บทที่3ไต่สวน
บทที่3ไต่สวน
ไม่นาน หย่งกงกงและนางกำนัลติดตามไม่กี่คนก็เดินเข้า มาทางประตู และยังมีคนสนิทที่มีชื่อเสียงของพระราชินี อย่างแม่นมหลิว ได้ยินมาว่าเป็นคนสนิทของพระราชินี ชื่อเสียงในพระราชวังแห่งเรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ
ขณะนี้แม่นมหลิวยืนอยู่ตรงหน้าผู้คน พินิจพิเคราะห์ นางกำนัลหลายๆ คน เมื่อครู่เหตุการณ์ยังดูคึกคักเป็น ธรรมดา พริบตาเดียวก็เงียบเป็นเป่าสาก ทุกคนล้วนก้ม หัวลง า ไม่กล้าส่งเสียงดัง
“อะ แฮ่ม…” หย่งกงกงกระแอมเพียงเล็กน้อย เขา ทําความสะอาดลำคอก่อนที่เริ่มพูดต่อ “จริงๆ แล้วก็ ไม่มีอันใดหรอกหรอก แค่อยากจะมาถามว่าเมื่อคืนทุกคน เข้าเวรกันที่ใด ได้ออกเวรกลางคันหรือไม่
นางกำนัลที่อยู่ข้างล่างมองหน้ากันอย่างสงสัย ไม่เข้าใจ ว่าหย่งกงกงต้องการสื่อความหมายว่าอะไร
ในตอนนั้นเองราวกับหัวใจมาเต้นอยู่ที่ลำคอ ที่แท้คือ เรื่องเมื่อวาน!
“หลอชิง เมื่อวานเจ้าไม่ได้เข้าเวรใช่ไหม?” อยู่ๆ จื่อสีก็ถามขึ้น
ด้วยความตื่นเต้นตกใจฉันรีบเอามือปิดปากเธอไว้ เป็น นัยว่าอย่าพูดอะไรมั่วซั่วออกไป จื่อสีมองฉันอย่างหาคำ ตอบไม่ได้ “เจ้ามีเรื่องอะไรปกปิดข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
“ข้า….” ฉันพูดจาติดอ่างอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะพูดออกไป อย่างไร
ตอนนั้นเอง นางกำนัลอีกคนเย่วหงถงที่ยืนอยู่ข้างๆ จับ แขนฉันชูขึ้นสูงแล้วตะโกนดังๆ ว่า “เมื่อคืน นางกำนัลเมิ่ง หลอชิงไม่ได้เข้าเวร!”
สายตาทุกคู่ต่างพร้อมใจกันหันมามองทางฉัน ฉันยืนอึ้ง อยู่ที่เดิม ตกใจราวกับหัวใจแทบจะระเบิดออกมา
“อ๋อ~” แม่นมหลิวเหมือนกับเริ่มสนใจขึ้นมา ค่อยๆ เดิน มาทางฉัน
เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้น ทุกๆ ก้าวราวกับว่ากำลัง เคาะตีลงบนหัวใจของฉัน ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งดังขึ้น เรื่อยๆ
ในตอนที่แม่นมหลิวเดินเข้ามาข้างกายฉัน แล้วหยุดอยู่ ข้างๆ นั้น ถึงแม้ว่าฉันจะก้มหัวลงต่ำที่สุดแล้ว แต่ก็รู้สึก เหมือนกำลังถูกสายตาของเธอที่กำลังพินิจพิจารณาไปทั่วร่างกายของฉัน ฉันเริ่มตัวสั่นเพราะความกลัว ราวกับว่าหัวใจหลุดออกมาเต้นที่ลำคอ
ทันใดนั้น เธอเอ่ยออกมาว่า “เมื่อว่าเจ้าไม่ได้เข้าเวร? แล้วเจ้าไปที่ใดกันหรือ?”
“..…….……..…….” หัวสมองฉันเหมือนถูกเหวี่ยงหมุนไปมา อยากจะหาข้ออ้างดีๆ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน
“หากว่ามีความเท็จแม้เท็จแม้แต่ประโยคเดียว พวกเจ้าก็ รู้ว่าข้าจะจัดการอย่างไร” แม่นมหลิวไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ ทว่าเมื่อกลับกลายเป็นว่าที่ฉันได้ยินดังก้องจนหูจะหนวก
แย่แล้วแย่แล้ว ตายแน่ๆ คราวนี้!
เมื่อเห็นว่าแม่นมหลิวเดินเข้าใกล้ตัวฉัน ทันใดนั้น ” เย่วหงถงกลับยื่นมาดึงชายผ้าของฉัน ดึงฉันเข้าไปใน กลุ่มคนตรงหน้า
“เมิ่งหลอชิง ทางที่ดีเจ้าควรจะพูดความจริง ข้ารู้ว่าเมื่อ คืนเจ้าไม่ได้เข้าเวร”
ฉันมองไปที่เย่วหงถงอย่างไม่ค่อยเชื่อ เรื่องเมื่อคืนฉัน ยังไม่ได้บอกจื่อสีด้วยซ้ำ เธอจะรู้ได้อย่างไร?
ณ ตอนนั้นเอง ทุกคนต่างมองฉันอย่างสงสัยรอดูว่าจะ เกิดอะไรขึ้น เดิมทีพระราชวงค์ก็เป็นที่ที่ไม่มีใครสนใจ ช่วยเหลือต่อเพื่อนมนุษย์อยู่แล้ว ฉันกัดฟัน ทันใดนั้นเงย หน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อวานกระหม่อมไม่ได้เข้าเป็นเรื่อง จริงเพคะ”
สีหน้าของหย่งกงกงราวกับรู้อยู่แล้วว่าเป็นเธอ “แล้วเมื่อ คืนนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?”
“ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่าอากาศหนาวและลมเย็น เมื่อวานเห็นว่าตำหนักซางซูไม่มีงานอะไรแล้ว และรู้สึกขึ้ เกียจ เลยกลับห้องตัวเองไปอย่างเงียบๆ
เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รีบคุกเข่าลง ก้มหัวลงแม้ในใจก็ รู้สึกกระวนกระวาย
แม่นมหลิวใช้สายตาที่เยือกเย็นมองไปยังแผ่นหลังของ
ฉัน
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนเจ้าเจอกับองค์ชายเจ็ดหรือไม่?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ในหัวสมองของฉันก็ขาวโพลนขึ้นมา ทันที ทำได้แค่ส่ายหัวไปมาอย่างอึ้งๆ
“แน่นะ?” แม่นมหลิวมองฉันที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่กับพื้น เหมือนกับว่าไม่น่าเชื่ออย่างนั้น
ในขณะที่ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนั้น ทันใดนั้นจื่อสีก็พุ่ง ตัวออกมาจากกลุ่มคน คุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมเป็น พยานให้กับเมิ่งหลอชิงได้เพคะ เมื่อวานตอนที่ข้ากลับไป นั้นนางอยู่ในห้องจริงๆ
ฉันก้มหัวมองไปจอสีอย่างตื่นเต้น ในใจก็ซาบซึ้งเป็น อย่างมาก ในเวลาแบบนี้ก็มีแค่เธอที่ออกมาช่วยฉันอย่าง แน่นอน
นัยน์ตาของหย่งกงกงที่ไม่มีใครรู้ได้ว่ากำลังคิดเช่นอยู่ แล้วหันกลับไปพูดว่าไต่สวนก็ไต่สวนไม่รู้ความดังนั้น ก็พอแค่นี้เถอะ จากนั้นก็ปรึกษากับแม่นมหลิวว่าให้ไป ไต่สวนวังอื่นต่อ
ไม่นานนัก หย่งกงกงกับผู้ติดตามก็พากันออกไปจาก เรือนนางกานัล ในใจฉันเหมือนยกหินออกจากอก ร่างกายก็หมดแรงนั่งลงไปกับพื้นทันที เย่วหงถงก้มลงมา มองฉันด้วยสายตาที่เหยียดหยาม ในใจก็นึกตำหนิ ต้อง ไปทําเรื่องที่มีความผิดมาแน่ๆ ถ้าหากฉันจับได้เมื่อไหร่ เมิ่งหลอชิงเจ้าไม่ได้ตายแน่!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ