ชายาเย่อหยิ่ง ท่านอ๋องร้อนรัก

บทที่5พูดให้ร้ายคนอื่น



บทที่5พูดให้ร้ายคนอื่น

บทที่5พูดให้ร้ายคนอื่น

เมื่อได้ยินองค์ชายเจ็ดสามคำนี้ สีหน้าของฉันก็ซีดขาว ทันที หัวใจเต้นตุ้มตุ้มต่อมต่อม ความโศกเศร้าเสียใจของ เมื่อวานยังอยู่ราวกับมองเห็นตรงหน้า

จื่อสีพูดเสียงต่ำต่อว่า “อันที่จริง ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ที่ หย่งกงกงกับแม่นมหลิวมา เพราะว่าเมื่อคืนองค์ชายเจ็ด เมาเหล้าหลังจากนั้นก็ ชำเรานางกำนัลไปอย่างเลอะ เลือนไม่มีสติ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางกำนัลคนนั้นถึง หนีหายไป พอดีกับทางไปซอยหย่ง องค์ชายเจ็ดถึงให้คน ออกตามหา”

ฉันก้มหัวลงอย่างเงียบๆ ไม่กล้ามองจื่อสี

จื่อสีเองก็เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก ดึงฉันอย่างตื่น ตระหนกแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ยุ่งจนข้าลืมไปเลยว่ามีเรื่อง หนึ่งที่ถ้าเจ้าได้ฟังจะต้องดีใจแน่ๆ”

“เรื่องอันใด?”

จื่อสียิ้มเย้ยอย่างตั้งใจ แล้วหันซ้ายขวามองไปมารอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร ป้องหูแล้วพูดว่า “ได้ยินขุนนางน้อย พวกนั้นพูดกันว่า ปีนี้พระราชาจะนิรโทษกรรม พวกเรา อาจจะได้ออกจากวัง!”
ฉันมึนงงอยู่กี่วินาที แล้วพุ่งเข้าไป เขย่าไหล่ของเธอไป มากแรงๆ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ไม่ใช่ว่าห้าปีครั้งถึงจะเปลี่ยนพวกนางกำนัลที่อยู่มา นานออกไปหรอกเหรอ? พวกเราเพิ่งเข้าวังมาได้เพียง สองเดือนเอง ถ้าตามอายุแล้วล่ะก็อย่างไรก็ยังไม่ถึงพวก เรา”

เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย จื่อสีก็เคาะ หัวฉันเบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ ปกติก็ดูฉลาด แต่ทำไมตอนนี้ ถึงไม่เข้าใจนะ เมื่อพูดถึงการนิรโทษกรรมแล้วหล่ะก็ ต้อง มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสิ”

“อ่อ พูดแบบนี้ พวกเราก็อาจจะได้ออกจากวังหล่ะสิ”

ฉันดีใจจนอีกนิดก็แทบจะกระโดดออกมา

อยู่ๆ สายตาตาของจื่อสีก็เปลี่ยนไปจริงจังขึ้นมา “หลอ ชิง ที่จริงถ้าเจ้าจะแต่งเข้าไปในพระราชวงศ์แล้วหล่ะก็ ข้าก็ไม่ขัดอะไร เพราะเจ้าไม่เหมือนกับซินเย่ว”

ฉันมองไปที่จื่อสีอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เธอ ถึงพูดแบบนี้

“ข้าคิดว่าเจ้าสวยกว่าซินเย่วเยอะเลย เจ้าเด็กโง่ เจ้าแค่ ต้องดูแลตัวเองดีดี ไม่ว่าเจ้าจะเลือกอะไรข้าก็พร้อมสนับสนุนเจ้า” จื่อสีพูดไปก็ตาแดงไป นี่ทำให้ฉันเริ่มกังวล เพราะปกติแล้วมีแค่จื่อสีที่คอยปลอบฉัน วันนี้เธอมา ร้องไห้แบบนี้ ฉันก็รู้สึกเหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไป ทันที ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เดิมแล้วก็รู้สึกแย่ ทำได้ แค่ร้องไห้เสียงดังไปกับเธอ

“ฟีด เจ้าทำอะไรเนี่ย!” จื่อสีถูกฉันแกล้งทำให้ขำ น้ำตาก็ ถูกกลั้นกลับไป

“ข้า เห็นเจ้าร้องไห้ ไม่มีทางเลือก”

จื่อ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเบื่อหน่าย แล้วดึงผ้าเช็ดหน้าของฉันออก เพราะว่าไม่ได้จับแน่น ทันใดนั้นเอง ก็ถูกลมพัดปลิวไปพลิบตาก็เดียวก็เข้าไปใน กําหนักช่าง แล้ว

จื่อสีลากฉันรีบวิ่งไปทางตำหนักซางซูเพื่อไปตาหา หา ไปพูดไป” ที่จริงแล้วองค์ชายเจ็ดหมู่หวินจิ่นเฉินก็ไม่ได้ เลวร้ายอะไร ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่ได้อยู่ในพระราชวัง ทว่าเพราะชนะศึกสงคราม นอกพระราชวังมีชื่อเสียง อย่างมาก ที่สำคัญคือเขาเป็นองค์รัชทายาทที่ไม่มีนิสัย โมโหร้าย ไม่รู้ว่ามีลูกสาวครอบครัวตระกูลขุนกี่ครอบครัว ที่อยากแต่งงานกับเขา”

องค์ชายเจ็ดหมู่หวินเจี๋ยนถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าที่ งดงาม แต่ทว่าบรรดาสนมมีเป็นโขยง เจ้าจะต้องไม่กินน้ำใต้ศอกของซินเย่วเด็ดขาด!”

พูดเสร็จจ่อสียังหันกลับมามอง ในใจกระวนกระวายรีบ หันกลับไป หาผ้าเช็ดหน้าต่อ

“องค์ชายที่เก้าเป็นคนที่อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย และข้าได้ยินมาว่าพระองค์มีรสนิยมกับเพศเดียวกัน เพราะฉะนั้นเจ้าก็อย่าแม้แต่จะคิดเลย”

“องค์รัชทายาทหมู่หวินจิ่นเฉินนอกจากจะรูปงามแล้ว อุปนิสัยก็ยังดีมากๆ แต่ว่าพระองค์มีพระชายาอยู่แล้ว เขา ไม่อยากเจ้าไปต้องโทษ”

ฉันยิ้มโง่ๆ อย่างไร้เสียง พูดขัดจื่อสีที่เอาแต่บ่นอยู่แบบ นี้ “จื่อสี เจ้าสืบมาชัดเจนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าชอบเขาไป ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ”

“เจ้าเด็กน้อยคนนี้เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้รู้จักหยอกล้อ ข้าแล้วนะ เจ้าอย่าหนีนะ!”

ฉันหัวเราะออกมาเสียงดัง จื่อสีเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ อยากเอามือมาอุดปากฉัน ฉันเดินหัวเราะถอยหลังไป เรื่อยๆ กลับเห็นว่าสีหน้าจื่อสีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ฉันมองเธออย่างไม่เข้าใจ ร่างกายที่ยืนไม่ค่อยอยู่ล้มไป ข้างหลัง
ฉันคิดว่าจะต้องล้มลงไปอย่างแรงแน่ๆ กลับเป็นว่าไม่ ได้เจ็บอย่างที่คิด เพราะฉันล้มลงไปบนอ้อมกอดที่อบอุ่น ล้อมรอบไปด้วยกลิ่นดอกพุด แทรกเข้ามาในโพลงจมูก ค่อยแทรกไปในสายเลือด กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงที่ดูแหบอย่างมีเสน่ห์ ราวกับว่าหยดน้ำ หยดลงในหุบเขาลึก

ไปสบเข้ากับดวงตาสีดำราวกับทับทิมที่วิบวับคู่นี้พอดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ