บทที่ 12 KTVหยินเหอ
หลังจากที่หานดงไป ถังเล่นชิวก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรให้ กับเซี่ยเมิงอีกครั้ง: “ประธานเซีย คนได้จัดการเรียบร้อยแล้ว”
แม้จะไม่ได้พบคนแต่ก็สามารถฟังจากน้ำเสียงออกว่าเซียเม งอารมณ์ดี: “พี่ชิวตอนเย็นฉันเลี้ยงข้าวเธอ
บนใบหน้าของถังเช่นชิวที่ขาวราวกับหิมะก็ได้ยิ้ม: “ฉันล่ะ แปลกใจว่าหานดงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ที่ทำให้เธอที่เป็น ประธานบริษัทคนนี้มุ่งหวังที่จะขุดหลุมฝังทั้งเป็นเช่นนี้
เซี่ยเพิ่งจะพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับหานคงได้ที่ไหน กัน: “เป็นลูกชายของเพื่อนพ่อฉัน ต้องการที่จะยัดมาถึงเจิ้นเวย ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ เพราะเรื่องของหน้าตาจึงได้ จำยอมที่จะต้องเป็นเช่นนี้
พูดถึงความไม่ชัดเจน ถังเช่นชิวกลับฟังเข้าใจ
ความหมายในคำพูดของเซี่ยเพิ่ง ก็คือต้องการที่จะให้เขาช่วย หาเหตุผลในการไล่หานดงออกไปจากเจิ้นเวย
เธอจิบชาไปแล้วคำหนึ่ง “เมื่อกี้ฉันให้เขาไปเข้าร่วมทวงหนี้ที่ ต้องชำระนั้นของเฉียวลิ่วกับพนักงานคนหนึ่งของฝ่ายกฎหมาย พอดิบพอดี ประธานเซี่ยไม่ต้องการที่จะใช้หานดง ฉันไม่ต้องการ ที่จะใช้หลิวหมิงหยวน ติดตามเงินกลับมาไม่ได้ก็หาโอกาสไล่คน สองคนนั้นออกไปพร้อมกันก็ได้แล้ว”
“เข้าใจฉันดีจริงๆ พี่ชิว
เฉียวลิ่ว คือคนที่ชอบกวนคนอื่นโดยไม่รู้กาลเทศะซึ่งได้มีชื่อ เสียงมากในเขตเมืองทั้งเมือง บทบาทของเขาก็คือมักจะกลืนคำ พูดปิดความผิดให้ผู้อื่น คนบนสายหนทางเรียกเขาว่าท่านเขียว ซึ่งก็มีเบื้องหลังในความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
เจิ้นเวยเพราะเหตุนี้จึงได้ไปถึงหน้าประตูอย่างไม่กลัวที่จะขาย หน้า อีกทั้งยังเคยร่วมมือระยะสั้นสองครั้งกับบริษัท โลจิสติกส์ ภายใต้มือเขา ซึ่งก็มีจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องประมาณ 900,000 หยวน
การร่วมมือกันกับเขาที่เกี่ยเพิ่งกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องปัญหา ของจํานวนเงินที่จะคำนวณได้ไม่ง่าย เกรงว่าอะไรมาก็คิดอะไร ผิวหน้าของเฉียวลิ่วนั้นหนาจนถึงพรมแดนของคนปกติยากที่จะ คิดได้
จนกระทั่งปัจจุบัน เจิ้นเวยได้ช่วยจัดส่งสินค้าหลายรอบขนาด นั้นแล้วก็ยังไม่ได้รับเงินเลย
พนักงานติดตามทวงหนี้ได้เปลี่ยนแล้วกลุ่มหนึ่งอีกทั้งกลุ่ม หนึ่ง ถ้าไม่สามารถพบหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้ ก็พูดโดยรวมได้
ว่าก็ไม่สามารถที่จะได้รับเงิน
แข็งเจอแข็งนั้นเซี่ยเม็งไม่กลัว เธอยังคงเต็มใจที่จะเชื่อใน กฎหมาย
แต่เฉียวลิ่ว กลับจงใจใช้ไม้อ่อน หนึ่งหลบสองซ่อนสาม คุกคามทำให้เธอไม่สามารถที่จะตัดสินใจฟ้องร้องได้ อีกทั้งก็ยังไม่ได้รับเงิน
อย่างไรเสียการทําธุรกิจก็กลัวว่าจะได้พบกับคนแบบนี้ คิดไม่ ถึงว่าจะต้องจำใจทำเช่นนี้ เซี่ยเพิ่งก็ไม่เต็มใจที่จะฉีกหน้าเขาน่า คนมาลงโทษตายอย่างถึงที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงให้หานดงไปทวงหนี้สิน เพราะคาดการณ์ไว้อย่าง มั่นใจว่าเขาจะไม่ได้รับเงิน หากว่าเป็นแบบนี้แล้วละก็ เธอก็มี เหตุผลที่จะไล่คนออกไปจากเจิ้นเวยแล้ว เพื่อเป็นก้าวแรกที่ดีใน การหย่าขาด
การกระตุ้นก่อให้เกิดการตัดสินใจของเธอก็คือการสนทนาที่ เมื่อคืนได้พูดคุยกับน้องสาวเซี่ยหมิงหมิง
ผู้ชายในอนาคตของเซี่ยเพิ่งถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลที่โดดเด่น ประเภทนั้นอย่างชิวผิงแต่ก็ไม่ควรที่จะเป็นหานดงคนที่ธรรมดา สามัญพื้นๆอย่างสุดขีดแบบนี้
เมื่อก่อนเธอนั้นจะกังวลต่อความหมายของพ่อตัวเอง อีกทั้ง กังวลต่อความคิดของหานเยซานพ่อของหานดงแต่ว่าแล้วใคร มาเป็นกังวลต่อเธอ?
หลิวหมิงหยวนปีนี้มีอายุ24ปี หลังจากที่จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยก็ได้ไปเป็นทหารอยู่2ปี มีใครบางคนแนะนำให้เข้า มาทำการคุ้มกันนำส่งสินค้าของบริษัทเจิ้นเวย
เขาก็ไม่ชัดเจนว่าตัวเองได้ล่วงเกินตรงไหนของถังเช่นวกล่าวโดยสรุป เรื่องของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ เฉพาะของฝ่ายกฎหมายนี้ทุกคนต่างก็หลบเลี่ยงออกไปไกล หน้าที่ทวงหนี้จึงได้ตกอยู่บนหัวเขาแล้ว
เฉียวลิ่วนั้นเป็นคนแบบไหน หลิวหมิงหยวนใช้ชีวิตอยู่ที่ตั้ง หยางตั้งแต่เล็กจะไม่รู้ได้ยังไงกัน
เขาก็ยังเคยบังเอิญเห็นเขาอยู่ในผับ
เป็นกลุ่มคนที่มีการติดตามเป็นกลุ่ม มีการวางท่าในความเป็น ลูกพี่ตามแบบนักเลง แม้แต่เจ้านายที่เก่งกาจก็ล้วนแต่ทำทุกวิธี เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบ เพราะกลัวว่าจะไปล่วงเกินเขา
ด้วยเหตุนี้ ความประทับใจต่อเฉียวลิ่วคนนี้ก็ได้ฝังเข้าไปอยู่ ในใจของเขาแล้ว
ก่อนหน้านี้ของเขาก็เคยเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ
หน้าที่เฉพาะในหน้าที่นี้มาก่อน
ถ้าไม่เป็นการละเลยไม่ทำงาน ที่เป็นภายใต้ส่วนบุคคลที่ได้ถูก ขวัญตลอดจนทุบตี
ถูกมอบหมายให้มาทวงหนี้เฉียวลิ่ว ตัวของหลิวหมิงหยวน เองก็ชัดเจนดีว่าตัวเองใกล้จะถูกไล่ออกจากเป็นเวยแล้ว เพราะ ความหมายในคำพูดนอกคำพูดของถังเช่นชิวก็คือทวงหนี้กลับ มาไม่ได้ ก็ต้องส่งรายงานการลาออก
9โมงเช้าตรง ตรงหน้าประตูอาคารโกทั้ง หลิวหมิงหยวนที่ได้สวมใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืดได้ยืนอยู่ที่เย็นสบาย ซึ่งมองไปรอบด้านความมุ่งหวัง
ส่วนสูงของเขาอยู่ประมาณ 175 มีร่างกายกำยำล่ำสัน หน้าตาเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม ทำให้คนถึงความ ปล้อนกลับกลอก
หน้าที่ครั้งนี้นอกจากแล้ว เหมือนว่าจะหานคงอะไรที่เพิ่งจะคือยามรักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง เขาเคยเจอหน้าถึง ครั้งด้วยกัน เพียงแค่ไม่เคยด้วยก็เท่านั้น
เสียงโทรศัพท์กริ๊งกริ่งขึ้น หลิวหมิงหยวนเห็นแปลก จึงคาดเดาหานมาถึงแล้ว
เป็นไปตามคาด
เขา
“อาคารโกทงประตูทิศตะวัน
เขาแจ้งอยู่ ประเดี๋ยวเดียวหานที่สวมลำลองก็ได้ ปรากฏตัวในสาย
หานเป็นประเภทที่มองขึ้นแล้วนิสัยค่อนข้างจะอ่อนโยน บนโฉมภายนอกก็สามารถทำให้คนความรู้สึกมามาก อีกทั้งแม้พบกันครั้งแรกแต่หลิวหมิงหยวน ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่า เขากันเอง
“พรรคพวก ตรง!”
เขาโบกมือไปมาไม่รอให้ทานดงเดินเข้ามาใกล้ก็ได้ล้วงบุหรี่ ออกมาแล้ว
เมื่อเห็นว่าหานคงไม่สูบ เขาก็จุดไฟแค่มวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้ สูบบุหรี่ พร้อมทั้งพูดอย่างมีความเอ้อระเหยลอยชายอยู่บ้าง “ตอนนี้พวกนับว่าเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากแล้ว โดยเฉพาะความ ซวยที่เร่งรัด”
ได้ยินใน ในคำพูดของเขามีความหมายแฝง หานคงก็ได้ ถามต่อ: “ทำไมล่ะ!”
หลิวหมิงหยวนเกิดความประหลาดใจขึ้น “เธอไม่รู้ว่าคนที่ พวกเราต้องติดตามทวงหนี้คือเฉียวลิ่ว”
เฉียวลิ่วจี่
หัวทั้งใบของหานคงเต็มไปด้วยละอองน้ำคล้ายหมอก เขาเป็น ทหารมาตลอดทั้งปีจึงไม่เคยได้ยินเรื่องของคนที่ระยำในเมืองนี้ จริงๆ
หลิวหมิงหยวนเห็นถึงสถานการณ์ก็ได้ลุกขึ้นยืนทิ้งบุหรี่ จาก
นั้นก็พูดแนะนำขึ้นมา
หานคงยิ่งฟังหัวคิ้วก็ยิ่งบีบแน่น
เขาก็พูดแล้วว่าเซี่ยเมิ่งเอาเขาจัดการมาถึงแผนกกฎหมายก็ รู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้ดูแล้วเธอน่าจะคิดที่จะไล่ตัวเองออกไป จากบริษัทแล้ว
หากว่าเป็นไปตามที่หลิวหมิงหยวนพูดทั้งหมด เช่นนั้นหนี้สินก้อนนี้ก็ยากที่จะติดตาม สำหรับเขี่ยเมิ่งแล้วก็คงเป็นข้ออ้างใน การไล่คนออกอย่างดีเยี่ยม
ขั้นที่หนึ่งคือไล่คนออก ขึ้นต่อไปก็คงจะเป็นการหย่าขาดโดย
ได้แบไพ่ที่อยู่ในมือให้ดูแล้วสินะ เขารู้สึกจิตตกหดหูผิดหวัง ท่าทางของอารมณ์ที่โอหังอวดดีใน
ใจได้ต่อต้านขึ้นมาแล้ว
เธอคิดว่าตัวเองจะไม่สามารถติดตามหนี้สินก้อนนี้กลับมาได้ แต่หานคงจะต้องติดตามกลับมาให้เธอเห็นให้ได้
คุยเรื่อยเปื่อยจนพระอาทิตย์ก็ค่อยๆร้อนและรุนแรงขึ้น
หลวหมิงหยวน ทำลายกระป๋องให้หล่นลงมาพร้อมพูด: “ไป เถอะ ไปดื่มชาสักแก้ว หลังจากนั้นก็นอนกลางวันที่ร้านน้ำชา เอ้อระเหยไปหนึ่งวันเพื่อผ่านไปอีกวัน
หานคงไม่ได้ส่งเสียง จากนั้นก็ได้ตามเขาไปถึงร้านน้ำชาใกล้
เคียงร้านหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าหลิวหมิงหยวนไม่ใช่ครั้งแรกที่มาที่นี่ เขาสนิท สนมคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างมาก
ร้านน้ำชาก็ไม่ใช่มีเพียงแต่ร้านน้ำชาอย่างเดียว เป็นร้านที่ ภายในมีความเรียบง่ายของไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด ไพ่นกกระจอก สมควรจะมีก็ต้องมี เสียงตะโกนเรียกลูกค้า เสียงด่าทอ เอะอะฮือ ฮาวุ่นวาย กลิ่นบุหรี่อบทำให้คนสำลัก
หานคงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมประเภทนี้ เขาได้นั่งอยู่บนโต๊ะดื่มชาอยู่เดียว หลิวหมิงหยวนได้เข้าใกล้ไปตาม ทิศทางของ โต๊ะไฟ กลุ่มพิชิตแลนด์ลอร์ด
มองออกว่ากี่วันมาที่พูดได้หยวนนั้นน่าจะถ่วงอยู่ทุกวัน
ในของหานคงคิดชะตา ด้วยสายตาที่มองหลิวหยวนคนน่าจะเป็น คนทําตามอำเภอใจประเภทนั้น ไม่มีเวลาจะรับรู้ตัวเอง
คนประเภทอยู่บนสถานที่งานไม่ถูกคนคั้นจะ
หานคงนั่งอยู่เดียวก็รู้สึกเบื่อ จึงได้เข้าไปหลิวหมิงหยวน เล่นไพ่ นั้นก็รู้สึกว่าใกล้จะถึงเวลา
หลิวหมิงหยวนกลับหลังหันหัวเราะเหอๆ”เพื่อนพ้อง หากช่วยเธอไว้ เมื่อหัวหน้าถาม ฉันว่าพวกเรากำลังเฝ้า
หานดงขมวดคิ้วอย่างนั้นเธอสามารถเคลื่อนไหวของเฉียวลิ่วให้ฉันได้ไหม จะเข้าไปด้วยตัวเอง
หลิวหมิงหยวนได้พูดมาทันทีอย่างได้ปกติแล้ว เขาแต่ โมงเช้าจนถึงบ่าย จะด้วยคราบน้ำตา แม่เจ้าเขาช่างจริงครั้งหนึ่งมีเพื่อนพ้องเลี้ยง ฉันจึงได้ไปอย่างสง่าผ่าเผยครั้งหนึ่ง เดาว่าคืนหนึ่ง เสียไปเท่าไหร่ หนึ่งหมื่นหกพันพอดิบพอดี เพียงแต่ว่าผู้หญิงด้าน ในนั้นก็สดใสมีน้ำมีนวลจริงๆ เป็นสาวน้อยที่อยู่ในระดับชั้นดาว โรงเรียนที่โดดเด่นทั้งหมด
หานคงพยักหน้า แอบเก็บคำพูดของหลิวหมิงหยวนจําอยู่ใน ใจแล้ว
เมื่อได้ยินถึงKTVหยินเรือ ก็มีความกลัดกลุ้มใจคอเหี่ยวแห้ง เป็นเงื่อนไขที่ได้สะท้อนกลับอยู่บ้าง
เมื่อวานแม่ยายก็ได้พูดถึงสาเหตุของปัญหาก็คือKTVหยินเหอ พูดว่าเขาได้ไปใช้จ่ายด้านในแล้ว ช่างเป็นที่ที่เอาเปรียบคนจน ตายเลยจริงๆ
หากรู้ถึงแม้จะต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านที่เขามีมารวมกัน ก็ยังมีเงินไม่พอที่จะไปดื่มเหล้าสักแก้วที่หยินเรือเลย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ