหน้าที่ขาวซีด
ก่อความวุ่นวายในห้องพิเศษเพราะหานดง อีกทั้งได้เปลี่ยน จากที่ไม่สงบสุขุมเป็นเงียบสงัด
เฉียวลิ่วได้ชำเลืองมองมาทีหนึ่ง จากนั้นก็มีท่าทางของ
ร่างกายที่ขี้เกียจ ปล่อยตัวเองออกยึดไปที่ตรงหน้าอกของเงินปิง
หยุนกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง: “ พวกเธอทั้งสองคนเป็นใครกัน?”
ความหมายของพลังที่ออกมาจากคนนี้ก็ช่างลึกลับและ มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
ก็ในเวลาเช่นนี้ที่เฉียวลิ่ว มีสีหน้าที่ได้อารมณ์ มีน้ำเสียงที่ไม่ เร่งรีบแต่ก็ไม่ช้า แต่กลับทำให้หลิวหมิงหยวนพูดๆอึ้งๆ เหมือนกับตดที่ไม่สามารถที่จะปล่อยออกมาได้
ใบหน้าที่ดุร้ายมาแต่เกิดนั้น สามารถทำให้คนตกใจถอยหลัง ไปเป็นจํานวนมาก
บนใบหน้าของหานคงได้แขวนไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรอ่อน โยน: “ท่านเขียว พวกเราเป็นคนของเจิ้นเวย”
เฉียวลิ่วได้ยินคำว่าเจิ้นเวยสองคำนี้ก็สามารถเดาความ หมายที่หานคงกับหลิวหมิงหยวนมาได้แล้ว จากนั้นเขาก็ได้ลาก เสียงยาว: “เจิ้นเวย เข้าใจแล้ว”
“ท่านเขียว ท่านเห็นว่าวันนี้สะดวกไหม? หากว่าสะดวก พวก
เราทั้งสองจะรออยู่ตรงประตู ท่านเที่ยวเล่นต่อ
เฉียวลิ่วจี่ลุกขึ้นเดินไปถึงตรงหน้าของหานดงแล้ว: “สะดวก แน่นอนว่าสะดวก!”
นอกเหนือจากการพูด เขาก็ได้มีท่าทางเหมือนพัดใบปาล์มใน การยกฝ่ามือขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ได้เผียะมีเสียงตบไป ที่บนใบหน้าของหานคงดังออกมาแล้ว
ความแข็งแรงของมือโตๆทำให้ใบหน้าของหานางแดงขึ้น
ทันที
ชั่วพริบตาที่ได้ลงมือ เฉียวลิ่วก็ปัดข้ออ้างทั้งหมดให้พ้นตัว ด้วยการพูดด้วยน้ำเสียงต่ำที่ยืนหยัดอย่างแน่วแน่ “ใครให้ ความกล้านี้กับนาย ให้นายมาเอาเงินฉัน แล้วก็ยังแตะต้องคน ของฉัน!”
ตรงมุมปากของหานดงมีรสฝาด อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวอยู่หน่อย เขาได้กลับหลังหันอย่างที่อๆ: “ท่านเฉียว ผมไม่ได้ทำอะไรเขา เป็นเขาที่ไม่ระวังตัวล้มลงไปเอง”
เฉียวลิ่วได้ตะลึงเล็กน้อย การแสดงออกของคนนี้ก็ช่างเกิน ความคาดหมายมากเกินไป
เขาเคยชินกับการเห็นคนเอาใจศิโรราบอยู่ตรงหน้า กลับ พบเห็นได้น้อยกับคนอย่างหานดงประเภทนี้ที่ได้ผ่านการต่อสู้ แล้วแต่บทบาทนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ