ชายาเย่อหยิ่ง ท่านอ๋องร้อนรัก

บทที่ 16 เป็นเพื่อนสนิทกับใคร



บทที่ 16 เป็นเพื่อนสนิทกับใคร

บทที่ 16 เป็นเพื่อนสนิทกับใคร

หญ่หวินเจี่ยนหรี่ตาลง มองมาที่ข้าเหมือนกำลังมองเหยื่อ ข้าเดินออกจากชั้นวางหนังสือด้วยความรู้สึกตระหนก

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ช่วงนี้เห็นไทจื่อบ่อยๆเท่านั้นเอง”

“เขามาบ่อยอย่างนั้นหรือ?” หยู่หวินเจี่ยนเลิกคิ้วขึ้น หรี่ ตากลมโตของเขาลงเล็กน้อย

พอข้ารู้สึกตัวก็รีบตอบในทันทีว่า “ข้าน้อยก็ไม่ค่อย แน่ใจเพคะ”

มือของข้าวางอยู่บนชั้นวางหนังสือ ในใจรู้สึกเข้มแข็งขึ้น มา จริงๆแล้วหยู่หวินเจี่ยนจำข้าไม่ได้ เขามาที่นี่ก็เพื่อมาตี สนิท ทํา สอบถามนางกำนัลแปลกหน้าอย่างข้าเกี่ยวกับ เรื่องของไทจื่อเท่านั้น

พอคิดเช่นนี้ ในใจของข้าก็รู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมาก เมื่อไหร่กันนะที่ท่าทีของหยู่หวินเจี๋ยน เริ่มที่จะส่งผลต่อ อารมณ์ของข้า

เพียงเพราะคืนนั้นเขาไม่ได้สนใจอย่างนั้นหรือ?เหอะ…..ข้าหัวเราะใจในที่ตนเองช่างโง่นัก

“ไม่แน่ใจ?” หยู่หวินเจี่ยนลุกขึ้นทันที แล้วค่อยๆเดินตรง มาที่ข้า

ข้าค่อยๆถอยหลังไปจนสุดมุม “ข้าน้อยไม่แน่ใจจริงๆ เรื่องของไทจื่อจะมาพูดให้นางกำนัลเล็กๆฟังได้อย่างไร กันเพคะ วันธรรมดาข้าน้อยเองก็ไม่ได้อยู่รับใช้ใน ตำหนัก ย่อมที่จะไม่รู้แน่ชัดเพคะ”

มือของข้ากําลังสั่น เอาแต่ก้มหน้าตี๋าแทบติดดินหลบ เข้าไปในมุมมืด ไม่อยากให้เขาเห็นหน้าของข้า แม้ว่าเขา จะจำไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อเห็นเขา หัวใจของข้าก็เต้นแรง แล้วรู้สึกเจ็บปวดแปลกๆ

หญ่หวินเจี่ยนมองข้าที่แอบซ่อนอยู่ในมุมมืด จึงถอยหลัง หนึ่งก้าว ไม่เข้ามาใกล้อีก

“เจ้ารู้หนังสือไหม”

ข้ารู้สึกตกใจจนปากสั้น “รู้เพียงเล็กน้อยเพคะ”

เห็นสายตาของหมู่หวินเจี๋ยนที่มองมาอย่างพิจารณา จึง รีบอธิบาย “ตอนเด็กครอบครัวยากจน ต้องทำงานให้กับ อาจารย์ท่านหนึ่ง จึงได้แอบเรียนมาเล็กน้อยเพคะ”
หญ่หวินเจี่ยนไม่ยอมละสายตาไปจากข้า สายตาที่ แหลมคมดูเหมือนจะมองข้าออกหมด

ข้าตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี พอดีกับที่ข้า ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาที่หน้าประตู

“องค์ชายเจ็ด?” เสียงข้างนอกเรียกดังเข้ามา

ข้ารีบทูลเตือนองค์ชายเจ็ด หยู่หวินเจี่ยนมองข้าหนึ่ง ครั้ง แล้วค่อยๆเดินออกไปนอกตำหนัก

ข้าถอนหายใจหนึ่งครั้ง แล้วเดินตามหมู่หวินเจี่ยนออก ไปนอกตำหนัก

เมื่อออกมาถึง ก็เห็นรูปร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ ไม่ใช่ใคร ที่ไหน คือคนที่ไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะถูกหย่หวินเจี่ยนแต่งตั้ง ขึ้นเป็นนางสนม เย่วหงถงนั่นเอง

เมื่อเห็นข้ากับหมู่หวินเจี๋ยนออกมาจากตำหนักพร้อมกัน เย่วหงถงที่เดิมทีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กลับเปลี่ยนเป็น หน้าบึ้งตึง เบ้มุมปากขึ้น แล้วเดินเข้ามาหาหยู่หวินเจี่ยนอ ย่างรวดเร็ว

“องค์ชายเจ็ด พระองค์ให้หม่อมฉันตามหาเสียแทบแย่” พูดพลางก็ยิ่งกระเถิบเข้ามาใกล้ แล้วดึงแขนเสื้อของหมู่ หวินเจี๋ยนไว้ ทำทีอ้อน
หญ่หวินเจี๋ยนขมวดคิ้ว ทำท่าทีไม่พอใจ

เย่วหงถงเห็นว่าวันนี้หยู่หวินเจี่ยนอารมณ์ไม่ดี นางจึงรีบ เปลี่ยนเรื่องคุย

“หลอชิงก็อยู่ด้วยหรือ” เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยของเย่วหงถง ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ข้ารีบถวายบังคมนาง เย่วหงถงจึงรีบเข้ามาจับข้าไว้

ทันที

“พวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน ทำไมต้องมากพิธี” ข้าไม่รู้ว่า นางกินยาอะไรผิดเข้าไป ทำให้รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว

เมื่อก่อน นางอยู่ที่ซอยหย่งก็มักจะหาเรื่องข้าอยู่บ่อยๆ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดต่อนาง มาถึงวันนี้ เห็น สีหน้าท่าทางของนาง ยิ่งทำให้ข้าไม่รู้ว่าควรทำตัว อย่างไรดี

“พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?” หยู่หวินเจี่ยนเห็นความสัมพันธ์ อันดีเหมือนพี่น้องของพวกเรา จึงถามขึ้น
ข้ายังไม่ทันจะอ้าปาก เย่วหงองก็รีบแย่งตอบ แล้วดึงมือ ข้าด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“หม่อมฉันกับหลอชิง ตอนที่อยู่ในซอยหย่ง เป็นที่รู้กันดี ว่ารักกันเหมือนพี่น้อง”

พูดพลางพร้อมมองข้าด้วยแววตาที่อบอุ่น ข้ารู้สึกขนลุก ไปทั้งตัว รู้กันดีว่า…..รักกันเหมือนพี่น้องอย่างนั้นหรือ?

“หลอชิง ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ” เย่วหงถงดึงมือข้า ทำ หน้าตาน่าสงสาร

ข้าถูกนางดึงไว้จนรู้สึกทำตัวไม่ถูก

หยู่หวินเจี่ยนยังรู้สึกไม่พอใจ ค่อยๆเดินไปยังโต๊ะที่หมู่ห วินจิ่นเฉินมักจะมานั่งวาดภาพอยู่บ่อยๆ แล้วก้มหัวลงไปดู บนโต๊ะ

“องค์ชายเจ็ด หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลขอเพคะ” แล้ว นางก็ดึงมือข้า เดินเข้าไปหาหยู่หวินเจี่ยน

“เรื่องอะไร?” หยู่หวินเจี่ยนไม่ได้หันกลับมามอง เพียงแค่ ตอบกลับมาด้วยความเบื่อหน่าย
เวหงกงทําท่าเหมือนกำลังอึดอัดใจอย่างมาก เมื่อเห็น ว่าหมู่หวินเจียนไปหันกลับมามอง จึงพูดว่า

“หงถงอยากให้หลอชิงมาอยู่ด้วย

หยู่หวินเจี่ยนหยุดนิ่ง ค่อยๆหันมาอย่างช้าๆ แล้วเลิกคิ้ว ขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ