ป่วนหัวใจยัยปีศาจ

บทที่ 14 เอาแต่ใจ



บทที่ 14 เอาแต่ใจ

นางบิดกายให้พ้นอ้อมกอดเขาเทพอัคคีไม่อยากลงมือ กับนางให้หนักเพราะได้รับปากราชาเหมันต์เอาไว้ เขาจึง ทําได้แต่รวบร่างของนางไม่ให้ดิ้นรนตั้งใจพากลับไปยัง กําหนักสุริยันต์แล้วค่อยก๋าราบนางทีหลัง

เป่ยฟางหรงพยายามหลบหลีกแต่ฝ่ามือเย็นอีกทั้งไอ เย็นทั้งหลายของนางย่อมใช้ไม่ได้ผลกับเทพอัคคี หาก เป็นผู้อื่นคงได้แข็งตายไปแล้ว

สู้กันไปสู้กันมาเจ้ารัดข้า ข้ารัดเจ้าอย่างแนบสนิท ทั้ง ถงถงและหยีจวนที่มองดูพวกเขาอยู่ถึงกับหน้าแดง

“ถ้าพวกท่านจะกอดรัดกันเช่นนี้ก็ขึ้นเตียงให้จบ ๆ ไป เถิด”

ในที่สุดถงถงก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว บัดนี้ไม่ใช่แค่มีถงถง และหยีจวนเท่านั้น บรรดาเทพหลายองค์ก็แอบลอบดูอยู่ ห่าง ๆ เห็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัวเช่นนั้นต่างก็ใจ เต้นใบหน้าแดงก่ำ

“ข้าอยากเป็นฝ่าบาทน้อยนางนั้นเหลือเกิน ได้ตกอยู่ ในอ้อมกอดของเทพอัคคีเช่นนั้นแม้วิญญาณสลายก็คุ้ม แล้ว”

“ดูเทพอัคคีสิช่างดุดันสมคำร่ำลือเสียจริง”
ในที่สุดเป่ยฟางหรงก็เป็นฝ่ายแพ้ เทพอัคคีพาร่างของ นางมายังตำหนักสุริยันทันใด เขามัดนางไว้ด้วยเชือก อัคคีจนนางดิ้นไม่หลุด หลังจากนั้นก็จับนางโยนเอาไว้ที่ ตำหนักหลังห้ามผู้ใดเข้าใกล้จนกว่านางจะสงบจิตใจ

“เจ้าเทพบ้าปล่อยข้านะ ปล่อยข้าหยีจวนช่วยข้าด้วยแก้ มัดให้ข้าที”

หยีจวนถูกถงถงกักตัวเอาไว้ เขาเพียงแต่แตะโดนขน ของถงถงกิเลนไฟร่างก็ละลายแล้วจึงไม่มีปัญญาที่จะ ช่วยฝ่าบาทน้อยของเขา ได้แต่น้ำตาตกมองนางอย่าง ห่วงใยอยู่ห่าง ๆ

“ฝ่าบาทน้อยข้าไม่ไปที่ใดจะนั่งเฝ้าท่านอยู่ตรงนี้”

“เจ้าไม่ไปข้าก็ไม่ไป” ถงถงเอ่ยจบแล้วหมอบอยู่ข้าง ๆ หยืจวน

หยีจวนขยับออกห่างกิเลนไฟอีกหน่อยด้วยกลัวว่า ตนเองจะถูกหลอมละลายหากเผลอโดนสัตว์เทพตัวนั้น เข้า เขานั่งเฝ้าเป่ยฟางหรงฟังนางกรีดร้องจนนางหลับไป ในที่สุด

“ฝ่าบาทน้อยที่น่าสงสารของข้า”

“น่าสงสาร นางน่ะนะน่าสงสารหูข้าแทบแตกแล้วเพราะเสียงกรีดร้องของนางเจ้านี่ช่างเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ เสียจริงทนนางผู้นี้ได้อย่างไร ถ้านางไม่ใช่ลูกศิษย์ของ เจ้านายข้านะ ข้าไม่มีทางไว้หน้านางเป็นอันขาดคงเผา นางตายไปตั้งนานแล้ว”

“เจ้าบังอาจ”

“ทำไมเจ้าจะทำไม” ถงถงจ้องเขาหยีจวนได้แต่กัดฟัน ถอยอย่างไรเขาก็เป็นแค่น้ำแข็งก้อนหนึ่งจะสู้กิเลนไฟที่มี ไฟโลกันตร์อยู่รอบกายได้อย่างไร

ทางฝ่ายราชาเหมันต์ได้เดินทางมาถึงแดนสวรรค์ แล้ว เขาเห็นฤทธิ์เดชที่บุตรสาวก่อไว้ก็ได้แต่น้ำตาตก กล้ำกลืนความเสียใจช่วยสลายพลังน้ำแข็งปลดปล่อย เทพเซียน หลังจากนั้นก็ติดตามนางไปที่ตำหนักสุริยันต์ ของเทพอัคคี

เทพอัคคีมองเขาอย่างเห็นใจ อย่างไรเสียเขาก็นับถือ ราชาเหมันต์เป็นอย่างมาก เรื่องใดที่พอจะช่วยเหลือได้ เขาก็จะพยายามทำเต็มที่

“ท่านราชาเหมันต์ไม่ต้องกังวลข้าเป็นอาจารย์ของนาง อย่างไรเสียก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ท่านกลับไปก่อนเรื่องอื่นข้ารับผิดชอบเอง”

“แล้วนางเล่า”
“วางใจเถิดอย่างไรนางก็เป็นศิษย์ของข้าข้าย่อมไม่ ปล่อยให้นางได้รับอันตรายแน่นอน”

“ข้าคงต้องไปพบองค์เง็กเซียนเพื่อขอขมาแทนนางแล้ว ฝากช่างเงินดูแลและกำราบนางด้วยข้ายอมรับว่าข้าด้อย สามารถไม่สามารถดูแลนางได้จริง ๆ จิตมารในกายนาง เข้มแข็งนักเกรงว่าหากไม่มีท่านสามโลกคงไม่พ้นภัยพิบัติ เป็นแน่”

“ความจริงจิตมารของนางยังคงสงบ” เทพอัคคีเอ่ยขึ้น

“แล้วเหตุใดนางจึงก่อเรื่องถึงขั้นนี้เล่าหากไม่ใช่เพราะ จิตมารในกาย”

“นางแค่ถูกเลี้ยงดูและตามใจมากไปหน่อยจึงเกิดความ

ดื้อรั้นเช่นนี้”

“แค่ก แค่ก ” องค์ราชาถึงกับสำลักเมื่อถูกเทพอัคคีตำหนิ โดยตรงเช่นนี้

“เช่นนั้นข้าก็รบกวนท่านแล้ว”

กล่าวจบราชาผู้เลี้ยงดูบุตรสาวจนเสียนิสัยก็หายตัวไป ทันใด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ