ชายาเย่อหยิ่ง ท่านอ๋องร้อนรัก

บทที่10ความงามที่โดดเด่น



บทที่10ความงามที่โดดเด่น

บทที่10ความงามที่โดดเด่น

เพราะถ้าจื่อสีรู้ต้องโมโหราวกับฟ้าผ่าแน่ๆ เพราะฉะนั้น ฉันเลยโกหกไป “ไม่ ก็แต่แอบขี้เกียจไปพักเฉยๆ” ฉัน หัวเราะประชดออกไป

“แต่ว่า นี่เราจะไปไหนกันเหรอ?”

สีหน้าของจื่อสีราวกับรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ “ถ้า หากว่าข้าไม่รอเจ้า เกรงว่าเจ้าจะต้องโทษน่ะสิ”

“หืมม? เมื่อครู่ฉันเห็นนางกำนัลหลายๆ คนแต่งตัวงดงาม ราวกับว่าจะเปิดเรือนนางใน วิ่งไปทางวังฉ่ซิ่ว ไม่รู้ว่ามี เรื่องดีอันใดเกิดขึ้น

เมื่อจื่อสีฟังที่ฉันพูดเมื่อครู่ ก็หยุดเดินทันที มองฉันจาก หัวจรดเท้า แล้วเคาะหัวของฉันทันที “เมื่อครู่ข้าน่าจะจับ เจ้าแต่งหน้าแต่งตัวให้น่าเกลียด ถ้าถูกองค์ชายเจ็ดเลือก ไป จะทําอย่างไรดี!”

ฉันรู้สึกว่าหัวใจวูบตกลงไปที่เท้า องค์ชายเจ็ด?

“พวกเราจะไปเจอองค์ชายเจ็ดเหรอ?”
จื่อ มองดูสีหน้าที่ตกอกตกใจของฉัน แล้วพูดต่อไปว่า “ก็ใส่น่ะสิ ได้ยินมาจากคนรับผิดชอบเรื่องนี้พูดว่า องค์ ชายเจ็ดต้องการตามหานางกำนัลสาวที่ถูกชำเราในสวน คราวนั้น”

“กระไรนะ?” เหมือนกับลมไปจุกที่อกฉัน อีกนิดเดียวก็ หายใจไม่ทัน

จื่อสีมองฉันอย่างสงสัย “หลอชิงเจ้าเป็นกระไร แค่พูด ถึงองค์ชายเจ็ดแค่นี้ทําไมเจ้าต้องโมโห

ข้าไม่ได้โมโหสักหน่อย แค่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฉัน มองไปยังจื่อสี ลังเลไม่กล้าตัดสินใจ

“ถ้าพูดถึงคนที่ร้อนรนจะเป็นจะตายน่าจะเป็นซูซินเย่ว ซะมากกว่า เจ้าจะมาถลึงตาทำไม คงไม่ใช่กำลังคิดหา ทางช่วยนางอยู่หรอกนะ” ซินเย่ว จื่อสีพูดถึงซินเย่ว ใน ตอนนี้เองราวกับว่าเตือนสติฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ จะไม่ให้องค์ชายเจ็ดรู้เด็ดขาดว่านางกำนัลในคืนนั้นเป็น ฉัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!

ฉันจะไม่ทรยศซินเยว เรื่องเลยเถิดไปขนาดนี้แล้ว ฉัน เองก็ไม่อยาก ยิ่งไม่อยากแต่งเข้าไปอยู่ในพระราชวงศ์ แค่หาก องค์ชายเจ็ดให้คนไต่สอน ฉันจะปกปิดเรื่องนี้ยัง ไงดี
ตอนนั้นเองสีหน้าของฉันเต็มไปด้วยความกังวล เดิน ตามจื่อสีไปวังฉ่ซิ่วหล่ะก้าว

“หลอชิง มานี่เร็วๆ สิ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของจื่อสี ฉัน ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในหมู่นางกำนัลอย่างช้าๆ ถูกจื่อสีดึง เข้ามาอยู่ในแถวสุดท้าย “พวกเราอยู่แถวสุดท้ายนี่แหละ รอให้องค์ชายเจ็ดเลือกเสร็จ ก็อย่าจะไม่สนใจมองมาข้าง หลัง”

จื่อสีกะพริบตาปริบๆ มาทางฉัน ฉันก็ฝืนยิ้มเบาๆ ให้ แต่ ในใจกลับว้าวุ่นกระวนกระวาย ฉันรู้ว่าองค์ชายเจ็ดก็แค่ สนอกสนใจเพียงชั่วขณะ ออกมาหาอะไรแปลกใหม่กับ นางกำนัล แต่ก็ไม่ได้อยากจะตามหาอะไรนางกำนัลใน คืนนั้นหรอก

ผ่านไปไม่นาน นางกำนัลในแต่ล่ะวังต่างค่อยๆ มากันจน ครบ มองไปรอบๆ วันนี้นางกำนัลทุกคนจะแต่งหน้าแต่ง ตัวมาอย่างตั้งใจ ถึงแม้จะไม่ได้แต่งจนสวยไปทั้งหมด แต่ เมื่อมองดูแล้วก็รู้สึกสบายตา

สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวังและรอยยิ้มที่เขิน อาย แม้กระทั่งจื่อสีที่กำลังคิดไปถึงตอนมีอัฐเงินอะไร ทำนองนั้น จะมีก็แค่ฉันที่ตอนนี้ ร่างกายนิ่งราวกับถูก สะกดไว้ เหงื่อไหลออกเต็มหน้า

จื่อสีพูดบางอย่างออกมาพูดไปยิ้มไป แต่พอหันกลับมามองฉันก็หน้านิ่วคิ้วขมวด หยดเหงื่อที่ไหลเต็มแก้ม

“หลอชิงเจ้าเป็นกระไรหรือ?”

ฉันฝืนยิ้มโดยที่ไม่มีรอยยิ้มออกมา ยื่นมือไปจับมือจื่อสี แม้ฝ่ามือจะเย็นเฉียบแต่กลับเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ

ทันใดนั้นเองประตูหลักวังฉซิ่วก็ถูกเปิดออก ทุกเสียง ต่างหยุดลงกลับไปอยู่ในความเงียบ นางกำนัลทั้งหลาย ต่างตั้งตารอ คนที่จะได้เข้าไปในประตูสีแดงสดนั้น

หยู่หวินเจี่ยนใส่ชุดสีแดงทั้งตัว รูปร่างที่สูงเด่น มอง จากไกลก็เห็นรูปหน้าที่งดงามได้รูป ในทุกย่างก้าวกิริยา ท่าทาง เต็มไปด้วยราศี

ดวงตาที่เรียวยาวมักจะหลับพริ้ม เดิมทีดวงตาเรียวดมก็ ดูน่าหลงใหลเป็นเดิมทีอยู่แล้ว แยกไม่ออกว่าเขาดีใจหรือ เสียใจ ขมวดคิ้วราวกับว่ากําลังใช้ความคิด งดงามราวกับ ดอกท้อที่กําลังผลิบาน

เขาคือผู้ชายที่ใครๆ ต่างก็เกลียดไม่ลง และมากกว่านั้น ก็คือรักไม่ได้

หยู่หวินเจี่ยนก้าวเดินจากวังฉู่ซิ่นในทุกก้าว ราวกับว่า กําลังเหยียบย่ำหัวใจฉัน ระห่างระหว่างฉันกับเขา คั่นกับ ผู้คนนับร้อยนับพัน สุดท้ายแล้วเข้ากับฉันก็เป็นไปไม่ได้

ถ้าไม่มีเรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น ฉันเกรงว่าในตอนนี้ฉันอาจจะ เหมือนกับคนพวกนนี้ที่ตั้งตารอก็ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ ได้ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจและตั้งตารอ แต่มาวันนี้ ฉันไม่ สนใจการตั้งตารออะไรแบบนี้อีกแล้ว เพียงแค่อยากใช้ ชีวิตแบบคนธรรมดา แค่อยาก คืนดีกับซินเย่ว

ในท่ามกลางความสนใจนางกำนัล หยู่หวินเจี่ยนเดินไป ยังที่ว่างข้างหน้า นั่งลงกับเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ