บทที่ 6 ต้องกำราบเอาไว้
เทพอัคคีรับรู้ถึงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในทันใด องค์ ราชาเหมันต์อายุแสนกว่าปีแล้วย่อมแก่ชราเป็นธรรมดา สรรพสิ่งไม่อาจอยู่ค้ำฟ้าแต่บุตรสาวผู้นี้ดันเป็นดาวมาร มาจุติย่อมสร้างความลำบากให้บิดาผู้หวังให้นางครองดิน แดนเหมันต์เป็นอันมาก
“คราวหน้าให้พวกเจ้าระวังหากข้าไม่อยู่แล้วกลับมา ไม่ทันช่วยดวงจิตรพวกเจ้าอาจรั้งไม่ไหวดับสลายไปได้ อย่าทำให้นางโกรธ
“เพคะฝ่าบาท”
“ท่านป้อ”
และแล้วฝ่าบาทน้อยที่เหล่านางกำนัลพูดถึงพลันเดิน เตาะแตะออกมา นางยืนอยู่เบื้องหน้าเงยหน้ากลมขึ้นแล้ว มองไปที่ถงถงกิเลนไฟด้วยความสนใจ
“ตะตัวประฉาด” นางตั้งใจจะเอ่ยคำว่าตัวประหลาดออก
มา
เทพอัคคีเมื่อแรกพบกับองค์หญิงน้อยผู้มีใบหน้ากลม ดวงตากระจ่างใสรูปร่างกลมเหมือนก้อนแป้งก้อนหนึ่ง นางอยู่ในอาภรณ์สีเขียวสดผิดจากอาภรณ์ของคนใน แดนเหมันต์ซึ่งเป็นสีขาวทันทีที่นางหันมามองเขา
ดวงตากลมโตที่จับจ้องมายังเขาโดยไม่หวาดกลัวและ ไม่กะพริบตาทําให้หลี่จิ้งรับรู้ถึงพลังงานบางอย่าง
พลังงานแห่งความวุ่นวายโดยไม่มีหยุดสิ้น
“ผู้ใดกัน”
นางยังคงพูดไม่ชัดนักแต่คําถามนี้กลับชัดเจนอีกทั้งยัง เดินเตาะแตะมาหาเขา เป่ยเหยียนปล่อยบุตรสาวแล้ว กล่าวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“ท่านอาจารย์ของเจ้าเทพอัคคีอย่างไรเล่า คารวะ อาจารย์เร็ว”
นอกจากนางจะไม่ทำตามแล้วยังเดินตรงมาหาเขาเอื้อม มือออกมาจวบจนจะสัมผัสร่างของเขาท่ามกลางความ ตกใจของทุกคน
“ฝ่าบาทน้อย”
ร่างของเทพอัคคีอาบด้วยไฟโลกันตร์หากเขาไม่ อนุญาตไม่มีผู้ใดแตะต้องได้อาจถูกเผาจนวิญญาณดับ สลาย แต่ไม่ทันการณ์แล้วนางว่องไวยิ่งร่างน้อยกอด เข้าไปที่ขาของเทพอัคคีโดยพลัน
ไม่เพียงแต่คนของตำหนักเหมันต์ที่ตกใจทั้งหลี่จิ้งและ ถงถงต่างก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง เด็กคนนี้เคลื่อนไหวว่องไว สมกับที่มีพลังร้ายในร่างจนกระทั่งเขายังมิอาจหลบทัน
สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงยิ่งขึ้น นอกจาก นางจะไม่เป็นอันใดแล้วยังกอดขาของเขาแน่น
“ฉวยจัง ข้าขอ ข้าขอ”
ที่แท้เป็นเพราะองค์หญิงน้อยชอบสีสันฉูดฉาดเห็น อาภรณ์สีแดงเพลิงของเทพอัคคีที่งดงามวิจิตรนางจึง เกิดความสนใจเป็นอย่างมากจึงกอดขาเขาแน่นอีกทั้งยัง ร้องขอผ้าผืนนี้จากเขา
สีหน้าของหลี่จิ้งพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาสะบัดขา ครั้งเดียวร่างขององค์หญิงน้อยถึงกลับกระเด็นออกมา ถงถงทนเห็นความใจร้ายของเจ้านายไม่ได้จึงกระโดดเอา ร่างของตนเองเข้ารับนาง
คาดไม่ถึงว่าองค์หญิงน้อยจะว่องไวพลิกกายขี่ลงบน หลังของถงถงทันใด
“ฝ่าบาทน้อยนี่เจ้า นี่เจ้า”
ถงถงถึงกับพูดไม่ออกนอกจากนางจะขี่หลังเขาแล้วยังหัวเราะอย่างสนุกสนานโน้มตัวลงมาดึงเขาที่งอกมาอัน เดี่ยวตรงกลางศีรษะของถงถง
“ไปฉีดปาหลาดไป ไป
ถงถงไม่พอใจอย่างมากความตั้งใจดีของเขากลายเป็น ว่าบัดนี้เขากลายเป็นวัวเป็นม้าให้เด็กเกเรคนนี้ขี่ไปแล้ว ตัวเองพยายามสลัดนางลงแต่นางกลับติดหนึบยิ่งกว่า ตังเมทำอย่างไรก็ไม่หยุด ยิ่งสะบัดแรงนางยิ่งเกาะเขา ของเขาแน่นไฟโลกันตร์ก็ใช้กับนางไม่ได้จะทำเช่นไรดี ถงถงหันไปหาผู้เป็นเจ้านายเห็นเขายืนนิ่งเอ๊ะหรือว่านาย ท่านจะถูกนางมารน้อยนี่แช่แข็งไปแล้ว
ซวยแล้ว ซวยแล้ว
ด้านองค์ราชาเหมันต์กลับมองภาพนั้นด้วยความสุข ท่าทางว่าบุตรสาวของเขาจะเข้ากับเทพอัคคีและกิเลนไฟ คู่กายของเขาได้เป็นอย่างดี
น้ำตาของพ่อผู้ชราถึงกับไหลพราก เขาคิดไม่ผิดที่แท้ก็ สามารถฝากความหวังไว้ที่เทพอัคคีได้จริง ๆ
ด้านเทพอัคคีถึงกับกำมือแน่น ถงถงของเขาเป็นสัตว์ เทพชั้นสูงที่ผ่านมานอกจากเขาแล้วไม่มีผู้ใดสามารถใช้ งานถงถงได้ หากรังแกถงถงเท่ากับลบหลู่เกียรติของเขา บัดนี้กลับถูกฝ่าบาทน้อยตัวแสบนั่นทำลายเกียรติที่เขาสร้างขึ้นมาหลายหมื่นปีลงไปอย่างสิ้นเชิง
ลูกศิษย์ผู้นี้เขาคงต้องกำราบอย่างหนักเสียแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ