นักรบแห่งมังกร

มังกรตัวที่ 1 : เจ้าหญิงสองสายเลือดกับการเยือนแดน มนุษย์และมังกร



มังกรตัวที่ 1 : เจ้าหญิงสองสายเลือดกับการเยือนแดน มนุษย์และมังกร

ในยามค่ำคืนอันมืดมิดร่างบางของเจ้าหญิงแห่งสองแดนกำลัง เดินอยู่บนระเบียงในพระราชวังอันกว้างใหญ่ของแดนปีศาจ ก้าว แต่ละก้าวนั้นมั่นคงบ่งบอกถึงการตัดสินใจของเจ้าตัวที่จะไม่ เปลี่ยนแปลงไปอีก จุดหมายของเธออยู่ที่ห้องบรรทมของมารดา

ก็อกๆ…

“เข้ามาสิ” เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยอนุญาตทำให้เจ้าหญิงผู้มา ใหม่เปิดเข้าไปข้างใน ดวงตาสีฟ้าเย็นชามองร่างของท่านแม่ที่ นั่งอยู่บนเตียงก่อนเดินเข้าไปหา

“มีอะไรหรือเปล่าเทเซีย” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน พลางมองลูกรักที่เดินเข้ามาใกล้

เจ้าหญิงเทเซเลีย อาเทียแห่งแดนปีศาจมองมารดาของตนด้วย สายตาว่างเปล่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ในโลกที่กว้าง ใหญ่ใบนี้คงมีแต่ท่านแม่ที่เรียกเธอว่าเทเซียและยังเป็นเพียงหนึ่ง ในสองคนเท่านั้นที่เธอยอมให้เรียก

“ลูกมาเพื่อบอกท่านว่าลูกจะไปแดนมนุษย์และมังกร” คำพูดที่ ไม่นึกว่าจะออกจากปากของลูกสาวทำให้คนเป็นแม่นิ่งไปชั่วครู่ แม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าต้องมีสักวันที่ลูกคนนี้จะไปอยู่ที่นั่นแต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วถึงขนาดนี้ ไม่ใช่สิ…ไม่ใช่เร็วไป แต่เพราะ ในใจของเธอปรารถนาให้เวลานี้ยืดยาวออกไป แม้จะรู้ดีว่า สุดท้ายเวลานี้จะต้องมาถึง

“ลูกอยากไปจริงๆหรือ” คนเป็นแม่ถาม น ใจหนึ่งเธอไม่อยาก ให้เด็กสาวคนนี้ไปไกลตาแต่เธอรู้ดีว่าเธอห้ามลูกสาวไม่ได้

หนึ่งเพราะลูกสาวของเธอควรจะเรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ และมังกร ในเมื่อเธอคือผู้ที่ถูกทำนายว่าจะนําความผาสุขคืน มาให้สองดินแดน และสองเพราะเลือดอีกครึ่งหนึ่งของเธอเป็น มนุษย์ เพียงแค่เหตุผลสองข้อนี้ก็ทำให้คนเป็นแม่ไม่อาจจะเอ่ย ค้านได้แล้ว

เด็กสาวพยักหน้ารับ เวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา มันนานมากไปแล้ว กับสงครามที่ไม่เคยสิ้นสุดลง มันนานมากไปแล้วกับการสูญเสีย ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกเธอว่าเธอจะต้องหยุดสงครามทั้งหมด ครั้ง หนึ่งคนๆนั้นมาหาเธอด้วยท่าทางที่ทรมานกับเรื่องราวทุกอย่าง มันนานจนเธอคิดว่าไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างนานไปมากกว่านี้ ได้อีก ทว่าเพราะเธอไม่เคยเข้าใจมนุษย์เธอจึงต้องไป

“ท่านตาอนุญาตแล้วหรือ” ใบหน้าสวยของผู้เป็นลูกยังคงนิ่งเฉย เมื่อฟังคำถามของผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบไร้ อารมณ์
“ลูกไม่ได้ถาม แต่ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีหวัง” ทว่าเธอก็ไม่คิดจะ สนใจตั้งแต่แรกในเมื่อเธอตัดสินใจไปแล้ว แน่นอนว่าท่านแม่เอง ก็รู้ดี การมาหาท่านแม่ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอไม่ได้มาเพื่อขออนุญาต แต่มาเพื่อบอกท่านแม่ว่าเธอจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ

“แต่ถ้าไปที่นั้นต้องมีมังกรอย่างน้อยคนละหนึ่งตัวไม่ใช่หรือ เสียงอ่อนโยนยังคงถาม แม่อย่างเธอรู้ว่าไม่อาจจะห้ามลูกสาว ได้ เพราะฉะนั้นจะผิดไหมหากอยากรู้ทุกเรื่องที่ลูกคนนี้จะทํา ไม่ อาจเอ่ยห้าม เพราะรู้ดีว่ามันคือเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่ สามารถเอ่ยห้ามก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ห่วงกังวล

“ลูกจะเอา ‘ฟ็อก’ ไป” เทเซเลียหมายถึงมังกรธาตุรัตติกาลของ เธอ ผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างรู้ว่าขัดขวางไปก็ไม่มีประโยชน์

“ลูกคงไม่ได้ไปในฐานะเจ้าหญิงหรอกใช่ไหม” ท่านแม่ถามกลับ อย่างห่วงใย ต่อให้ลูกน้อยแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ลูกก็ยังเป็นเด็ก น้อยในสายตาของพ่อแม่เสมอ

“ไม่…ลูกจะไปในฐานะนักเดินทางคนหนึ่ง ลูกอยากรู้ว่ามนุษย์ กับปีศาจต่างกันตรงไหน” ดวงตาสีฟ้ายังคงเรียบเฉยแม้จะพูดอยู่ กับผู้เป็นมารดา ไม่มีใครเปิดใจเธอได้แม้แต่ผู้เป็นแม่ก็ตาม
“งั้นแม่ขอให้ลูกไปในฐานะผู้ชายได้หรือไม่ แม่ว่าอยู่ในฐานะ ผู้ชายจะดูปลอดภัยมากกว่า” ดวงตาสีฟ้ามองหน้าผู้เป็นแม่ ไม่ อยากจะบอกมารดาว่าตนเองเป็นถึงนักฆ่าอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้น เธอสามารถดูแลตนเองได้

“ตามแต่ท่านแม่ประสงค์” เทเซเลียเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ถึง อย่างไรคนตรงหน้าก็คือแม่ การทำให้แม่เป็นห่วงไม่ใช่นิสัยของ เธอ

วาบ…ร่างบางของเจ้าหญิงเปล่งแสงจ้าและเมื่อแสงหายไปมัน กลับถูกแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มหน้าหวานผมสีฟ้าสั้น ทว่าสิ่งที่ไม่ เปลี่ยนเลยคือดวงตาสีฟ้าสวยที่ฉายแววเย็นชาของเจ้าตัว

“แม่อยากให้เจ้าเอาของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย” ท่านแม่ยื่นสร้อย เส้นหนึ่งให้ อัญมณีควอตซ์สีใส รูปร่างเหมือนแท่งน้ำแข็งปลาย แหลม ตั้งแต่จําความได้เธอไม่เคยเห็นท่านแม่ถอดสร้อยเส้นนี้ ออกจากคอ สิ่งนี้คือสัญลักษณ์แทนความรักที่ท่านพ่อให้กับท่าน แม่

“มันเป็นของพ่อ เป็นสิ่งที่พ่อของลูกให้แม่ไว้เพื่อส่งต่อให้ลูก ของเขากับแม่ ลูกรับไปเถอะบางทีสิ่งนี้อาจช่วยลูกได้” เทเซเลีย รับของสิ่งนั้นมาก่อนสวมไว้ที่คอ

“แล้วลูกจะไปวันไหน
“คืนนี้!!”

สวนในพระราชวังยามค่ำคืนยังคงเงียบสงบเช่นที่ผ่านมา ร่าง ของผู้หญิงสองคนยืนอยู่ท่ามกลางความมืด

“ลูกจะไปจริงๆใช่ไหม” สุดท้ายสตรีผู้เป็นมารดาก็ยังอดถามไม่ ได้ ดวงตาคู่สีฟ้าของเทเซียดูอ่อนลง

“ลูกตัดสินใจไปแล้วท่านแม่” และไม่มีวันที่เธอจะเปลี่ยนใจ

เด็กสาวเดินเข้าไปกอดแม่ของตนเองก่อนจะถอยออกมา ร่าง บางหันหลังให้ทุกอย่าง ทั้งท่านแม่ ทั้งราชวังและทั้งดินแดน แห่งตน เทเซเลียสะบัดมือออกไปข้างลำตัวและตะโกนสุดเสียง

“ฟ็อก!!”

กรีซ!! ไม่นานเสียงคำรามของมังกรยักษ์ก็ดังขึ้นตามคำเรียก ของผู้เป็นนาย

วูบ…ท่ามกลางความเงียบสงบของรัตติกาล ร่างใหญ่ของมังกร ยักษ์ปรากฏขึ้น ดวงตาสีแดงเพลิงวาววับอยู่ในความมืดเกล็ดสีดำาเป็นมันวาว กรงเล็บขนาดใหญ่ที่ดูแหลมคมรับกับปีกคู่ ยักษ์ของมันที่ราวกับจะบดบังดวงจันทราสีเหลืองนวลใพ้นจาก สายตาของคนมอง มันร่อนลงตรงหน้าร่างบางอย่างนุ่มนวล ดวงตาสีแดงเพลิงชวนขนลุกคู่นั้นกวาดมองรอบตัว

ทุกคนที่นี้รู้ดีว่ามังกรตัวข้างหน้านี้ไม่เคยยอมใครนอกจากนาย น้อยของมัน ไม่ว่าใครแล้วก็ล้วนไม่อยู่ในสายตา สำหรับมันเพียง แค่นายน้อยคนเดียวเท่านั้น…เพียงแค่นายน้อยที่มันรักมากที่สุด นี่คือนิสัยของมังกรพันธุ์อัศวินแห่งรัตติกาล!!

ร่างบางสะบัดผ้าคลุมไหล่เสียงดังพรึบ ก่อนจะกระโดดทีเดียว ขึ้นไปอยู่บนหลังของเจ้ามังกรยักษ์ เมื่อผู้เป็นนายขึ้นมาแล้ว อัศวินแห่งรัตติกาล สยายปีกคู่งามก่อนกระพือพาร่างของมัน และเจ้านายหายไปในความมืด…

“ขอให้โชคดีนะลูกรัก..” เธอที่เป็นแม่ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่า นี้เอง

เด็กหนุ่มร่างบางเดินอยู่ที่ท้องตลาดในเมืองหลวงของดราโก้ ที่ นี้มีผู้คนเดินกันขวักไขวแต่ละคนจะมีมังกรขนาดย่อส่วนเกาะอยู่ บนบ่า แต่จะมีบางคนที่ไม่มีเนื่องจากได้เรียนรู้วิธีการเก็บมังกร ไว้ในของใช้ของตน ทว่าคนพวกนี้มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้ว่าต้องทำยังไงและส่วนใหญ่คนที่ทำได้ก็เพราะผ่านการเรียนเกี่ยวกับมังกรมาก่อน

ส่วนเด็กหนุ่มแค่สามารถย่อส่วนอัศวินแห่งรัตติกาลก็พอแล้ว เนื่องจากเขายังไม่เคยเรียนเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย หลักสูตรพวก นั้นเป็นการสอนในดินแดนมนุษย์ ที่แดนปีศาจไม่มีใครคิดจะเลี้ยง มังกรเอาไว้ แค่ที่เขารู้ภาษามังกรและควบคุมมันได้เหมือนทุกวัน นี้ก็ถือว่าเก่งกาจมากแล้ว

เมื่อเดินดูผู้คนและร้านรวงมาได้สักพักก็เริ่มหิวขึ้นมาเจ้าหญิง สองสายเลือดในร่างเด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปในร้านอาหาร ดวงตาสี ฟ้าเย็นชากวาดมองหาที่นั่งก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะเกือบด้านในสุด ฟ็อกบินลงจากไหล่เขาเกาะลงบนโต๊ะก่อนยื่นหน้าของมันมาดู เมนูอาหารที่เขาถืออยู่

“รับอะไรดีฮะ” พนักงานคนหนึ่งเข้ามาถามลูกค้าทันทีทําให้ เด็กหนุ่มรีบสั่งอาหารของตนและฟ็อกด้วย เมื่อสั่งสิ่งที่ต้องการ เสร็จพนักงานหนุ่มคนนั้นเดินจากไปสักพักคนเสิร์ฟที่เป็นผู้ชาย ร่างกายใหญ่โตก็เดินเข้ามาแล้ววางอาหารที่สั่งลงบนโต๊ะ

“ไอ้หนูมีตังครึไง” คําถามยียวนที่เรียกได้เพียงนัยน์ตาสีฟ้า เย็นชา ตวัดไปมองก่อนจะผ่านเลยออกไป เขาไม่คิดจะสนใจ พนักงานเสิร์ฟคนนี้ให้เสียเวลาหรอก

“ว่าไงเจ้าหนู” คนตรงหน้ายังแหย่ไม่เลิกอาจจะเพราะหมั่นไส้ท่าทางเย็นชาเกินเด็กของลูกค้าคนนี้ก็ได้

“มีปัญญาจ่ายก็แล้วกัน” เสียงเย็นเยียบพูดด้วยความรำคาญก่อน จะหันไปสนใจเรื่องกินแทน

“นี่กวนกันอยู่หรือไง” ชายร่างยักษ์กระชากเสียงออกมาอย่างไม่ สบอารมณ์

“งั้นนายไม่” เด็กหนุ่มถามกลับเสียงเย็น รอยยิ้มหยันถูกคลี่ออก แม้ว่าดวงตาสีฟ้ายังคงสงบนิ่ง

“แก…” มือข้างหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าเด็กหนุ่มผมฟ้า หวังจะฝาก สักแผลให้คนตรงหน้ากลับไปดูเล่น

หมับ… แต่มอเด็กหนุ่มกลับไวกว่าเพราะมันยกขึ้นคําหมัดคนตรง หน้าไว้แน่น

“พนักงานเสิร์ฟไม่ควรทําร้ายลูกค้า” เสียงเย้ยหยันเอ่ยก่อนจะ บิดมือเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับชายตรงหน้า

“และพนักงานเสิร์ฟที่ดีก็ไม่ควรเสียมารยาทกับแขก” สิ้นเสียง ร่างใหญ่ยักษ์ของคนหาเรื่องก็กระเด็นไปชนกำแพงร้านด้านหนึ่ง จนเกิดเสียงดังสนั่นท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่คนท กลับหันไปมองอัศวินแห่งรัตติกาลด้วยดวงตาสีฟ้าที่เฉยชาเช่นเดิม

“ไปเถอะป๊อก” มังกรสีนิลตัวเล็กร้องออกมาก่อนจะบินมาเกาะ ไหล่ผู้เป็นนาย เด็กหนุ่มวางเงินไว้บนโต๊ะก่อนสาวเท้าเดินออกไป อย่างรวดเร็วราวสายลม

เด็กหนุ่มผมฟ้าเดินไปตามท้องตลาด ดวงตาสีฟ้ายังคงเยือกเย็น อยู่เสมอ มังกรสีนิลบนบ่าดูจะสงบลงเมื่อรู้อารมณ์ของผู้เป็นนาย

“นี่…รอเดี๋ยว!!” เสียงใครบางคนเรียกจากด้านหลังแต่เขาไม่คิด จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ เท้ายังคงพาร่างของเจ้าของเดินต่อไป จนกระทั้งถูกฉุดเอาไว้นั่นแหละถึงต้องจําใจหันกลับไปเผชิญหน้า กับคนที่เรียก หมอนี่…ทั้งที่เมื่อกี้เขาคิดว่าตนเองเบี่ยงตัวหลบมือ ที่เอื้อมเข้ามาได้เร็วแล้วนะ แต่ก็ยังถูกฉุดรั้งเอาไว้ได้ ผู้มาใหม่ไม่ ธรรมดาเลย

“มีอะไร” เสียงเย็นชาถูกเปล่งออกมาทักบุรุษวัยเดียวกันตรง หน้า ผมสีแดงเพลิงซอยสั้นแบบเท่ๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้ม ประดับอยู่และดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่ดูรักสนุก เด็กหนุ่มเงยหน้า เล็กน้อยเพื่อมองคนตรงหน้าให้ถนัดพลางนึกในใจ ให้ตายสิคน ตรงหน้ามันกินอะไรถึงได้ตัวสูงขนาดนี้
“เมื่อกี้นายใช่มั้ยที่จัดการเจ้ายักษ์นั่นในร้าน” คนตรงหน้าถาม ออกมาอย่างนึกสนุกโดยมีมังกรสีแดงตัวเล็กที่เกาะอยู่บนบ่าคอย ร้องสนับสนุน เรื่องที่อีกฝ่ายทําเมินเสียงของเขาจนต้องวิ่งมาฉุด ตัวเอาไว้ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงอารมณ์เสียแต่อย่างใด

“ใช่” เสียงเย็นตอบกลับก่อนเลื่อนดวงตาคู่สวยไปมองมังกรของ คนตรงหน้า

“มังกรลาวาสินะ” เด็กหนุ่มพูดแล้วยิ้มเย็น มังกรที่หายากและ แพงที่สุดในราคาระดับกลาง เพราะพวกระดับสูงจะเป็นมังกรหา ยากซะส่วนใหญ่ ผิดกับอัศวินแห่งรัตติกาลที่หายากเป็นอันดับ ต้นๆและราคาก็แพงกว่ามังกรระดับกลางหลายเท่า แต่แค่นี้ก็ ถือว่าเป็นมังกรที่ดีที่สุดแล้วสําหรับคนทั่วไป

“ฉันชื่อไคร่ ซีเวียซานักรบแห่งเฟริส” เด็กหนุ่มผมแดงรีบแนะนํา ตนเองออกมาเสียงใส

“เทเชีย รู้แค่ว่าเป็นนักเดินทางก็พอ” เด็กหนุ่มยังคงตอบด้วย นําเสียงเย็นๆแบบเดิม ทั้งที่ความจริงไม่อยากบอกชื่อออกไปสัก นิด แต่ดูจากท่าทางของคนตรงหน้าแล้วถ้าไม่บอกออกไปก็คงจะ ถูกตื้อถามไม่จบไม่สิ้นแน่ อันที่จริงแล้วถ้าเป็นคนอื่นเทเชียคิด ว่าตนเองสามารถหลบเลี่ยงได้โดยง่าย แต่กับฝีมือของคนตรง หน้าที่สามารถจับตัวเขาได้เมื่อครู่ ถ้าคิดจะหลบเลี่ยงคงได้เปลือง แรงอีกเยอะแน่
“ฉันอยากเป็นเพื่อนนาย” ไคร์กล่าวออกมา ดวงตาสีเขียวดู จริงจังและจริงใจ ลางสังหรณ์กำลังบอกกับเจ้าตัวว่าถ้าได้เป็น เพื่อนกับคนๆนี้คงมีเรื่องน่าสนุกเข้ามาอีกเยอะแน่

“นายควรอยู่ห่างฉัน” เทเชียกล่าวกลับเสียงเย็นดังเดิม เขาไม่ อยากรับใครเพราะหัวใจดวงนี้ถูกปิดตายซะแล้ว

“แค่เพื่อนเอง” คนตรงหน้ายังไม่เลิกรา ก็แค่เพื่อนเองไม่ได้ให้ ไปเป็นครอบครัวเดียวกันสักหน่อย

“ไม่” เทเชียตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดแต่เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ ละความพยายาม

“เอาน่า…เป็นเพื่อนกันดีว่า เป็นเพื่อนกันแล้วนะ” เจ้านักรบผม แดงตัวดีเหมารวมหน้าตาเฉยทำเอาฟ็อกที่เกาะอยู่บนบ่าถึงกับ ร้องประท้วงออกมา เด็กหนุ่มหน้าหวานเองก็อยากจะตอกกลับว่า ไม่อีกครั้ง แต่ดูจากสถานการณ์แล้วต่อให้ตอบแบบนั้นอีกกี่ครั้ง คนๆนี้ก็คงตีเนียนกลับมาหน้าตาเฉยอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นเงียบเอา ไว้น่าจะเป็นทางออกที่ดี

“อ๋อใช่นี้เฟร่า แล้วของนายละ” ไคร่แนะนำชื่อมังกรของตนเอง แล้วหันไปถามเกี่ยวกับมังกรของเพื่อนใหม่

“ฟ็อก อัศวินแห่งรัตติกาล” เนื่องจากถ้าไม่ตอบก็จะโดนซื้อมาก เพราะฉะนั้นด็กหนุ่มจึงตอบๆไปให้มันจบซะ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลนั้นเบิกขึ้นส่วนเจ้ามังกรสีนิลเหมือนจะยืดอกอย่าง ภูมิใจในสายพันธุ์ของมัน

“ช่างเถอะ วันนี้ฉันจะพานายไปเที่ยวเอง” ไครชวนอย่างไม่ สนใจในสายพันธุ์ของเจ้ามังกรตัวเล็กที่เกาะอยู่บนบ่าขอเพื่อน ใหม่นัก เขาอยากเป็นเพื่อนกับคนตรงหน้าเพราะคิดว่าน่าจะสนุก ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนเพราะมีอัศวินแห่งรัตติกาลเป็นคู่หูสักหน่อย

ไม่นานเจ้าตัวก็ลากเจ้าหญิงในคราบนักเดินทางไปด้วยกัน แม้ฟ อกจะร้องขู่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะมันอยู่ในร่างย่อส่วน อันที่จริงมันก็สามารถใช้ลูกไฟรัตติกาลได้อยู่ แต่มันดูจะไม่คุ้มค่า กับเรื่องวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นหลังจากใช้ไปแล้วแน่ๆ และนายน้อย เองก็คงคิดแบบเดียวกันถึงได้ยอมตามเพื่อนใหม่ไปอย่างเหนื่อย หน่าย เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่ทำได้ก็คือเกาะบนบ่าเจ้านายไปและ คอยคุ้มกันให้ก็เท่านั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ