ชายาเย่อหยิ่ง ท่านอ๋องร้อนรัก

บทที่ 12 สวมรอย



บทที่ 12 สวมรอย

บทที่ 12 สวมรอย

ภายในใจของข้ากำลังต่อสู้กันอยู่ ในที่สุดก็ค่อยๆเงย หน้าขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษ ยืนตัว สั่น ไม่กล้าสบตากับหมู่หวินเจี่ยน

ตอนที่หยู่หวินเจี่ยนเห็นข้าเงยหน้าขึ้นมา เขามองสำรวจ ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหรี่ตาจ้องมองข้า

เขาค่อยๆขยับหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของข้า แทบจะเข้า มายืนอยู่ชิดกัน ข้าค่อยๆถอยหลังทีละก้าวแต่ทันใดนั้นก็ ถูกเขาคว้าเอาไว้

ทันทีที่เขาสัมผัสโดนร่างกายของข้า ข้าหลับตาลงโดย ไม่รู้ตัว ร่างกายเริ่มสั่นอย่างรุนแรง พอลืมตาขึ้น ตรงหน้า ก็ปรากฏใบหน้าที่ดูมั่นคงและนุ่มนวลของเขา เขาเดินเข้า มาใกล้ด้วยท่าทางที่ดูอันตราย เสียงลมหายใจที่แผ่วเบา ของเขาเหมือนกับในคืนนั้น เหมือนกับอยู่ในห้วงฝันที่ยัง ไม่ตื่นขึ้นมา ทำให้หัวใจของข้าสั่นไหวไม่หยุด

“เจ้า…างหอมเหลือเกิน” เสียงที่ดึงดูดของเขาแฝงไป ด้วยความสุข เป็นคำพูดที่ช่างงดงามที่ดังก้องในหูของข้า ร่างกายของข้าหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ยืนตะลึงงันอยู่ หยู่หวิน เจี่ยนดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาที่ข้าแสดงออก แล้วก็ลูบลงไปที่คอของข้า

นางกำนัลที่มองดูอยู่รอบข้างต่างใจเต้นหน้าแดง จื่อสี่ ยืนกระสับกระส่ายอยู่อีกด้านหนึ่ง

“องค์ชายเจ็ด!”

เสียงที่ฟังดูมีเสน่ห์อย่างมากเสียงหนึ่งดังขึ้น หยุดยั้งสิ่ง ที่หยู่หวินเจี่ยนกำลังจะทำ

สายตาของทุกคนถูกดึงดูดด้วยการปรากฏตัวขึ้นของ เย่วหงถงที่ประตูวงฉ่ซิ่ว ข้าเองก็มองตามเสียงนั้นไป เห็น เย่วหงถงเดินย่างกรายจากประตู ตรงเข้ามาหาหยู่หวิน เจี่ยน

“ข้าน้อยถวายบังคมองค์ชายเจ็ด” เย่วหงกงคารวะหยี่ห วินเจียนหนึ่งครั้ง หยู่หวินเจี่ยนมองข้า แล้วก็รีบหันกลับ ไป แล้วก็มองเย่วหงกง

“มีเรื่องอะไร?”

เย่วหงถงคุกเข่าลงทันที พูดพลางร้องไห้ “ข้าน้อยมาช้า ไป นางกำนัลที่องค์ชายเจ็ดต้องการจะหาก็คือข้าน้อย
“อ้อ……” องค์ชายเจ็ดปล่อยข้าทันที แล้วก็เดินเข้าไปหา

นาง ก้มหน้ามองนาง

“คืนนั้นข้าน้อยไม่สบาย ระหว่างกลับจากเข้าเวร ก็ พบพระองค์เมาล้มอยู่ที่พื้น ดังนั้นจึงคิดจะช่วย ไม่คิด ว่า…….” พูดจบก็สะอื้นขึ้น

หยู่หวินเจี่ยนโน้มตัวลง แล้วประคองเย่วหงถงขึ้นมาด้วย ตัวเอง ยกมือของนางขึ้นมา วางบนจมูกแล้วสูดดม แล้ว มองตาอย่างหลงใหล มองดูใบหน้าของนางที่ตั้งใจแต่ง อย่างสวยงาม

ข้ายืนลังเลอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ดีที่หย่ง กงกงสังเกตเห็น จึงดึงข้ากลับเข้าไปในกลุ่มนางกำนัล อย่างเงียบๆ ข้ารีบถอยกลับเข้าไปด้านหลัง แล้วก็ถอน หายใจยาวๆหนึ่งครั้ง

หยู่หวินเจี่ยนเหมือนจะได้ยินเสียง จึงหันหน้ากลับไป มองว่าอะไร แต่ด้านหลังกลับไม่พบอะไร สักพักเขาจึง หันหน้ากลับไปที่เย่วหงถง แล้วจ้องมองนางด้วยความรัก อย่างเต็มเปี่ยม

ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆจึงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น ข้า ควรจะรู้จักพอได้แล้ว เย่วหงถงมาสวมรอยแทน ถือว่า ช่วยชีวิตข้าเอาไว้
“เจ้าชื่ออะไร?” หยู่หวินเจี่ยนพึมพำ พลางหันไปมองทาง กลุ่มนางกำนัลอย่างผ่านๆข้ารีบก้มหน้าลง ทันใดนั้นก็ รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่จำเป็น เพราะท้ายที่สุด หยู่ห วินเจี่ยนก็ไม่มีทางจำได้ว่าหลังจากเขาเมา เขาได้ร่วมหอ กับใคร

“ข้าน้อย เย่วหงอง”

หญ่หวินเจี่ยนพูกทวนหนึ่งครั้ง “หงกง………….

“ไม่เลว เป็นชื่อที่ดี!” พูดจบ เขาโน้มตัวลงแล้วอุ้มเย่วหง ถงที่กำลังเขินอายขึ้นมา แล้วเดินออกไปทางประตูวงฉู วอย่างรวดเร็ว

ส่วนข้ารู้สึกเหมือนกับหมดเรี่ยวแรง ยืนนิ่งมองดูทางที่ พวกเขาเดินหายไป ในใจรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบาง อย่าง……

แม้ว่าซอยหย่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ถึงแม้จะ เหมือนโยนหินลงไปในน้ำที่นิ่งสงบ ทำให้เกิดระลอกคลื่น ที่ใหญ่

แต่ชีวิตในแต่ละวัน ก็ยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม เพียงแต่เป็นการเพิ่มหัวข้อสนทนาหลังดื่มชาและกินข้าว เท่านั้นเอง
นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทําดีกับเย่ว หงถง มิเช่นนั้น ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ก็เป็นได้

จะว่าไปแล้ว สิ่งที่หญ่หวินเจี่ยนปฏิบัติต่อเย่วหงถงก็ไม่ ธรรมดา เพิ่งจะถูกพาตัวไปไม่นาน ก็ได้ยินว่าได้เลื่อนขึ้น เป็นนางสนม ประคบประหงมนางทั้งวัน หยู่หวินเจี่ยนปกติ มีนิสัยเจ้าชู้ แต่ว่าการที่จะประประหงมใครสักคนนาน ขนาดนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาก่อน เห็นจะมีแต่เย่วหงอง คนเดียวที่สำคัญขนาดนี้

วังหลังก็เป็นเช่นนี้ ถ้าหากมีวันหนึ่งได้โบยบินขึ้นไปบน ฟ้า บางคนอาจจะสุข บางคนอาจจะทุกข์

ในทางกลับกันใจของข้ากลับรู้เฉยชาลงอย่างมาก ให้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นดั่งความฝันที่สวยงาม ให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไป

ต่อให้ข้าคิดเช่นนี้ แต่จื่อสี่กลับคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอา เสียเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ