ตอนที่ 18 เนื้อย่าง
ตอนที่ 18 เนื้อย่าง
คนที่อยู่ด้านบนหน้าผาคงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนรอดแน่ คนแบบนี้อันตรายเกินไป อยู่กับเขา ต่อให้ต้องร่วมมือกัน ก็เหมือนอยู่บนหลังเสือ
ตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรนาง แต่ว่าเขาไม่มี ทางพูดแบบนั้นโดยไม่มีสาเหตุแน่ จะต้องมีเหตุผลอะไร สักอย่าง
เพียงแต่นางยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เขาเพิ่งฟื้นไปในกองไฟ หยู้ชิงหันยิ้มหนักมาก จากนั้นก็ พูดว่า “ขอบใจที่ชม”
ซูมิ่งเย่ตะลึงไป คิดอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก
นิ่งไปกันนาน ซูมิ่งเย่นิ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “เกรงใจไป แล้ว”
ไฟส่องไปที่ชุดสีขาวของหญ้ชิงหัน มันเหมือนมีประกาย เปล่งออกมา ทำให้เขาดูเหมือนคนที่อบอุ่นอ่อนโยน
แต่แวบเดียวก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน
ริมีปากของเขาสีอ่อน ไฟส่องเป็นประกายในม่านตาของ เขา เหมือนว่าตัวเขามีราศีอะไรบางอย่าง มันทำให้ซูมิ่งเย่ ที่ไม่รู้ว่าจะไปไหนทำอะไรรู้สึกอุ่นใจ
“เจ้ารู้ว่าจะขึ้นไปยังไงไหม?” ลังเลใจอย่านาน ซูซึ่งเย่ก็ ยังคงถามออกมาจนได้
นอกจากเคยเพิ่มฟื้นเข้ากองไฟ ซูซึ่งเย่ขมวดคิ้ว สายตา ของนางมองไปที่หยู้ชิงหัน เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นางเลยผิดหวัง
เมื่อครู่เขากระโดดลงมาอย่างมั่นใจ นางคิดว่าเขาจะมี วิธีรองรับ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว เหมือนพวกเขาจะออกไป จากที่นี่ไม่ได้
สายตาของหญ้ชิงหันเหมือนกับป่าที่เงียบสงบ ไฟที่ลุก โชนในดวงตาของเขา เขาพูดอย่าง “เรือเมื่อไปถึงสะพาน แล้วก็มีทางให้ไป คุณหนูซูทำไมต้องรีบร้อนด้วย”
ท่าทางนิ่งไม่กลัวอะไรแบบที่เขาทำนางเลียนแบบไม่ได้ เหมือนในสายตาของเขาอะไรก็ไม่สำคัญเลย
ซูมิ่งเย่ถอนหายใจ นางหลับตาลง นางรู้สึกว่าไฟมันแรงจนแยงตาของนาง
หากว่าในปกติจะสงบแบบนี้ได้ นางก็คงไม่ต้องรีบร้อน อะไร นับดูแล้วนางก็หายตัวไปหนึ่งวันแล้ว หากพรุ่งนี้ยัง กลับไปไม่ได้ ไม่รู้ทางจวนอ๋องจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
อีกอย่างนางเป็นผู้หญิงไม่กลับบ้านไปทั้งคืน คิดว่าชื่อ เสียงของนางคงไม่เหลือแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อกลับไปได้ทุกอย่างก็ไม่มีทางเหมือนเดิม แล้ว
สายตาของเขามองไปที่ซูมิ่งเย่ หยู้ชิงหันยิ้ม จากนั้นก็ก้ม หน้าแอบยิ้มต่อไป
ซูมิ่งเย่ท้องร้องขึ้นมา นางหิวมาก นางขมวดคิ้วอย่างแรง นางไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว เมื่อกี้ต่อสู้มาเสียพลังงาน ไปมาก
“มีอะไรให้กินไหม” น้ำเสียงของซูมิ่งเย่หนักแน่นมาก คน แบบเขาจะไม่มีอะไรได้ยังไงกัน
นางไม่ได้เกรงใจ เพราะนางรู้ว่าเกรงใจไปก็ไม่มี ประโยชน์
ซูมิ่งเย่หัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็หยิบขนมออกมาสองชิ้น แล้วยื่นให้นางชิ้นหนึ่ง “เจ้ากินรองท้องไปก่อนนะ”
ซูมิ่งเย่รับขนมมา แล้วก็พูดว่า “ขอบใจนะ”
นางกัดขนมกินไป แต่ว่ามันแข็งมากฟันของนางแทบจะ พัง กินราโชยออกมา ซูมิ่งเบ่บ้วนมันออกจากปาก แล้ว โยนขนมในมือทิ้งไป
“ไม่อร่อยเลย” นางขมวดคิ้ว แล้วเอานามาล้างปากอย่าง หนัก
ของแบบนี้ให้นางไปกินหญ้าดีกว่า
นางไม่ได้สังเกตเลยว่า สายตาของหญ้ชิงหันมันนิ่งลง
หยู้ชิงหันหัวเราะ แล้วพูดว่า “นี่เป็นของเหลือจากครั้งที่ แล้ว แต่ข้าลืมไป
ซูมิ่งเย่สายตาเป็นประกาย สายตาของนางหายเย็นชา แล้ว นางพูดเสียงเบา ๆ ว่า “ด้านหลังนั่นมีกระต่าย”
เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วดีดไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องสะอื้น จากนั้นเขาก็ยิ้ม
ซูมิ่งเย่ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปทางด้านหลัง ในโพรงหญ้า นั่นมีกระต่ายอยู่ตัวหนึ่ง จากนั้นก็หิ้วหูของมันแล้วเดินมา ที่ริมน้ำ
นางหยิบก้อนหินที่คมหน่อยขึ้นมา แล้วเริ่มจัดการ ชำแหละกระต่ายตัวนั้น เลือดไหลเต็มไปหมด
หยู้ชิงหันมองแล้วก็ตกใจ เห็นนางท่าทางชำนาญมากไม่ เหมือนผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงมาในตระกูลใหญ่
ซูมิ่งเย่จัดการกระต่ายเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาที่กอง ไฟ จากนั้นก็ใช้ไม้เสียบไปที่ตัวกระต่าย แล้วก็เอามาย่าง กับไฟ แล้วก็โรยด้วยผงเม็ดอะไรบางอย่าง
ไม่นานนัก กลิ่นหอมเริ่มโชยมา มันยังมีกลิ่นที่หยู้ชิงหัน ไม่คุ้นแต่มันหอมมาก
เนื้อกระต่ายมันเริ่มมีความกรอบมีน้ำมัน มันหนังของมัน ก็มีผงเม็ดเล็ก ๆ แทรกซึมเต็มไปหมด
“มันคืออะไร?” สายตาของหญ้ชิงหันมองไปบนเนื้อ ที่นี่ มืดมากไม่มีแม้แต่ดวงดาวมีแต่สายตาที่แปลก
ซูมิ่งเย่พลิกเนื้อกระต่ายไปมา สายตาของนางนิ่ง มาก นางพูดว่า “…….…..ผงยี่หร่า” มันเป็นเครื่องเทศในยุค ปัจจุบัน
ในชาติก่อนนางชอบเครื่องเทศพวกนี้ที่สุด อีกทั้งยังเคย เห็นในหนังสือมาก่อนแล้วด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ