ชายาเย่อหยิ่ง ท่านอ๋องร้อนรัก

บทที่ 17 ก้าวเข้าสู่พระตำหนักเหยากวง



บทที่ 17 ก้าวเข้าสู่พระตำหนักเหยากวง

บทที่ 17 ก้าวเข้าสู่พระตำหนักเหยากวง

ข้ามองไปที่เย่วหงถงด้วยความตกใจ อยู่ด้วย? นางจะให้ คนที่นางเกลียดเข้าไส้ไปอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?

ข้ายังสงสัยว่าหูตัวเองคงจะมีปัญหาหรือไม่ หยู่หวิน เจียนเองก็งงมากเช่นกัน

“หรือว่านางกำนัลในวังยังดูแลเจ้าได้ไม่ดี เจ้าถึงคิดจะ เลือกด้วยตัวเอง?”

เย่วหงองปล่อยมือข้า ถวายบังคมหนึ่งครั้ง แล้วมองไปที่ หยู่หวินเจี่ยนด้วยท่าทีที่น่าสงสารอย่างมาก

“ไม่ใช่เพคะ เพียงแค่หงถงอยากให้หลอชิงอยู่ติดตาม หม่อมฉัน ยังไงเสียก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน สิ่งที่ข้าชอบ หลอชิงล้วนรู้ดีเพคะ”

เรื่องล้อเล่นอะไรกัน? สิ่งที่เย่วหงถงชอบ ข้าจะไปรู้ได้ อย่างไรกัน!!

ถึงแม้จะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ข้าก็ต้องฝืนใจพูด

“เกรงว่าหลอชิงก็คงจะดูแลได้ไม่ดี อาจจะทำให้องค์ชายเจ็ดไม่พอพระทัยได้เพคะ”

ในใจของข้ายังคงหวังว่าองค์ชายเจ็ดจะพูดอะไรสัก อย่างเพื่อเป็นการหยุดยั้งเย่วหงถง ข้ามองเขาด้วย สายตาอ้อนวอน แต่หย่หวินเจี่ยนหันหน้ากลับไปทันที

“เรื่องระหว่างพวกเจ้าสองพี่น้อง เจ้าตัดสินใจเองละกัน

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา ฟังดูไร้ความรู้สึก พูดเรื่องที่ดู แล้วไม่ได้เกี่ยวกับตนเอง

“ถ้าอย่างนั้น องค์ชายเจ็ดทรงรับปากแล้วใช่ไหมเพคะ?” เย่วหงถงรู้สึกดีใจอย่างมาก รีบถวายบังคมหมู่หวินเจี๋ยน แล้วจึงส่งสัญญาณให้ข้าถวายบังคมด้วย

ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องเย็น ทั้งตัวรู้สึกเย็น จนขยับไม่ได้ ทําได้เพียงก้มหัวลงเล็กน้อย

“ข้าน้อยขอบพระทัยองค์ชายเจ็ด” เสียงของค้าสั่นเครือ เล็กน้อย ในใจรู้สึกเจ็บปวด เขาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ข้า กลับพูดอะไรไม่ได้

“ลุกขึ้นเถอะ” พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป
เยวหงถงมองข้าแล้วแสยะยิ้มหนึ่งที แล้วจึงเดินตามหมู่ หวินเจียนออกไป

ข้าทรุดลงนั่งที่พื้น ในตาว่างเปล่า มองตามทางที่พวก เขาเดินจากไป แสงสว่างค่อยๆมืดลง จนกระทั่งเวลา ค่ำคืนเข้ามาบดบังแสงทั้งหมดไว้

ตั้งแต่ออกมาจากซอยหย่ง ก็เหมือนกับวันที่มืดมิดเฉก เช่นเวลากลางคืน

จื่อสี่ปลอบใจข้ามาตลอดทาง จนส่งข้าไปถึงตำหนัก ขององค์ชายเจ็ด — — พระตำหนักเหยากวง

หมอกยามเย็นเข้าปกคลุม พระตำหนักที่ดูสลับซับซ้อน ทำให้ดูเหมือนปากที่ทั้งใหญ่และมืดมิด รอที่จะเขมือบ ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไปทั้งตัว

มองดูป้ายพระตำหนักเหยากวงอยู่นานสองนาน จึงจะ ค่อยๆก้าวเข้าไป

แม่นมกระซิบบอกไปตามทางเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และคำ แนะนำนับครั้งไม่ถ้วย

ข้าพยายามจดจำให้ขึ้นใจ แล้วมองนางด้วยความ ซาบซึ้ง แม่นมถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วตบไหล่ข้า
“ทุกคนที่อยู่ภายใต้ชายคาแห่งนี้ ล้วนจำต้องก้มหัว หลอ ชิ่ง เจ้าเป็นคนฉลาด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะต้องอดทน แม่นมกล่าวด้วยความหวังดีและจริงใจ แล้วจึงเดินจากไป

เหลือเพียงข้าอยู่เพียงผู้เดียว ที่ยืนหยู่หน้าตำหนักของ เย่วหงถง มองดูแผ่นป้ายที่ถูกความมืดเข้าปกคลุม — — พระตำหนักเจียงหง

ข้างหน้าไม่รู้ว่ามีอะไรรอข้าอยู่ แต่ข้าก็ทำได้เพียงกัดฟัน ก้าวเดินไปข้างหน้า

เพียงแค่ก้าวเข้าไปในพระตำหนักเจียงหง ก็ได้ยินเสียง ของเย่วหงถงดังออกมาจากข้างใน

“ทางนี้” ท่าทางดูไม่เหมือนกับเมื่อวาน เสียงของนางวันนี้ ก็ดูเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ข้ารีบเดินตามเสียงเข้าไปข้างใน เดินผ่านประตูทั้งหมด สามบาน จึงจะเห็นเย่วหงถงที่นั่งหันหลังให้ข้าอยู่หน้า กระจก

“มานี่”

ข้าสงสัยจริงๆว่าความสามารถในการได้ยินของเย่วหงถ งดีสักแค่ไหน พระตำหนักเจียงหงที่แสนจะใหญ่โตไม่มีแม้แต่นางกำนัลสักคน แต่นางกลับได้ยินเสียงข้าที่ อยู่ที่ประตู

“สงสัยใช่หรือไม่ ว่าทำไมในพระตำหนักเจียงหง จึง วังเวงเช่นนี้?”

เย่วหงถงหยิบหวีไม้สีแดงขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง แล้ว ส่องกระจก หวีผมอย่างเบามือ

ข้าค่อยๆเดินเข้าไปใกล้นาง แล้วถวายบังคมนางหนึ่ง ครั้งจากทางด้านหลัง

สิ่งที่ทําให้ข้าแปลกใจก็คือ นางไม่ได้ทำให้ข้าต้องรู้สึก ลำบากใจ แต่กลับบอกให้ข้าลุกขึ้น แล้วยื่นหวีที่อยู่ในมือ นางให้แก่ข้า

“นางกำนัลเหล่านั้นถูกข้าไล่ไปหมดแล้ว ข้ามีเรื่องอยาก จะพูดกับเจ้า” มือที่ข้ารับหวีมาชะงักไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่านาง คิดจะพูดอะไร

นางส่งสัญญาณบอกข้าว่าไม่ต้องการให้ข้าหยุดสิ่งที่ทำ อยู่ ข้าจึงรีบหวีผมให้นาง นางจึงพูดต่อ

“เจ้าคงรู้สินะ ว่าทำมาข้าขอเจ้ากับองค์ชายเจ็ด”
ข้าส่ายหัว “ข้าน้อยโง่เขลา จึงไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงเพคะ”

เย่วหงถงหัวเราะเยาะ มองหน้าข้าที่อยู่ในกระจก แล้ว เหยียดมือออกไปสัมผัส

“ช่างเป็นใบหน้าเล็กๆที่งดงามงจริงๆ”

เย่วหงถงพูดอย่างจริงจัง ข้าจึงก้มหน้าก้มตาแล้วพูดว่า “ท่านต่างหากที่สวยจนยากจะหาใครเทียบได้”

“เจ้ารู้สึกไม่เต็มใจใช่หรือไม่?” เย่วหงถงจ้องข้าที่อยู่ในกระจก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ