ตอนที่12 ลองเดาดูสิ
ตอนที่ 12 ลองเดาดูสิ
“ตามใจคุณจะคิดยังไงก็ช่าง ยังไงผมก็จะชวนทะเลาะ ถ้าพวก คุณไม่มีเรื่องกันเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ไหม? ตอนนี้ยังจะมาแบ่ง หน้าที่ชดใช้กับฉัน ก่อนที่จะต่อยกัน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรแม้แต่ น้อย มีแต่พวกคุณที่ทะเลาะกัน และก่อนที่จะทำร้ายเสี่ยวป่าว พวกคุณก็มีเรื่องกันมาก่อนแล้ว ห้องครัวก็วุ่นวายเสียหายอยู่แล้ว เช่นกัน ผักผลไม่ต่างๆ ที่เสียหายก็เป็นฝีมือของพวกนาย ยังจะไม่ ยอมรับกันอีก?” ด้วนเทียนเฟิงไม่สามารถยอมรับได้ว่าตัวเอง เป็นคนช่วยเสี่ยวป่าว แม้ว่านั่นคือความจริง แต่ความจริงบาง อย่างก็ไม่สามารถยอมรับต่อหน้าไอ้สารเลวเช่นเขาได้ โจวเสี่ยว หลิงกำลังมองมาที่พวกเขา ด้านเทียนเฟิงไม่สามารถบอกความ จริงได้ เพราะเรื่องนี้ยิ่งเป็นความรับผิดชอบของเฮยเมียนเชิ นมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีต่อหล่อนมากเท่านั้น ด้วนเทียนเฟิงรับ เงินจากหล่อนมาหกพันหยวนแล้ว ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้น จะเป็นการผิดคําพูดกันเปล่าๆ
เฮยเมียนเงินไม่พูดโต้กลับ ด้วนเทียนเฟิงจึงพูดต่อ “ดังนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวป่าวเลยแม้แต่น้อย
เฮยเมียนเซน :
“นายบอกไม่มีก็คือไม่มี?”
ด้วนเทียนเฟิงพูดต่อ : “ตอนนั้นนอกจากจะมีคนครัวแล้วยังมี คนฝ่ายบริกรอยู่อีกด้วย พวกเขาเห็นชัดที่สุด ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคุณแล้ว ไปถามพวกเขาเถอะ
ตอนนั้นเอง โจวเสี่ยวหลิงพูดขึ้น “พอแล้ว เรื่องนี้พวกนายพูด เถียงกันไปมาอยู่กันนั่น ไม่ว่าใครจะพูดอะไรฉันไม่เชื่อทั้งนั้น ฉัน จะไปถามคนฝ่ายบริการ ส่วนเรื่องภายในของพวกนายจะจัดการ กันยังไง ตอนนี้ไม่มีฝ่ายภายในแล้ว เรื่องนี้ฉันจะจัดการด้วยตัว เอง เฮยเมี่ยนเป็นไม่ต้องเข้ามายุ่ง ฉันไม่อยากให้เรื่องร้ายแรง ไปกว่านี้ จะส่งผลเสียกับทุกคน”
เฮยเมียนเซินฟีดฟัดแสดงความไม่พอใจ จากนั้นหันหลังเดิน ออกไปจากร้าน พี่จานปาน พี่เซี่ยงซื้อและพี่ส่วยกัยกลับเดิน เข้าไปในห้องครัว ระหว่างการโต้เถียงของเฮยเมียนเซินและด้าน เทียนเฟิงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาไม่ได้เข้าข้างเฮยเมี่ยนเป็น ดัง นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาไม่ได้เดินตามเฮยเมี่ยนเงินออกไป ยังไงผลประโยชน์ที่สำคัญกว่า สำหรับพวกเห็นแก่ได้
ต้วนเทียนเฟิงไม่ได้เข้าไปในห้องครัวพร้อมกับพวกเขาทันที เขามองสายตาของโจวเสี่ยวหลิงพูดขึ้น: “บอกผมมาหน่อย เชฟ สี่ถูกคุณซื้อตัวไปแล้วใช่หรือไม่? ”
โจวเสี่ยวหลิงตก ใจตะลึงอยู่สักพัก จากนั้นจึงยิ้มและพูดขึ้น “นายลองเดาดูสิ”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางก็เข้าใจขึ้นมาทันที เซฟเป็นฝ่ายย น้ำลายใส่หน้าพี่จานป่านก่อน จากนั้นห้องครัวจึงวุ่นวาย โกลาหลขึ้นมา เฮยเมี่ยนเป็นควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จากนั้น เขาจึงไปหาเสี่ยวป่าวมาเป็นแพะรับบาป เพื่อช่วยหล่อนห้องครัววุ่นวายมากขึ้น เป็นไปตามความต้องการของหล่อน เฮยเมียน เงินหมดหนทางควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดในห้องครัว พี่จาน ปาน พี่เซี่ยงมือและพี่ส่วยภัยไม่ได้ช่วยเขา ทุกอย่างเป็นแผนของ หญิงสาวผู้นี้ และไม่ได้วางแผนแค่เรื่องนี้เท่านั้น แน่นอนว่ายังมี เรื่องอื่นอีก ด้วนเทียนเฟิงพูดขึ้น: “ทุกอย่างเป็นตามที่คุณคาด หวังไว้แล้ว คุณร้ายกาจมากแต่คุณทำร้ายผมกับเสี่ยวป่าว สิ่ง ที่คุณพูดไว้ให้ดี ถ้าคุณไม่ทำตามสัญญา คุณต้องตายก่อนผม
กว่าจะเก็บกวาดห้องครัวให้เรียบร้อยก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า แล้ว ทุกคนเหนื่อยจนร่างแทบขาด แต่ยังโชคดีที่เรื่องทะเลาะมี ปากเสียงกันเมื่อครู่ไม่มีใครเอาความกัน นี่ก็เป็นเพราะมีเรื่องที่ น่ากังวลมากกว่านี้ นั่นก็คือเรื่องงาน ด้วนเทียนเฟิงยังไม่รู้ว่าตัว เองจะทำงานที่ร้านหมู่สือต่อไปได้หรือไม่ ปล่อยเรื่องทะเลาะกัน ให้ผ่านไปสักพักก่อน ถ้าคนพวกนี้ไม่ออกไป คงต้องหาเรื่องกลั่น แกล้งใส่ร้ายให้ตัวเขาและเสี่ยวป่าวแน่นอน
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ยังคงเป็นด้วนเทียนเฟิงและเสี่ยวป่าวที่ กลับเป็นคนสุดท้าย อูเสี่ยวป่าวพูดขึ้น : “หิวแล้ว ไปกินมื้อดึกกัน ก่อนแล้วค่อยกลับ
ด้วนเทียนเฟิงพยักหน้าลง “ไปกินราเม็งกัน”
มีร้านราเม็งแห่งหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านใจกลางเมือง ด้วนเทียนเฟิ งกับอูเสี่ยวป่าวเดินตรงไปที่นั่นทันที เพิ่งจะนั่งลงไม่นานอูเสี่ยว ป่าวก็สั่งราเม็งเนื้อสองชาม จากนั้นในน้ำซาสองแก้ว ยื่นให้ด้วน เทียนเฟิง ด้วนเทียนเฟิงสังเกตเห็นว่ามือของเขาค่อนข้างสั้น ง่าม มือบวมเป่งขึ้นมาเล็กน้อย เป็นอะไรรึเปล่า?”
อูเสี่ยวบ่าวส่ายหน้าตอบกลับ ไม่รู้ว่าถูกใครเหยียบเข้า ไม่ เป็นไร ทายาก็หาย
“ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม?” เมื่อเห็นอูเสี่ยวบ่าวส่ายหน้า ด้าน เทียนเฟิงยังคงไม่ไว้ใจ “ไปโรงพยาบาลตรวจดูหน่อยไหม ถ้า อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่…
อูเสี่ยวป่าวไม่พูดอะไรต่อ จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ จับหัวตัวเองพูดขึ้น “นายเห็นปุ๋ยชิ้นหนึ่งไหม? วันนี้ฉันไม่เห็นทั้งวันเลย โทรศัพท์ไปก็ ปิดเครื่อง”
ด้วนเทียนเฟิงพูดตอบ : “หล่อนคงกำลังพักผ่อนอยู่ ไม่อยาก ถูกรบกวน ก็เลยปิดเครื่อง”
“หล่อนเป็นถึงหัวหน้า บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไปพัก
ผ่อนก็ต้องกลับมาดูบ้างสิ ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหล่อน
“ให้ตายเถอะ นายไม่คิดถึงเรื่องผู้หญิงสักหนึ่งนาทีจะตาย ไหม? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง? เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสอง วันมานี้ยังไม่มากพออีกงั้นเหรอ?” ด้วนเทียนเฟิงอดไม่ได้ที่จะด่า เขา จากนั้นสีหน้าของอูเสี่ยวป่าวน้อยใจขึ้นมาทันที พูดขึ้นต่อ “โอเคๆ ถ้านายอยากรู้จริงๆก็โทรถามจางเซี่ยวหรานดูสิ
“ถามแล้ว จางเซี่ยวหราน ยังคิดจะถามฉันอยู่เลย แปลกมาก คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหล่อนใช่ไหม? ”
ด้วนเทียนเฟิงไม่ได้ตอบหล่อนทันที ย้อนคิดไปถึงเมื่อคืนที่บังเอิญเจอปุ๋ยซินหนิง รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ “ฉันเคยบอกนายไป แล้วไม่ใช่หรือไง? ตอนฉันกลับไปเมื่อคืนบังเอิญเจอหล่อน พอ มาลองคิดดูดีๆตอนนี้เหมือนรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล ทำไม หล่อนต้องฝากฉันมาขอโทษนาย? ดูเหมือนว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับ หล่อน หรือว่า…”
อูเสี่ยวปาวพูดแทรกขึ้น หรือนี่ไม่ใช่นิสัยของหล่อน หล่อน เป็นคนเรียบร้อย นิ่งขรึม แต่ต้องดูว่าคือเรื่องอะไร เรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อคืนฉันคิดว่าหล่อนน่าจะเป็นห่วงฉัน แต่ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ ได้รู้สึกเช่นนั้น ฉันก็เลยรู้สึกกังวล คงไม่ได้เป็นเพราะคนพวกนั้น หาหล่อนเจอแล้วทำมิดีมิร้ายหล่อนใช่ไหม? พวกเรากินราเม็ง เสร็จแล้วไปหาหล่อนกันเถอะ”
ด้านเทียนเฟิงพูดไม่ออก ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แต่เมื่อ เห็นท่าทางกังวลใจของอูเสี่ยวป่าว ถ้วนเทียนเพิ่งทำได้เพียง ตอบกลับไปว่า “นายรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?”
อูเสี่ยวป่าวพยักหน้าลง ขณะเดียวกันราเม็งมาเสิร์ฟพอดี ด้วน เทียนเฟิงกับอูเสี่ยวป่าวรีบกินอย่างรวดเร็ว จากนั้นเช็คบิลและ ออกไปทันที..
เมื่อเดินออกมาจากร้านราเม็ง อูเสี่ยวป่าวเดินนำด้านเทียน เพิ่งไปยังทางตรงข้ามกับทางกลับหอพัก เดินเลี้ยวคดเคี้ยวไปมา ประมาณห้านาที ท้ายสุดหยุดอยู่ที่หน้าตึกใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง อ เสี่ยวป่าวชี้ไปที่ชั้นห้า :“ปุ๋ยซินหนิงอยู่ที่ห้อง503 บนชั้น5″
ด้วนเทียนเฟิงมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับหล่อนลึกซึ้งเกินกว่าฉันคิด
เสี่ยวป่าวชูนิ้วกลางใส่ นายนี่คิดลามกตลอด ฉันแค่เคยส่งหล่อนกลับบ้าน
“เคย
คิดอยากจะอยู่ค้างคืนกับหล่อนอะไรแบบนี้เลยหรือไง
“ขี้เกียจต่อปากต่อคํากับนายแล้ว” เสี่ยวป่าวเดินเข้าไป ในก
ด้วนเทียนเฟิงเดินตามเขาเข้าพลางพูดขึ้น คิดจะใช่ ไหมดูเผินๆหน้าจริงจัง แต่ว่าลามก หน้าหนาไม่ละอายใจอย่างนาย ฉันเป็นพ่อ นาย คงปล่อยนายมาแบบ…
อูเสี่ยวป่าวไม่ตอบอะไร รีบเดินเร็วขึ้น อันที่จริงสิ่งเฟิง พูดเพียงแค่จงใจแกล้งเขาเท่านั้น เดินมาส่งสาวสวย เรียบร้อยเย็นชาเป็นน้ำแข็งแบบนั้น เป็นก็คงไม่ซื่อกับ หล่อนทั้งนั้น
เมื่อเดินถึงชั้นที่503 ภายในไม่ได้เปิดไฟ ว่า ชิ้นหนึ่งยังไม่กลับหล่อนหลับไปแล้วกันอูป่าวหันไป มองเทียนเฟิง จากนั้นเคาะประตูเบาปุ๋ยชินหนิง ฉันเสี่ยว บ่าวเองนะ คุณอยู่รึเปล่า?ผ่านไปสักพักไม่เสียงตอบรับ เสี่ยวเคาะประตูต่อ แต่กลับไม่ตอบรับใดๆมา
อูเสี่ยวปาวพูดขึ้นด้วยความกังวล “อีกป่านนี้แล้ว คงไม่เกิด เรื่องอะไรกับหล่อนใช่ไหม? ออกไปหาหล่อนกันดีไหม?”
ต้วนเทียนเฟิงมองเขาด้วยสายตาถากถาง: “นายคิดว่าที่นี่ เป็นบ้านนายงั้นเหรอ? ที่นี่คือเมืองหัวไห่ เมืองใหญ่โตขนาดนี้ นายคิดจะไปหาที่ไหน?”
“งั้นทำไงล่ะ? หรือจะพังประตูเข้าไป? หล่อนจะถูกฆ่าหมกอยู่
ในห้องรึเปล่า? หรือตายกะทันหัน?”
“นายบ้าไปแล้วหรือไง” ด้วนเทียนเฟิงยืนพิงกำแพง หยิบบุหรี่ ขึ้นมาสูบ พ่นควันออกมา “รอดูก่อน ค่อยว่ากัน
อูเสี่ยวป่าวยืนพิงกำแพงฝั่งตรงข้าม จุดบุหรี่ของตัวเอง สบตา มอง ด้วนเทียนเฟิง พลางสูบบุหรี่ สีหน้าเขายังคงเป็นกังวล ไอ้ หมอนี่คงชอบปี้ยนหนิงเข้ากระดูกแล้ว ด้วนเทียนเฟิงเพิ่งจะเริ่ม คิดถึงเรื่องนี้ สาวสวยอย่างปุ๋ยชิ้นหนึ่งไม่เหมาะสมกับผู้ชายเช่น ตัวเอง ยิ่งอูเสี่ยวป่าวหลงใหลหล่อนมาก ก็จะเจ็บมากขึ้นเท่านั้น
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากบันได ผ่านไปไม่นานมีหญิงสาวคน หนึ่งเดินขึ้นมา หล่อนอายุประมาณ 24-25 หน้าตางั้นๆ แต่แต่ง ตัวเซ็กซี่ กระโปรงสั้นมากจนเห็นขาเรียวขาวเนียน เมื่อเห็นด้วน เทียนเฟิงและอูเสี่ยวป่าว หล่อนตกใจตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คงคิดว่า พวกเขาเป็นคนร้าย จากนั้นจึงเดินผ่านไป แต่คอยระวังอยู่ตลอด ในมือ มือถือไว้แน่น เป็นอาวุธป้องกันไว้โจมตีพวกเขาได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ