จังหวะรักมาเฟีย

III [1/2]



III [1/2]

เช้าของอีกวันของหนูนารถไฟใต้ดินเป็นยานพาหนะที่เธอใช้ เดินทางจากหอพักไปสตูดิโอเหมือนอย่างทุกวัน นิวยอร์กเป็น เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาความเจริญมากที่สุด เมืองที่ไม่ เคยหลับไหลซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจรวมถึงบันเทิง แต่ สําหรับหนูนาตั้งแต่เธอได้เป็นสมาชิกเมืองที่ไม่เคยหลับใหลชีวิต ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดต้องประหยัดและต้องหางานที่ สามารถเรียนไปด้วยได้นั้นเวลาในแต่ละวันของเธอก็ไม่พออยู่ แล้ว เธอมีเป้าหมายในชีวิตสำหรับเด็กกำพร้าที่ไม่รู้จักพ่อแม่ เติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้บั่นทอน ชีวิต กับเป็นแรงกระตุ้นให้เธอต้องเติบโตมาอย่างคนมีคุณภาพ และปัจจุบันเธอก็สามารถมาเรียนต่อระดับปริญญาโทที่อเมริกา อีกสองปีเท่านั้นเธอบอกกับตัวเองว่าเธอต้องทำให้ได้

หนูนาเมื่อมาถึงสตูดิโอก็จัดการงานตามหน้าที่ แต่วันนี้เธอ ได้หอบหิ้วถุงอาหารมื้อเช้าสำหรับกลุ่มศิลปิน

“ไม่แน่ใจว่าปกติพวกเขากินอะไรเป็นมื้อเช้า เอาน่า…ถือซะ ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง มี ดีกว่าไม่มีอะไรเลย” คิดได้แบบ นั้นก็จัดวางทุกอย่างที่โต๊ะกลางตรงมุมโซฟาที่ทั้งเธอและกลุ่ม ศิลปินชอบมานั่งพักผ่อนและนั่งคุย เพราะมุมนี้จะอยู่ริมห้องใกล้ หน้าต่างเห็นวิวแห่งนครนิวยอร์ก และหยิบกระดาษเขียนอะไร บางอย่างวางไว้ที่โต๊ะและคว้าเป๊ออกจากห้องไป
“WOW!!!” ทันทีทีปีเตอร์ผลักประตูสตูดิโอเข้ามาก็ได้ยิน เสียงของพอล กับเห็น ไรอัล ยืนกอดอกมองบางสิ่งที่วางอยู่และ กระดาษ….. – – – – – – – – – –

“สวัสดีตอนเช้าค่ะ น่าขอโทษค่ะ เมื่อวานไม่ได้แจ้งให้ ทราบว่าช่วงสายวันนี้ มีเรียน ขออนุญาตนะคะ ถ้าหากพวกคุณ ต้องการทานมื้อเที่ยงที่นี่ รบกวนแจ้งให้ทราบได้ที่..XXX..ตาม เบอร์นี้นะคะ ทานอาหารเช้าให้อร่อยนะคะ

นา”

หลังจากที่อ่านแล้วปีเตอร์นั่งลงทันที และเริ่มจัดการกับ อาหารตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรกับสองหนุ่มที่ยืนมองพฤติกรรม ของเขาอย่างงงๆ แต่ก็นั่งลงและจัดการกับอาหารเช่นเดียวกัน แต่เมื่อสองคนเริ่มให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าปีเตอร์ หยิบกระดาษโน้ต โดยที่อีกสองหนุ่มไม่ทันสังเกตและเป็นที่สนใจ เลย

ในห้องเรียนของหนูนา จู่ๆ โทรศัพท์ของหนูนาก็สั่นเป็น สัญญาณข้อความเข้า “พวกเรารอมื้อเที่ยงจากหนูนา ตาม สบายข้อความเพียงเท่านี้ หนูนาก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากใคร แต่ที่ ทำให้หนูนาจ้องตาไม่กะพริบคือคำว่า “หนูนา เป็นภาษาไทย ครั้งแรกที่ได้ยินจากปากของนักร้องนำของวง และนี้ก็เป็น ข้อความอีกได้แต่เก็บความสงสัยไว้ก่อนและบ่นกับตัวเอง “ไม่ ได้…ไม่ได้ !! ตั้งใจเรียนซิยายหนูนา”

เมื่อจบชั่วโมงหนูนาก็รีบเก็บของ และกล่าวลาขอตัวกับเพื่อนร่วมคลาสต่างชาติอีกหลายคน ไม่มีใครที่นี่ทราบว่าเธอ ทํางานที่ค่ายเพลงดังของที่นี่ และเธอก็ไม่คิดจะบอกให้ชีวิตต้อง วุ่นวาย ทุกคนทราบเพียงว่าเธอมีงานพาร์ทไทม์เท่านั้น

หนูนาเคาะประตูเป็นสัญญาณพร้อมผลักประตูเข้าไปอย่าง ไม่ต้องรอขออนุญาต หนูนาเข้ามากับสัมภาระเต็มมือ ทุกคนอยู่ ในห้องซ้อมประจําตำแหน่งของแต่ละคน แต่ “เอ๊ะ!” เพลงนี้ไม่ เคยได้ยิน คงเป็นเพลงใหม่สินะหนูนาหันไปมองแค่แว๊บเดียวก็ จัดการหน้าที่ของตัวเอง เมื่อทุกคนในห้องซ้อมเห็นเธอตั้งแต่ เดินเข้ามาแต่ก็ยังซ้อมกันต่อ แต่เมื่อเธอจัดเตรียมมื้อเที่ยง เรียบร้อยต่างก็ออกจากห้องซ้อม แต่ยังพูดคุยกันถึงแนวดนตรี สําหรับเพลงใหม่

“สวัสดีค่ะทุกคน ทานให้อร่อยนะคะ” ทักทายเท่านั้น และ กำลังจะเดินออกไปยังทิศทางของประตู ปล่อยให้พวกเขาทาน มื้อเที่ยงกันตามสบาย ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่สุดแสนจะ หวนเยือกเย็นยังกับน้ำแข็งขั้วโลกราดลงบนศีรษะ “จะไป ไหน?!!!”

“ไปพบคุณเวียนค่ะ” ตอบเท่านั้น และกำลังจะก้าวเท้าออก ไปตามความตั้งใจแรกก็ต้องชะงักอีกครั้ง “ไปนานเหรอเปล่า?” คำถามที่สอง น้ำเสียงไม่ต่างกันเท่าไหร่ตามสวนกลับมาทันที แต่คราวนี้สำหรับคำถามนี้ทุกคนหยุดการสนทนาระหว่างกัน ทันทีทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท เมื่อสมาชิกในวงต่างก็หันไปมอง เจ้าของคำถามเมื่อสักครู่ เพราะทุกคนต่างคิดตรงกันโดยไม่ต้องนัดหมายการกระทำที่แปลกอีกอย่างของปีเตอร์ ปกติเขาเป็นคน ที่ทุกคนเข้าถึงยากแต่ก็เข้าใจได้ เพราะร่วมงานกันมานานและ เป็นที่ทราบกันดีว่านักร้องนำคนนี้แทบจะไม่เปิดบทสนทนากับ ใครก่อน แต่พฤติกรรมหลายอย่างสองวันมานี้ของปีเตอร์ทำให้ ทุกคนคิดว่า เขาอาจจะกำลังจะกลายมาเป็นมนุษย์แล้วมั้ง

“ไม่นานค่ะ คุณต้องการอะไรเพิ่มเหรอเปล่าคะ?” หนูนา ตอบคําถามพร้อมตั้งคำถามกลับ เพราะเริ่มจะไม่ค่อยเข้าใจ นายปีเตอร์คนนี้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็แค่คิดว่าเขาคงอยากได้อะไร เพิ่มมั้ง แต่สิ่งที่หนูนาเห็นตอนนี้ คือสีหน้าที่เหมือนเมื่อวันก่อนที่ เขาจะผลุนผลันออกไป “อะไรของเขา” ซึ่งเธอได้แต่คิดในใจ

“พูดมาได้ว่าคุณต้องการอะไรเพิ่ม ถ้า…ตอบว่า อยากได้หนู นาละ…จะได้มั้ย?” ได้แต่คิดในใจอย่างโมโห ไหนจะสมองกลับ ความจําเสื่อมเหรอไง? เขาบอกให้เรียกเขาว่า “พีท” แต่จนแล้วก็ ไม่ได้พูดตอบกลับเธอไป…ได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่อยากเป็นที่ สนใจของเพื่อนๆ มากกว่านี้ เพราะรู้สึกได้ถึงความเงียบของ บริเวณโดยรอบ ซึ่งในความรู้สึกของเขาตอนนี้คือ อยากตะโกน บอกไปว่า “คิดถึง อยากหอม อยากกอด อยากจูบ” ก็ได้แค่คิด ณ เวลานี้ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้น

“เป็นไรมากมั้ยเนี่ย!!! ตาพีท” ทันทีที่ออกจากห้อง หนูนาก บ่นพึมพำกับตัวเองเป็นภาษาไทย แต่ถ้าคำบ่นของหนูนาได้ยิน ถึงผู้ที่ถูกกล่าวถึง แทนที่เขาจะโกรธคงดีใจยิ้มแก้มแตกแน่นอน
“ก๊อกๆ…”เสียงเคาะประตูทำให้เขียนเงยหน้าจากแฟ้มงาน แล้วกล่าว อนุญาตเพราะรู้ดีอยู่แล้วคนที่เคาะจะเป็นใครไปไม่ได้ คือ นีน่า

“สวัสดีคะคุณเวียน” หนูนาเดินเข้ามาทันทีหลังจากได้รับ อนุญาตและก็มานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหน้าโต๊ะของเวียนตามคำ เชิญของเขา และเขาก็หยิบแฟ้มตารางงานของกลุ่มศิลปินให้หนู นา

“นี่น่า คุณเหลือเวลาอีกนานแค่ไหน ที่ต้องเรียนปรับพื้น ฐาน” ถามออกไปอย่างเป็นทางการ

“อีกสองสัปดาห์คะ”

“อืมม!…เยี่ยม!…งั้นเดี๋ยวคุณไปเช็คตารางนะ เพราะผมจะให้ คุณเดินทางไปกับพวกเขาดูแลความเรียบร้อยที่จะไปแสดง คอนเสิร์ตอีกสามอาทิตย์ข้างหน้าที่แมนฮัตตั้น ยังไงก็ฝากคุณ แจ้งพวกเขาและให้เตรียมงานได้เลยนะ”

“ค่ะ” หลังจากรับแฟ้มงานหนูนากำลังจะขอตัวกลับแต่เสียง ของเอียนก็พูดมาซะก่อน

“อ้อ! อย่าลืมไปที่ฝ่ายการเงินด้วยนะ เขาแจ้งว่าคุณยังไม่ได้ เข้าไปรับค่าแรงนะ ผมเซ็นเอกสารแล้ว” พูดไปและมองหน้ายิ้มๆ

“ขอบคุณค่ะ” และกำลังจะออกจากห้องอีกครั้ง

“เดี๋ยว! นีน่า คุณมีงานด่วนอะไรมั้ย? ผมยังไม่ได้ทานมื้อ เที่ยงเลย พอดีผมให้เจสสิก้าไปทำธุระ คุณพอจะมีเวลาไปทานข้าวมื้อเที่ยงกับผมหน่อยได้ไหม?”

“อืม…ได้ค่ะ” ตอบตกลงไปโดยลืมคำพูดที่บอกกับ คุณชาย ชาเย็นไปเลยว่ามาไม่นาน

*โอเค งั้นเดี๋ยวคุณไปจัดการธุระของคุณที่ฝ่ายการเงินนะ เดี๋ยวผมไปรอที่ร้านอาหารด้านล่างไม่อยากไปไหนไกล ผมมีงาน ด่วนเยอะเลยวันนี้”

หลังจากนั้นประมาณชั่วโมงกว่าๆ หนูนาก็กลับเข้ามาที่ห้อง สตูดิโอ เดินเข้ามาโดยที่ไม่หันไปมองในห้องซ้อมที่กั้นแค่กระจก ใส เก็บทำความสะอาดโต๊ะที่จัดเตรียมมื้อเที่ยงไว้ ตั้งแต่ที่เธอจัด เตรียมอาหารให้เหล่าศิลปินมาสามครั้งพวกเขาจะไม่เคยมี อาหารเหลือทิ้งเลย ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมมากที่พวกเขาไม่กินทิ้งกิน ขว้าง

ในขณะที่เธอกำลังเก็บทำความสะอาด หนูนากลับรู้สึกได้ถึง

กระแสบางอย่าง คือเธอกำลังถูกจับตามอง แต่เธอเลือกที่จะทำ

เป็นไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะเหลือบตาไปมอง เพราะเดาได้ไม่ยาก

ความรู้สึกแบบนี้ เธอทราบได้ทันทีต้องเป็นสายตาของนักร้องนำ

แน่นอน แต่ เอ๊ะ! ทำไมเธอถึงรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาด้วยนะ

บอกไม่ถูกว่าเขาไม่ชอบหรือเฉยๆหรือยังไงกับเธอ เพราะรู้สึกถึง

อารมณ์แปรปรวนของเขาแล้ว เธอได้แต่ตอบตัวเองว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด
อย่างเคยเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หนูนาก็หยิบ MacBook คู่ใจขึ้นมา และนั่งประจำตำแหน่งเหมือนเดิม เหมือนเมื่อวาน

“ขอเช็คอีเมลหน่อยแล้วกัน” ตอนนี้ในห้องสตูดิโอแห่งนี้ ทุก คนก็เข้าสู่โลกของตัวเอง หนุ่มๆซ้อมเพลงพวกเขาต่อ ส่วนหนูนา ก็เข้าสู่โลกของตัวเองเช่นกัน เมื่อเปิดอีเมลก็เห็นอีเมลจากเพื่อ สาวที่รักเหมือนพี่น้อง ที่เติบโตมาด้วยกันอย่างเคยคือ คิดถึง, สบายดีมั้ย? หนูนาตอบกลับเพื่อนสาว “นีออน หนูนา สบายดี ขอโทษที่ไม่ได้เขียนหา แค่ยุ่งๆนะ รักและคิดถึงนีออน เพื่อนรักมากๆ…” ตอบเพียงเท่านั้น เพื่อที่เพื่อนสาวจะได้คลาย กังวลความเป็นห่วง

และอีเมลฉบับต่อมาจากสำนักพิมพ์ที่เมืองไทย ตอบรับกับ นิยายเรื่องใหม่ของเธอ ตอนนี้แววตาของหนูนาที่เมื่อสักครู่ เศร้าเพราะคิดถึงเพื่อนรักก็กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาทันที โดยที่ ตอนนี้เธอไม่รู้ตัวว่าปฏิกิริยาของเธอไม่ได้รอดพ้นสายตาคนบาง คนที่อยู่ในห้องซ้อมเลย “ผู้หญิงอะไร แสดงอารมณ์ทางแววตา ได้อย่างง่ายดาย เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวดีใจ ออกมาอย่างชัดเจน น่า

รักแฮะ!” ปีเตอร์คิดในใจอย่างที่ปรากฏแก่สายตา

แล้วอยู่ๆหนูนาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังห้องซ้อม ก็ต้องสบตา กับผู้ที่มองมาก่อนอย่างไม่ตั้งใจ อยู่ๆเธอก็ร้อนวูบๆที่ใบหน้า เมื่อสบสายตากับนักร้องนำตอนนี้ หนูนารู้สึกว่าไม่สามารถหลบ สายตาเขาได้ เพราะแววตาของเขาเหมือนสามารถสะกดเธอไว้ แค่จ้องตากันในระยะที่ห่างกันตั้งหลายเมตรเธอยังใจเต้นแรง ลืมหายใจจนปีเตอร์ยิ้มและขยับปากอ่านได้ว่า “หายใจ หนูนาตกใจและรับทำตามเพราะเธอลืมหายใจจริงๆ เธอรีบก้มหน้า คืนสายตาของตัวเอง จ้องที่หน้าจอ MacBook ทันที

“เมื่อกี้มันอะไร?” หนูนาได้แต่ถามตัวเองแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เพราะตัวเธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เอามือมากุมหน้าตัวเองและตบ หน้าตัวเองเบาๆสลับไปมาทั้งสองมือแบบเบาๆ เพื่อเรียกสติของ ตัวเองกลับมาและมาให้ความสนใจกับหน้าจอ MacBook ต่อ เพราะตอนนี้เธอกำลังจะขึ้นเรื่องนิยายเรื่องใหม่ของเธอแล้ว ทันทีที่ได้รับคำตอบ “เซย์เยส จากสำนักพิมพ์ ซึ่งท่าทางที่ แสดงออกมาของหนูนาอยู่ในสายตาของปีเตอร์ตลอดจนอดแอบ ขา จนต้องยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นแบบนั้น

หนูนาค่อยๆเหลือบมอง นักร้องนำอย่างไม่ให้เขารู้ตัว จะไม่ ให้แอบมองได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นพระเอกในนิยายเรื่อง ใหม่ของเธอ แต่แล้วก็ต้องหลบตาอีกครั้งเมื่อสายตาคู่นั้นยังมอง เธออยู่และยิ้มเธอด้วย “โอ้ย!!!…” หนูนาร้องออกมาและ ตัดสินใจไม่แอบมองแล้วไปเปิดหาภาพในลุงกู (google) เพื่อ บรรยายลักษณะของพระเอกในนิยายของเธอดีกว่า

“อเมริกันโดยกำเนิด นักร้องชายที่กำลังถือไมค์บนเวที วาดลวดลายลีลา ทั้งร้องทั้งเต้น สร้างความสนุกสนานให้กับ เหล่าแฟนเพลง บนเวทีนั้นเขาช่างดูมีชีวิตชีวามีความสุขกับสิ่งที่ ตัวเองกำลังทำอยู่ เขาช่างเพียบพร้อมไปทุกด้านสามารถมอง เห็นด้วยตา นอกจากน้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าหลงใหล รูปร่างที่ สมบูรณ์ด้วยความสูง 1.85 เมตร หน้าตาที่สาวๆเห็นแล้วเพียงได้ เข้าใกล้แทบจะเป็นลม ชาวอเมริกันที่มีใบหน้าหวาน คิ้วเข้มเป็นธรรชาติเหมือนได้รับการตกแต่งจากช่าง โดยอาชีพ รับกับ ดวงตาสีดำ เพียงแค่ถ้าได้สบตากันแล้วเหมือนคนมองถูกสะกด จนไม่สามารถละสายตาไปได้ จมูกที่โด่งได้รูปแบบชาวตะวันตก รับกับริมฝีปากได้รูปน่าหลงใหล ผิวกายละเอียดสีน้ำผึ้งแบบ เอเชีย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ