ป่วนหัวใจยัยปีศาจ

บทที่ 3 เทพอัคคี



บทที่ 3 เทพอัคคี

หนึ่งร้อยปีต่อมา

เพราะเป็นหิมะที่เกิดจากจิตมารอันแข็งแกร่งกว่าเทพ อัคคีหลี่จิ้งจึงใช้เวลากว่าร้อยปีเพื่อละลายน้ำแข็งจน หมดสิ้น สรรพสิ่งเกิดใหม่ โลกมนุษย์กลับสู่ความสงบได้ ไม่นานเผ่ามารถือกำเนิดดวงวิญญาณชั่วร้ายน้อยใหญ่ เล็ดลอดจากการถูกจับสร้างความเดือดร้อนให้เผ่ามนุษย์

กว่าจะทำงานใช้แรงงานสำเร็จก็เหนื่อยมิใช่น้อยเทพ อัคคีจึงคิดว่าต่อนี้อีกสามร้อยปีเขาจะไม่ทำสิ่งใดอีก เรื่อง ปราบมารปราบปีศาจก็ยกให้เป็นหน้าที่ของทัพสวรรค์ไป คงต้องถึงเวลาลาพักร้อนเพื่อฟื้นฟูดวงจิตอันเหนื่อยล้า ของตนเอง

เมื่อกลับมายังตำหนักสุริยันได้ไม่ถึงครึ่งถ้วยน้ำชากิเลน ไฟน้อยถงถงสัตว์เทพรับใช้ของเขาก็วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามา

“นายท่านขอรับ ท่านเทพหยีหนิงพร้อมด้วยเทพเซียน นับสิบนำพระบัญชาองค์เง็กเซียนมาขอรับบัดนี้อยู่ด้าน หน้าตำหนักแล้ว”

เป็นที่รู้กันดีว่าตำหนักสุริยันของเทพอัคคีล้วนรายล้อม ด้วยไฟโลกันตร์หากไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแม้จะเป็นเทพเซียนชั้นสูงก็อาจจะถูกไฟโลกันตร์เผาดวงจิตจน แตกดับ ดังนั้นตำหนักสุริยันต์จึงเป็นตำหนักต้องห้ามของ เทพทั่วไปที่แทบจะไม่มีใครย่างกายเข้ามา

“นี่นํามาทจะไม่ให้ข้าพักเลยหรืออย่างไร ทั่วทั้งแดน สวรรค์นี้หาได้ไร้ซึ่งเทพที่เก่งกาจมากมายเหตุใดจึงมีพระ ราชโองการมาถึงข้าอีก”

หลี่จิ้งที่อ่อนล้าเป็นอย่างยิ่งบัดนี้ดวงตาแทบจะไฟลุก เขาเหนื่อยอ่อนเช่นนี้ยังจะได้รับคำสั่งอันใดอีก แทบจะ ให้คนไปจับโยนเทพหยีหนิงออกจากตำหนัก

กิเลนไฟรู้อารมณ์เจ้านายเป็นอย่างดี เขาไม่รู้ว่าเทพหยี หนิงนําสิ่งใดมาแต่คิดว่าการที่ตนเองทํางานสําเร็จเทพ อัคคีมักให้รางวัลเป็นน้ำพุเย็นแห่งสระเหมันต์อันหายาก หาเย็นอยู่เสมอ บัดนี้เทพอัคคีทำงานใหญ่สำเร็จช่วยให้ สามภพหลุดพ้นจากการถูกแช่แข็งย่อมได้รับรางวัล เขา จึงพูดออกไปโดยยึดเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่

“อาจจะพระราชทานรางวัลก็เป็นได้นะขอรับ หรือไม่ก็ เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์จะยกให้ท่านเพื่อบำเพ็ญ เพียร”

เทพอัคคียกมุมปากคำกล่าวของเจ้ากิเลนน้อยถงถงมี เหตุผลอยู่มาก เรื่องนี้เขาเปรยกับฝ่าบาทออกมาแล้วพระองค์น่าจะทรงจดจำได้ ใบหน้าของเทพอัคคีพลัน เปลี่ยนสีถงถงเหมือนจะไม่เห็นเพลิงไฟในดวงตาของเจ้า นายแล้ว

“แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อกักตนหรือ อาจจะเป็นได้ข้าเหนื่อย ล้ายิ่งร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีวันใดที่จะหยุดมือเลยเช่นนั้นเจ้า รีบเปิดทางนำเชิญราชโองการเถิด”

“ขอรับ”

กิเลนไฟน้อยกระโดดพรวดเดียวก็ถึงหน้านําหนัก เขา หมุนกายอย่างว่องไวดูดไฟโลกันตร์ที่รายล้อมด้านหน้า เข้ามาหาตนเองไม่นานไฟโลกันตร์นั้นก็ถูกดูดจนหมด ประตูใหญ่ถูกเปิดออก

เทพหยีหนิงซึ่งมีฐานะเป็นถึงหลานขององค์เง็กเซียนนำ เชิญราชโองการด้วยตัวเองนับว่าเทพอัคคีได้รับเกียรติ อย่างสูงสุด กิเลนไฟเห็นดังนั้นก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของ เจ้านายเป็นอย่างยิ่ง

“เชิญท่านเทพขอรับ”

หลังจากเทพหยีหนิงพ้นประตูตำหนักกิเลนไฟน้อยก็พ่น ไฟออกมาพริบตาประตูด้านหน้าก็ร้อนระอุถูกปกคลุม ด้วยไฟโลกันตร์ทันใด เทพหยีหนิงกระโดดห่างออกมา เทพไม่ทันเกือบจะโดนเผาไปแล้ว
กิเลนไฟเห็นท่าทางเต้นหย็องแหยิงประหลาดนั่นพลัน ขมวดคิ้วเทพหยีหนิงกระแอมด้วยรู้สึกว่าความสง่าราศีร ที่มีของตนเองลดน้อยลงไปมากจึงยืดอกขึ้นเห็นกิเลนไฟ ตัวน้อยแต่ฤทธิ์เดชมากตนนั้นแยกเขี้ยวน้ำลายยืดลงไป ถึงพื้นดูน่ากลัวยิ่ง

แม้ว่าเทพหยีหนิงจะเป็นหลานชายขององค์เง็กเซียนแต่ อายุขับยังห่างจากกิเลนไฟหลายหมื่นปีอีกทั้งเขาไม่ใช่ เทพสงครามโดยกำเนิดตะบะที่มีย่อมเทียบกับสัตว์วิเศษ ของเทพผู้หญิงใหญ่อย่างเทพอัคคีไม่ได้ ภายในใจก็รู้สึก ประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย อย่างไรเสียกิเลนไฟก็คือสัตว์ ตนหนึ่งที่อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อใดก็ได้

ที่แท้แล้วกิเลนไฟหาได้แยกเขี้ยวแต่ประการใด เขา กำลังส่งยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดให้เทพหยีหนิง การที่คน สำคัญอัญเชิญราชโองการของผู้เป็นเจ้าครองสวรรค์ มาด้วยตนเองเช่นนี้เขาต้องประพฤติตนให้เทพหยีหนิง ประทับใจ ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ตนเองแสดงออกจะทำให้ ท่านเทพผู้หญิงใหญ่หวาดเกรงได้

เขายิ้มเสร็จก็เดินนำหน้าด้วยท่าทางองอาจเข้าไป ภายในตำหนัก ตำหนักแห่งนี้ถึงจะเต็มไปด้วยเพลิงอัคคี แต่ภายในกลับดูอบอุ่นและสงบเป็นอย่างยิ่ง เดินมาจนถึง กระทั่งเบื้องหน้าบรรยาเซียนไฟน้อยใหญ่ต่างตั้งแถวรอ รับเขาโดยพร้อมพรั่ง กระทั่งเห็นเทพอัคคีนั่งอยู่ด้านหน้า บนแท่นประธาน
เทพหยีหนึ่งทำความเคารพเทพอัคคีตามศักดิ์ที่สูงกว่า เทพอัคคีไม่รอช้าถึงใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์แต่นับ ได้ว่าใบหน้าสดชื่นยิ่งนัก หลังกล่าวทักทายกันสองสาม ประโยคเทพหยีหนึ่งจึงเอ่ยว่า

“ตำหนักช่างเงินช่างคึกคักยิ่ง เทพไฟ เซียนไฟน้อย ใหญ่อยู่พร้อมหน้า”

“ความจริงทั้งหมดก็เพื่อต้อนรับท่าน หลังจากได้ยิน กิเลนไฟแจ้งว่าท่านได้อัญเชิญราชโองการมาจะให้ ตำหนักสุริยันขายหน้าได้อย่างไร คนมีเท่าไหร่ก็ต้องออก มาต้อนรับให้สมเกียรติ”

“เกรงใจเกินไปแล้ว”

เทพหยีหนิงยิ้มหน้าบานรู้สึกว่าตนเองได้รับเกียรติอย่าง เต็มที่ก็ยินดียิ่ง กิเลนไฟได้ยินเจ้านายของตนเองกล่าว เช่นนั้นก็ได้แต่นึกว่า หลายปีที่ท่องละลายน้ำแข็งบนโลก มนุษย์และแดนปีศาจเทพอัคคีได้นิสัยโกหกพกลมมาไม่ น้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ