My lady นายหญิงเป็นผู้ หญิงของผม 18+

ตอนที่ 6 คุณจะโวยวายหาอะไร



ตอนที่ 6 คุณจะโวยวายหาอะไร

รอ ต้วนเทียนเฟิงนั่งลงอูเสี่ยวป่าวก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เมื่อคืน ไปกินอาหารมื้อค่ำกับปุ๋ยซินหนิง ปุ๋ยซินหนิง โดนผู้ชาย 3 คนที่ นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ แซวแหย่ พวกเขาหาเรื่องก่อน แต่ว่าฉันเป็น ฝ่ายลงมือก่อน หากชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ก็จะไม่ถูกคุมขัง

เหมือนกับที่ ด้วนเทียนเพิ่งเอาไว้เลย ทะเลาะวิวาท ด้านเทียน เพิ่งพูดออกมาว่า “ชดใช้ 6000 หยวน เยอะขนาดนี้ พวกเขาได้ รับบาดเจ็บหนักหรือ

“เจ็บบ้าอะไร ฉันนี่แหละที่เจ็บ”อูเสี่ยวป่าวหยิบบุหรี่ที่อยู่บน โต๊ะขึ้นมา จุดไฟแล้วสูบจนหมดมวน จากใช้พูดด้วยน้ำเสียงที่ กลัดกลุ้มใจว่า “นายลองคิดดูว่าฉันเป็นนาย หากฉันเป็นนายละ ก็ฉันจะไม่ค่อยไอ้พวกนั้นจนฟันร่วงเต็มพื้นเลยเหรอ แม่ง หลัง จากที่เรื่องนี้จบลง นายช่วยสอนวิชาหมัดมวยของนายให้ฉัน หน่อยเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็พาฉันไปหาอาจารย์ของนาย ผู้ชาย หากไม่มีวิชาป้องกันตัวไว้สักนิด ก็ยากที่จะต่อสู้ ขา ขายหน้าให้กับ คนมากมายขนาดนั้น ปุ๋ยชิ้นหนึ่งยังคงจะสนใจฉันอยู่อีกเหรอ”
“ในเมื่อตอนนี้มันเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าหากนายเป็นวิชาการต่อสู้ แล้วค่อยคนจนน็อคไป ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าชดใช้ 6000 หรือ” ด้วนเทียนเพิ่งรู้สึกดีใจอยู่เงียบๆ ไม่ได้บอกเสี่ยวป่าวว่า วิชาการต่อสู้นี้เป็นสิ่งที่ด้านโซวสอนเขามา ไม่เช่นนั้นด้วย ลักษณะท่าทีของเสี่ยวป่าวแล้ว คงจะกล้าเข้าไปหาส่วนโชว ตรงๆ หรือบางทีนายอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมคนอย่างด้วน โชวถึงเป็นวิชาการต่อสู้ได้ ซึ่ง ด้วนเทียนเฟิงคนนี้ก็ไม่สามารถ บอกได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามด้วนโซวเขาก็เป็น แถมความเข้าใจในวิชาหมัดมวยก็มีมากเสียด้วย นอกจากวิชา หมัดมวยระยะประชิดและมวยไทเก๊กแล้ว ยังเป็นมวยแปดสุด ยอดและมวยสิงอี้ แต่เขาก็สอนด้วนเทียนเฟิงเพียงแค่วิชาหมัด มวยระยะประชิดตัวเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ด้วนเทียนเฟิงและอู เสี่ยวป่าวได้พนันขันต่อกันด้วนเทียนเฟิงปล่อยเพียงหมัดเดียว ได้ทำถาดที่เสิร์ฟอาหารแตกหักเลย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า ด้วนเทียน เพิ่งได้วิชาหมัดมวยระยะประชิดตัว “นี่นายยังจะมาคิดถึงปัญหา ที่ว่า ปุ้ยซินหนิงจะสนใจนายอยู่อีกเหรอ ควรที่จะมาคิดว่าจะ หาเงิน 6000 หยวนมาจากไหนดีกว่า ต้องชดใช้มากขนาดนี้เลย เหรอ ต่อรองอีกไม่ได้แล้วเหรอ”

อูเสี่ยวป่าวสูบบุหรี่ไปหนึ่งเชือก แล้วพ่นควันไปทางด้านเทียนเฟิงจากนั้นพูดขึ้นมาว่า “ไม่มีทางต่อรอง ได้ ถ้าจ่ายค่าเสียหายไม่ครบ จะต้องถูกกักตัวอยู่ที่นี่ 15 วัน แต่ ถ้าหากว่านายจ่ายเงินค่าเสียหาย ยังจะต้องถูกกักตัวอีกเหรอ กลับไปเขียนคำร้องขอให้ เฮยเมียนเซินจ่ายเงินเดือน 3 เดือน ล่วงหน้าก่อนเถอะ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น

“โห เฮยเมียนเซนคนนั้นช่างไร้ซึ่งความรู้สึกและไร้น้ำใจ 3 เดือนคิดว่าได้งั้นหรือ นายไม่มีบัตรกดเงินสด เงินด่วนหรือ

อูเสี่ยวบ่าวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

10 นาทีผ่านไป ล้วนเทียนเฟิงก็ได้นำแบบฟอร์มคำร้องขอให้ จ่ายเงินเดือนล่วงหน้าที่อูเสี่ยวป่าวเขียน ถือเดินออกมาจาก สถานีตำรวจ รีบกลับไปยังร้านอาหารร้านหมู่สือ เพื่อไปหาเฮย เมี่ยนเซินหลังจากที่อธิบายเรื่องราวของอูเสี่ยวป่าวอย่างคร่าวๆ ไป 1 รอบ จึงได้เอ่ยปากขอเบิกจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าจากเขา หน้าเขา ขมึงขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “ไม่มีเงินก็อย่าไปก่อเรื่อง หาเรื่องไปทั่วสะใจมากหรือไง ไปจัดการกันเอง ชายหนุ่มทั้ง 2 คน ถ้าเรื่องเงินแค่ 6000 หยวนยังจัดการไม่ได้ แล้วจะทำอะไร ได้”

ด้วนเทียนเฟิงพูดออกมาว่า “ลูกพี่ นี่มันเป็นที่เกินความคาดคิด คุณช่วยหน่อยนะ ยังไงมันก็เงินเดือนของ เสี่ยวป่าวก็แค่จ่ายล่วงหน้าเท่านั้นเอง”

“นายเคยเรียนหนังสือมาไหม คิดบัญชีเป็นไหม” เฮยเมียน เซ็นจ้องตาเขม็ง มองจิกไปยังด้านเทียนเฟิงแล้วพูดว่า “ถ้า หากว่าเขาออกมาได้แล้วหนีไปเลยล่ะ ยังเป็นเงินเดือนของเขา อีกไหม นายพูดจากความมีน้ำใจของนาย แล้วความเสี่ยงนี้ฉัน ควรที่จะต้องรับมันหรือ

“อูเสี่ยวป่าวไม่ใช่คนแบบนั้น

“รู้หน้าไม่รู้ใจ ฉันแนะนำว่านายควรที่จะสนใจเรื่องไร้สาระนี้ ให้น้อยๆ หน่อย” พูดจบ เฮยเมียนเซินก็เดินเข้าไปในห้องครัว

ด้วนเทียนเพิ่งรีบพูดขึ้นมาว่า “ลูกพี่ เรื่องนี้หากคุณไม่ช่วยอ เสี่ยวบ่าวจะต้องถูกขัง 15 วันนะ

เฮยเมียนเซินหันหน้ากลับมาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ยังไป 15 วันเถอะ ถึงอย่างไรก็ตาม ใน 15 วัน เขาก็ไม่สามารถที่จะ หาเงิน 6000 หยวนกลับคืนมาได้หรอก หากบิลนี้ไม่ขาดทุน ฉัน จะลาหยุดแทนเขา 15 วัน นี่ฉันให้คำแนะนำอย่างดีที่สุดแล้ว อย่ามากวนฉันอีก”

ด้วนเทียนเฟิง โมโหแล้วพูดออกมาว่า “นี่เป็นคนที่ทำงานด้วยกันกับคุณนะ คุณจะไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจขนาด นี้เลยเหรอ ก็ใช่ว่าคุณจะควักเงินส่วนตัว 6000 ออกมาสักหน่อย มันก็ยื่นขอจากบริษัท คุณเซ็นชื่อ ส่วนผมก็ไปหาการเงินเอง

เฮยเมียนเซินก็โมโหขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า “นายจะมาโวยวาย อะไร นายช่างมีความจงรักภักดีขนาดนั้น นายก็ไปช่วยจัดการให้ อูเสี่ยวป่าวเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับฉัน อีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะให้ดี ที่สุดนายควรกลับไปทำงาน วันลาหยุดของนายขอยกเลิก หาก นายจะไปช่วยอูเสี่ยวป่าวก็ให้ใช้เวลาว่าง ไม่เช่นนั้นฉันจะหักเงิน นาย”

เฮยเมียนเซินรีบเดินออกจากห้องโถงไป ด้วนเทียนเฟิงไม่ได้ เดินตามออกไป แต่ว่าได้เดินผ่านห้องครัวออกไปทางด้านหลัง หักเงิน ชอบหัก หัก จริง

เฮยเมี่ยนเงินทำไมถึงไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจขนาดนี้ ล้วน เทียนเฟิงเกือบจะอดกลั้นไว้ไม่ไหว อีกเพียงนิดเดียวก็จะสามารถ ชกหน้าเขาได้แล้ว ไอ้เหี้ย ให้ตัวเองไปหาการเงิน ไม่มีลายเซ็น ของมึงแล้วจะไปหาทำหาอะไร เงินก็ไม่ใช่เงินที่มึงให้มึงแม่งก็ แค่ลายเซ็นมันจะยากขนาดนี้เลยเหรอ ด่าอยู่ในใจไปยกหนึ่ง ก็ ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย แต่ปัญหาก็ยังคงต้องแก้ไขอยู่ดีไม่ใช่เห รอ จะทําอย่างไรดีล่ะ ไปหายืมจากเพื่อนร่วมงานเหรอ ยืมเงินจากคนสมัยไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องอะไรก็ตาม มันช่างยาก เย็นเหลือเกิน ไม่น่าจะได้แน่นอน

คิดทบทวนมา ด้วนเทียนเฟิงเลยไปหาฝ่ายการเงิน พูดอย่างไรตาม จะต้องลายเซ็นของเฮยเมียนเป็นจะเงินได้ ทําได้แค่เพียงหา เฮยเมียนเป็นสักรอบ ก็ ปัญญาเพราะท่าทีของเหี้ยคนนี้เป็นเหมือนเดิม ด้วนเทียน เฟิงเดินออกอีกหนึ่งครั้ง ในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด จะ ต้องกลับไปบอกกับเสี่ยวป่าวว่า เฮยเมี่ยนเป็นคนนั้นไม่ยอมให้ เบิกเงินได้อยู่เวลา แต่ที่คุณสมบัติต่างหาก แถมมีความ วุ่นวายอยู่ในนั้นอีก ที่ไหนจะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เข้าแล้วจะสามารถกลับออก

แต่ด้วนเทียนเฟิงก็ไม่มีอื่น ในเมืองใหญ่รู้จักใครสัก คน ว่าอยู่เพียงหนึ่งคนเท่านั้น ส่วนไม่ถือยังจัก มีเพียงแค่นามบัตร แถมนามบัตรยังเป็นและเบอร์ โทรศัพท์ของผู้หญิงอีก นามบัตรใบเป็นสิ่งด้านโซวให้เอา ไว้ เขาบอกว่าหากตัวเองปัญหาใหญ่โต ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ ในเมืองใหญ่ได้แล้วละก็ ก็ให้ไปหาผู้หญิงคนนี้ หล่อนจะสามารถ ช่วยเหลือได้ แต่ก็ได้แค่เพียงครั้งเดียว ดังนั้นถ้าหากยังสามารถ ใช้ชีวิตต่อไปได้ ก็อย่าไปหาเด็ดขาด

หรือว่าอาจจะต้องกลับไปปรึกษากับอูเสี่ยวป่าวอีกสักหน่อยว่า มีวิธีอื่นอีกไหม แต่ว่าตอนที่ด้านเทียนเฟิงเดินมาถึงหน้าประตู ของสถานีตำรวจ ตอนที่กำลังคิดที่จะเดินเข้าไป โทรศัพท์มือถือ ดังขึ้นมาทันที เป็นโจวเสี่ยวหลังโทรมา “เทียนเฟิง เมื่อกี้นายไป ยืมเงินที่ฝ่ายการเงินมาเหรอ 6000 หยวนเหรอ นายร้อนเงิน ขนาดนั้นเลยเหรอ”

ด้านเทียนเฟิงพูดออกมาว่า “ฝ่ายการเงินไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าสาเหตุที่ผมยืมเงินคืออะไร

“เปล่า ฉันเพิ่งจะกลับมา ฉันถึงจะรู้ว่า เฮยเมียนเป็นไม่ยอม เซ็นต์ชื่อ ให้นาย จริงๆ แล้วฉันก็ให้ยืมได้โดยตรง จะถือว่าให้ เลยก็ได้ ไม่มีปัญหา” ทันใดนั้น โจวเสี่ยวหลังก็ได้พูดประเด็น สําคัญออกมาว่า “แต่ว่านายจะต้องช่วยฉันทำงาน

ก็รู้อยู่แล้วว่าหล่อนจะเป็นแบบนี้ ด้วนเทียนเฟิงก็เลยวางสาย อย่างไม่ลังเล แล้วเดินเข้าไปข้างในสถานีตำรวจ

ผ่านไป 10 นาที ด้วนเทียนเฟิงก็เดินออกมาจากสถานีตำรวจ ได้ผ่านการปรึกษากับอูเสี่ยวป่าวมาแล้ว ไม่มีวิธีอื่น แล้ว เพื่อนที่อูเสี่ยวป่าวรู้จักก็มีไม่น้อย แต่คนที่จะยอมให้ยืมเงิน กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ดังนั้นล้วนเทียนเฟิงจึงจำเป็นต้องกลับ ไปขอร้องเฮยเมียนเป็นไม่เช่นนั้นแล้วก็คงต้องรับปาก โจวเสี่ยว หลังทำเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรม

ด้านเทียนเฟิงคิดที่จะเลือกตัวเลือกข้างหลังจริงๆ หรือ แม้ว่า สิ่งที่ทําจะเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรม แต่ว่าอย่างน้อย โจวเสี่ยวหล งก็ยังมองว่าตนเองเป็นคน แต่เฮยเมียนเดินกลับไม่ได้มองว่าตัว เองเป็นคน เขาไม่ใช่ด้านโซวสามารถที่จะไม่มองตัวเองเป็นคน ได้ นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นพ่อ ตัวเองไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ แต่ ว่า เฮยเมี่ยนเป็นคนนี้เป็นอะไร มิหนำซ้ำกลับไปหาเขาจะขอร้อง อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ คนที่ไร้ซึ่งความเมตตาและเห็นอก เห็นใจอย่างเขาคนนี้ ดูท่าแล้วก็คงไม่มีช่องว่างให้มาปรึกษากัน ได้หรอก

ก็แค่ รับปาก โจวเสี่ยวหลิงดีไหม เว้นแต่ว่าเรื่องนี้จะต้องใช้วิธี ที่ไร้ซึ่งคุณธรรมในการจัดการ แต่ว่า เฮยเมียนเป็นมันก็ไม่ใช่วัว หรอกเหรอ ก็ไม่ได้มองว่าตัวเองกับอูเสี่ยวป่าวเป็นคนอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ กูจะจัดการมันให้ตาย…
ด้านเทียนเฟิงไม่ได้เดินต่อไป นั่งลงบนเก้าอี้ที่วางเรียงรายอยู่ นอกร้านค้าที่อยู่ริมถนน สั่งเครื่องดื่มมาหนึ่งขวด ดื่มไปพลางคิด ไปพลาง จะเอาเงิน 6000 หยวนจาก โจวเสี่ยวหลัง โดยที่ไม่ต้อง ท่าเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรมได้อย่างไร ไม่ต้องถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้อย่างไร ดูเหมือนว่าจะยากลำบากสักหน่อย แต่ว่ามันก็เห็นได้ อย่างชัดเจนว่า การใช้วิธีการอื่นเพื่อให้ได้เงิน 6000 หยวนมา มันยากลำบากมากกว่า ขนาดว่าไม่มีวิธีการเลย

เอ๊ะ หรือว่านี่คือมติสวรรค์ นายไม่ยอมที่จะทำเรื่องบางเรื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้นายไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธได้

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ด้วนเทียนเฟิงส่งข้อความไปหา โจว เสี่ยวหลงว่า ผมสามารถช่วยคุณได้ นอกจากจะเอาเงิน 6000 หยวนแล้ว ยังมีอีก 2 เงื่อนไข อย่างแรกเสี่ยวป่าวจะต้องอยู่ต่อ อย่างที่สอง จะต้องไม่ให้พวกผมติดร่างแหไปด้วย ถ้าหากคุณ หลอกลวงผมละก็ ถ้าหากผมไม่ตาย คนที่ตายก็จะต้องเป็นคุณ แน่ๆ

หลังจากที่ส่งข้อความออกไป ด้วนเทียนเฟิงก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ หนึ่งมวน มองดูผู้คนบนท้องถนนที่ขวักไขว่ไปมา ขณะที่รอการ ตอบกลับมาของ โจวเสี่ยวหลงนั้นด้วนเทียนเฟิงก็รู้ดีว่า โจวเสี่ยวหลังกำลังทดสอบ ความอดทนของตนเองอยู่ ผ่านไป 1 ชั่วโมงเต็มถึงจะได้ตอบ กลับมา ถ้าหากว่าในตอนแรกตัวเองทนไม่ไหวส่งข้อความที่ 2 ออกไปแล้วละก็ นั่นก็เท่ากับว่าการเจรจาในครั้งนี้ตนเองจะต้อง ตกอยู่ในฝ่ายที่เสียเปรียบแน่ แล้วสิ่งที่หล่อนคิดก็จะงดงามไป หมด

รับโทรศัพท์แล้ว ล้วนเทียนเฟิงก็พูดว่า “”อย่าพูดไร้สาระให้ มาก ได้ไม่ได้บอกมาประโยคเดียว

ทางด้าน โจวเสี่ยวหลังนั้นกลับคิดไม่ถึงว่า ด้วนเทียนเพิ่งจะ เก๋าเกมขนาดนี้ จึงตะลึงงันไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ เทียนเฟิง ข้อความนั้นของนายไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉันสามารถ รับปากได้ แต่ว่านั่นมันก็มีอะไรที่มากกว่านั้น นายก็รู้ดีว่าบาง เรื่องมันอยู่เหนือการควบคุม ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ได้ ฉันก็สามารถรับปากได้แค่นี้

ด้วนเทียนเฟิงกดวางสายโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทำมา ต่อรองราคาแบบลับๆ มองกว่ามาจากชนบทหลังเขาคงจะไม่รู้ เรื่องอะไรจริงๆ งั้นหรือ กูโดนไอ้แก่ด้วนยีโซวทรมานมาตั้งแต่ เด็ก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามก็จะมีการระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า ด้วนเทียนเฟิงไม่รู้หรอกว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ ตอนอยู่ที่ชนบท เขาแตกต่างกับของ บ้านตั้งเด็กเขาเคยมีความเดียงสาอย่างพวกเขา โลกของเขาแต่ความโหดร้าย เวลาทำเรื่องอะไรผิดแล้วแต่ ต่างก็ต้องชดใช้คืนด้วยราคาแพง อย่างนั้นโดนมีดทำ กับข้าวปาใส่ ไม่อย่างฝึกหมัดมวยกันตลอดช่วงบ่าย หยุด ไม่แผ่น เพื่อให้หมดทุบอย่างไม่หยุด ทุบจนกว่าไม้จะ หัก ถึงจะถือโทษความผิดสิ้นสุด

พอขึ้นได้ออกเดินทางมายังเมืองใหญ่ ได้พบแท้แล้ว โลกของเมืองใหญ่มันช่างโหดร้ายยิ่งกว่า ดังนั้นด้วนเทียนเฟิงค่อนข้างซาบซึ้งในตัวของด้วนยีโซวข้อมีเสียปะปนไป หากไม่ใช่อ้วนยีโซวทรมานตนเองเสียขนาดนั้น อาจเป็นคนภายนอกที่ทรมานแทน

ผ่านไป นาที โจวเสี่ยวหลงรอด้วนเทียนเฟิงหล่อนพูดขึ้นอย่างรวดเร็วโอเค เทียนเฟิง ไม่ต้องวางสายโทรศัพท์นะ ฉันรับปากนายได้ หรือไม่นั้น นายคนก็ตกเป็นโจรไปแล้ว…

แม้ว่าอยู่เหนือความคาดหมาย แต่ใจของด้วนเทียน เฟิงแอบถอนหายใจมาด้วยความสบายใจเฮือกหนึ่ง คราวนี้ก็พูดออกมา โดยไม่แสดงร่องรอย บาดแผลในปากว่า “ผมก็แค่ไม่อยากใช้ประโยชน์จากคนอื่น และยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่อยากถูกคนอื่นมาใช้ประโยชน์จากตัว

โจวเสี่ยวหลิงยิ้มแล้วพูดลามกออกมาว่า “ฮิ ฮิ ทนายบอกว่า ใช้ประโยชน์อะไรนะ นอกจากเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ ก็ยังไม่เห็นมี อย่างอื่นเลย นายไม่ได้อยากเอาฉันใช่ไหม เทียนเฟิง คิดให้ รอบคอบก่อนแล้วค่อยพูดออกมา โอกาสไม่มีได้บ่อยๆ อย่าทำ มันเสียไปล่ะ”

ผู้หญิงลามก บ้าตัณหาคนนี้ ด้านล่างนี้มันช่างคันจริงๆ หรือไง อาจจะใช่ อีกอย่างก็กำลังคิดที่จะควบคุมตัวเองมาโดยตลอด ผู้ หญิงคนนี้ช่างหัวแหลมมาก ในเมื่อหล่อนลามก และบ้าตัณหา ขนาดนั้น งั้นตัวเองก็จะลามกและบ้าตัณหาเป็นเพื่อนหล่อน ไม่ เช่นนั้นแล้วจะต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำทุกครั้งไป ด้วนเทียนเพิ่งใช้ น้ำเสียงอันชั่วร้ายพูดออกไปว่า “ผมบอกแล้วว่าผมชอบผู้ชาย แต่ว่าในความเป็นจริงผมก็ไม่ต่อต้านผู้หญิงนะ เพียงแต่ว่าผม ชอบการยิงใส่ปากของผู้หญิงมากกว่า และไม่ชอบการยิงใส่ข้าง ใน คุณต้องการไหม ได้ยินมาว่าสิ่งนี้มันบำรุงมากเลยนะ”

โจวเสี่ยวหลิงไม่มีคำพูดไปนานเลย เกือบจะรู้สึกขยะแขยงแล้ว

ด้านเทียนเฟิงในใจรู้สึกฟินนิดหน่อย จึงพูดต่อไปว่า “คำพูด น่าเกลียดๆ ผมได้พูดขึ้นมาก่อนแล้ว และจะไม่พูดซ้ำอีก คุณคิด จัดการมันเองก็แล้วกัน”

โจวเสี่ยวหลิงรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย จึงพูดออกมาว่า “เทียนเพิ่ง นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน ในเมื่อฉันรับปากนายแล้ว ไม่ว่า อย่างไรฉันก็จะต้องปกป้องนาย ฉันไม่ใช่คนที่ได้รับประโยชน์ แล้วถีบหัวส่งนะ และไม่ต้องจำเป็นต้องรับปาก ฉันเลือกแล้วก็ พร้อมที่จะจ่ายค่าตอบแทน นี่ถือว่าเป็นการบริการ ฉันเข้าใจ อิ่ม คำพูดไร้สาระพูดจบแล้ว นายอยู่ที่ไหน ฉันจะเอาเงินไปให้นาย หลังจากนั้นพวกเรามาคุยกันสักหน่อยว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ สอดคล้องกับเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อนี้

ด้านเทียนเฟิงมองไปมองมาไปรอบๆ แล้วบอกที่อยู่ที่ถูกต้อง หลังจากนั้นก็รีบวางสายโทรศัพท์ลง ก็ตามนี้ ด้านเทียนเพิ่งพบ โจวเสี่ยวหลิงข้างในร้านสะดวกซื้อ มีข้อความการสนทนาบทที่ 1 ได้รับเงิน 6000 หยวนแล้ว หลังจากนั้นก็รีบไปที่สถานีตำรวจ นําเงิน 6000 หยวนไปมอบ จัดการขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ช่วยอูเสียวป่าวออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ