บทที่8 นเย่วในวังเย็น
บทที่ 8 นายวในวังเย็น
“จะว่าไป ข้าว่ามกุฎราชกุมารก็ดูชอบเจ้าไม่น้อย เขา มองเจ้าไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง
ฉันเงยหน้ามองจื่อสีอย่างโกรธๆ “หากเจ้ายังพูดจา เลอะเทอะแบบนี้อีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเอาเรื่องที่เจ้าพูด ว่ามกุฎราชกุมารไปทูล
“เจ้ายังไม่ทันจะได้ออกเรือน ก็จะร้ายกับเพื่อนพ้องซะ แล้ว” จื่อสีทำเหมือนตัวเองด้อยกว่า หันกลับมาทำหน้า แปลกใส่ฉัน
“เจ้า เจ้าอย่าหนีนะ” ฉันกับจื่อสีไล่จับกับพักใหญ่ เหนื่อยแล้วก็ลงไปนอนพักบนเตียง บางที่ก็อาจจะเหนื่อย เกินไป จื่อสีครู่เดียวก็เผลอหลับไป ฉันกลับมีเรื่องว้าวุ่น ในใจ เหม่อมองไปยังความมืดมิดในเวลากลางคืน จิตใจ ไม่สงบนิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ดวงตาพร่ามัว เพิ่งจะหลับตา ลง ราวกับว่าภาพที่แตกละเอียด ทันใดนั้นก็ประกอบขึ้น มาเป็นใบหน้าที่งดงามมีเสน่ห์ เขายื่นมือมาที่ฉัน ราวกับ ว่าอยู่ในค่ำคืนเดียวกันกับนางเงือกที่กำลังร้องเพลง
เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและอันตราย ฉันเดินเข้าไปอย่างหักห้ามใจไม่ได้ ในตอนที่สัมผัสกับเขาเพียงแวบเดียว ก็ ถูกเขาผลักออกมาอย่างแรง ทันใดนั้นเองข้างหลังของฉัน ก็กลายเป็นแม่น้ำลึก ฉันหลับตาลงอย่างหมดความหวัง ปล่อยให้ความมืดกลืนกินตัวฉัน
กรี๊ดด…” ฉันกรีดร้องตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย จื่อสีที่นอน อยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้หายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเดินไปที่ หน้าต่าง ป่าก๋าลังจะสว่าง แสงแดดที่ลอดออกมาจาก กลุ่มเมฆ กลัวว่าในพริบตาเดียวก็จะมีเมฆลอยเข้ามา ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงแค่ฝัน
วันนี้ ตำหนักซ่างซูไม่มีอะไรให้ทำ ฉันก็ติดสินบนพ่อครัว ในโรงครัวอีกครั้ง แล้วแอบเข้ามาในวังเย็น
สิ่งก่อสร้างที่ปรักหักพัง กำแพงที่เต็มไปด้วยวัชพืช เสียง กรีดร้องที่ไร้ซึ่งความช่วยเหลืออย่างผู้อื่น เมื่อเทียบกับ พระราชวังที่ระยิบระยับไปด้วยทอง มันดูขัดกันอย่างมาก ริมฝีปากฉันยิ้มอย่างยากลำบาก หลายคนเพื่อเข้ามาอยู่ ต่างพากันเดิมพันด้วยชีวิต
เมื่อเดินไปถึงที่ที่ซินเย่วพักอยู่ ก็ได้ยินเสียงทุบตีก่นด่า ออกมาจากข้างใน ฉันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เมื่อเข้าประตูไปก็ เห็นแม่นมใจร้าย ฟาดตีลงบนแผ่นหลังของซินเย่วหลาย ครั้ง
“เจ้ายังคิดว่าตัวเองอยู่สูงอย่างคนพวกนั้นอยู่ไหม?ตอนนี้แม้แต่นางกำนัลในวังเจ้าก็เทียบไม่ติด อยู่ในวังเย็น แห่งนี้ ข้าให้เจ้าทําอะไรเจ้าก็ต้องทำ!”
พูดไป ก็ทุบตีนเย่วไปทั้งต่อยทั้งถีบ ฉันรีบวิ่งไปขว้าง หน้า ปกป้องเธอด้านหน้า
“แม่นม พูดดีๆ กันก็ได้เจ้าค่ะ เห็นแก่หน้าของข้า อย่า ต้องทําให้ท่านเหนื่อยด้วยตัวเองเลย” ฉันพูดพลางหยิบ อัฐจำนวนออกมาจากชายแขนเสื้อ ยิ้มอย่างประจบ แล้ว ยัดถุงอัฐใส่มือของเธอ
แม่นมคนนั้นเมื่อเห็นถุงอัฐก็เผลอยิ้มออกมา จับดูจำนวน ของอัฐในมือ ก่อนจะหันไปพูดข่มซินเย่วว่า “วันนี้ข้าจะ เห็นแกหน้านางคนนี้ ไว้ชีวิตเจ้า ถ้าหากภายภาคหน้าเจ้า ไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย
เมื่อได้ยินแม่นมพูดออกมาแบบนี้ ฉันก็รีบดึงเธอเข้ามา ใกล้ แล้วหยิบอัฐมาอีกจำนวนหนึ่ง “แม่นม ภายหน้าท่าน อย่าได้ถือสาอะไรนางอีกเลย ได้หรือไม่เจ้าคะ”
สายของแม่นมราวกับส่องแสงออกมา เอาแต่ชมว่าฉันว่า ฉลาด แล้วสัญญาว่าจะพยายามไม่ทำให้ซินเย่วลำบาก ใจอีก
หลังจากที่แม่นมออกไปแล้ว ฉันหลังกลับไปมองซินเย่ว เปอะไปด้วยดินทั้งตัว เส้นผมพันกันยุ่งเหยิง หน้าที่ เมื่อก่อนเคยสวยสง่า ในตอนนี้กลับร้องไห้จนตาปูดบวม ใบหน้าซีดเหลือง ไร้สีหน้าแววตาที่สดใส
ถึงแม้จะรู้ว่าซินเย่วมีความภูมิใจในตนเองสูง ทนกับ ความรู้สึกผิดได้ไม่มากพอ แต่ว่าวันนี้เป็นคนที่ด้อยกว่า เธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะก้มหัว
“ซินเย่ว….” ฉันมองเธอด้วยความห่วงใย
“ไม่ต้องมาเตือนข้า ถ้าข้าได้ออกไปเมื่อไหร่ นางจะ เป็นคนแรกที่ต้องตาย!” ซินเย่วกัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ฉันมองเธออย่างตกตะลึง ซินเย่วเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ซินเย่วที่ฉันรู้จักเป็นคนนิสัยตรงๆ เกลียด คือเกลียดรักคือรักแยกออกได้อย่างชัดเจน มีเรื่องอะไรก็ พูดตรงๆ เธอก็เหมือนกับดวงที่ส่องสว่าง ถึงแม้ว่าจะแสง จ้าแสบตา แต่ในใจกลับนุ่มนวลอ่อนหวาน
แต่วันนี้ ฉันรู้สึกราวกับว่าสายตาพร่ามัวมองไม่ชัดว่าคน ที่อยู่ตรงหน้านี้ตกลงคือซินเย่วหรือไม่
“ชิง เจ้าต้องช่วยข้า เจ้าต้องช่วยข้าออกไปจากที่นี่.……….ซินเย่วพูดไปร้องไห้ไป ราวกับว่าเพิ่งเจอะเจออะไรที่มัน น่ากลัวมา โพเข้ากอดฉันตัวสั่น
“ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่คนจะอยู่ได้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว…..” ชิ นเยวร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ ใจฉันรู้สึกเจ็บไปพร้อม กับเธอ ฉันตบหลังเธอที่กำลังตกใจตัวสั่นเบาๆ
แต่จู่ๆ เธอก็เงยหัวขึ้นเหมือนดอกไม้ที่ได้น้ำ จับมือฉัน แน่น “ชิง ในตอนนี้มีเพียงเจ้าที่ช่วยข้าได้ ข้าขอร้องเจ้า เถอะนะ ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยขอร้องใครมาก่อน เจ้าก็รู้…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ