ตอนที่ 9 : สัญญากับการผ่านด่านแรก
ตอนที่ 9 : สัญญากับการผ่านด่านแรก
ในเกมวันที่ 26 มีนาคม 2044 เวลา 23.23 น.
หลังจากการปรากฏตัวของเอลฟ์สาวนักธนู ซึ่งเธอได้อ้าง ว่าเธอรู้วิธีที่จะผ่านด่านแรก แต่เธอไม่ยอมบอกง่ายๆ
“ก่อนจะบอกว่าวิธีที่จะผ่านด่านนี้คืออะไร ฉันมีข้อแลก เปลี่ยน” เอลฟ์สาวเสนอ เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่ก็ไม่มีใคร อ่านใจเธอออกเลย ถ้าพีระคือการทำหน้านิ่งเพื่อไม่ให้อีก ฝ่ายอ่านการกระทำออก นักธนูสาวคนนี้ก็เป็นการทำหน้า ยิ้มตลอดเช่นกัน
“แล้วเธอต้องการอะไร ?” พีระถาม
“นั่นสิคะ ถ้าเป็นเงิน หรือไอเทมอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ พวกเราจะช่วยกันลงขันให้” เข็มเสริม
“อืม.
เงื่อนไขของฉันก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่… เข้าทีมด้วยคนสิ ขอ
สิ้นเสียงของหญิงสาวทุกคนต่างร้องออกมาเป็นเสียง เดียวกัน ใครจะไปคิดว่าคนๆนึงจะยอมเฉลยวิธีที่จะผ่าน ด่านแรกได้โดยเพียงแค่รับเขาคนนั้นเข้าทีม
“รับ ๆ สวยๆอย่างนี้แถมจะมาช่วยพวกเราอีก แม่พระมา โปรดชัดๆ”ตุลย์ตอบโพล่งทันทีโดยไม่ต้องคิดหรือปรึกษา ใครทีมที่ขาดสมาชิกอีกเพียงคนเดียวก็จะสามารถลงทะ เบียนเป็นกิลด์ได้ และอยู่ดีๆก็มีคนมาเสนอตัวว่าจะเป็นที่ สิบที่จะเข้าม มีหรือเขาจะไม่รับ
“เดี๋ยวสิตาบ้า ไม่ปรึกษาใครก่อนเลยหรือไง ไม่แน่หล่อน อาจจะมาหลอกพวกเราก็ได้นะ” ฟ้าแย้งทันที เธอยังไม่ไว้ ใจเอลฟ์สาวเท่าไหร่นัก กลับกันกับดุลย์ที่เชื่อสิ่งที่เธอพูด อย่างสนิทใจ
“ผมเห็นด้วยกับพี่ฟ้าครับ ยังไงระวังตัวไว้ก่อนก็ดีนะครับ เจมส์เสริม
“เอาไงดีครับคุณพีระ” มาร์คเดินมาข้างๆชายหนุ่มผู้อาวุโส เขาถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาให้ได้ยินเพียงแค่ สองคน
“รอดูท่าทีก่อน” พีระตอบ
“พวกเราจะเชื่อได้ไงอะ ว่าเธอจะไม่ได้มาหลอกพวกเรา เธอจะทำยังไงหรือมีอะไรมายืนยันให้พวกเราเชื่อเธอได้ ละ ?” ภพพูดแทนในสิ่งที่ทุกคนคิด ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ดัง นั้นแล้วสิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินใจที่ทำให้ทุกคนยอมรับเธอ เข้าทีมได้ก็มีแต่วิธีการของตัวเธอเองเท่านั้น
แต่โจทย์นี้ก็ไม่ได้ยากสำหรับเธอ เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วมุม ปากของเธอจึงขยับยิ้ม เธอเก็บธนูก่อนจะเรียกไอเทมใน กระเป๋าออกมาเป็นกระดาษแผ่นนึงพร้อมกับพู่กันเวทมนตร์ หนึ่งด้าม
“อะไรนะ ?” สนกระซิบถามแก๊งเพื่อนสนิททั้งสามของเขา
“น่าจะเป็นหนังสือสัญญานะ เหมือนฉันเคยเห็นในตลาด อยู่” วารีอธิบายในสิ่งที่เธอรู้
“เอ๋ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะ” ภพกล่าว
“นี่เป็นไอเทม หนังสือทำสัญญา เราสามารถทำสัญญาในเกมนี้เองได้ โดยเราสามารถสร้างเงื่อนไขเอง เมื่อเขียนข้อเสนอเสร็จให้คู่ทำสัญญานำมือมาทาบที่แผ่น กระดาษ เป็นการประทับตรายอมรับสัญญานี้ และเมื่อใคร ผิดสัญญาก็จะถูกลงโทษตามที่ลงไว้ในสัญญา” หญิงสาว อธิบาย ทำให้ทีม Devil Breaker ทั้งเก้าคนถึงบ้างอ้อว่า เอลฟ์สาวจะทำอะไรให้พวกเขาไว้ใจเธอ
“ถ้าสร้างเงื่อนไขที่ทำให้พวกเราเก้าคนพึงพอใจก เป็นการสร้างความไว้ใจระดับนึงสินะ” เจมส์วิเคราะห์พร้อม กับเอามือมาชันคางไปด้วย
“ก็น่าสนใจแฮะ เอาสิฉันในฐานะหัวหน้าทีมถ้าทุกคนเห็น ด้วยฉันจะเป็นคนเซ็นต์สัญญานั่นเอง” ตุลย์เสนอ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นสัญญานี้จะผ่านหรือไม่ก็ขึ้นกับสมาชิกอีกแปดคนที่ เหลือ
“เธอจะสร้างเงื่อนไขว่าอะไรละ ?” พีระถามหยั่งเชิง สีหน้าของชายหนุ่มยังคงความสุขุม ทำให้หลายๆคนไม่ กล้ามองหน้าเขาตรงๆ ยกเว้นเอลฟ์สาวคนนี้เธอจ้องเขาตา ไม่กระพริบ สีหน้าของเธอยังคงรอยยิ้มหวานๆไว้เช่นเคย
“เงื่อนไขในสัญญานี้ก็คือ ทีม Devil Breaker จะรับฉันเข้าเป็นสมาชิกทีมคนที่สิบแลกกับการที่ฉันจะยอมบอก เงื่อนในการผ่านภารกิจ “ไข่มุกสิบแปดจันทรา’ ด่านแรก เพราะฉันรู้ข้อมูลเพียงเท่านี้ หากฉันโกหกว่าฉันรู้ข้อมูลใน การผ่านด่านที่เหลือแต่ไม่ได้บอกหรือหากฉันคิดจะหลอก ลวงพวกนายแล้วชิ่งหนี ฉันจะรับโทษด้วยการลดค่าประสบ การณ์และเลเวลของฉันกลับกลายเป็นศูนย์ทันทีและเลเวล กับค่าประสบการณ์ของฉันจะไม่เพิ่มขึ้นได้เลยไม่ว่ากรณี ใดก็ตามเป็นเวลาหนึ่งปี แต่ถ้าทีม Devil Breaker ผิด สัญญาด้วยการไล่ฉันออกจากทีมหากฉันไม่ได้ผิดอะไรก็ ขอให้ทีม Devil Breaker ถูกยุบและจะต้องรับโทษแบบ เดียวกันกับฉัน”
เมื่อเอลฟ์สาวอ่านสัญญาเสร็จทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง ในความใจกล้าที่ตั้งสัญญาของเธอ ซึ่งจริงๆแล้วลงโทษ เพียงระงับการใช้ไอดีสัก สองสามวันก็เพียงพอแล้ว สําหรับพวกเขา แต่ถึงขั้นลบล้างทั้งค่าประสบการณ์และ เลเวลให้กลับไปเป็นศูนย์ใหม่ถือว่าเป็นเรื่องเกินคาดมาก สิ่งที่เธอทำทำให้สมาชิกทุกคนเริ่มไว้ใจเธอขึ้นมาระดับนึง
“ไง เงื่อนไขแค่นี้โอเคไหม ?” หญิงสาวถาม เธอเปรยตาม องนินจาหนุ่มที่ยังคงทำหน้าโปกเกอร์เฟสเช่นเคย
“เงียบทุกคนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา พวกเขาต่างมองหน้ากันและกันอยู่สักพัก ก่อนจะพยักหน้า พร้อมๆกัน
“ตกลง พวกฉันทำสัญญา” ตุลย์ตอบด้วยแววตาที่จริงจัง ซึ่งไม่ได้เห็นจากเขาบ่อยมากนัก เขาเดินมาข้างหน้าพร้อม ทำสัญญา หญิงสาวเลื่อนวงแหวนเวทย์รูปดาวห้าแฉก สีน้ำเงินไปยังหัวหน้าทีม
“ฉันแนะนำให้นายอ่านข้อความก่อนนะ เพราะนายนะชอบ ไม่อ่านรายละเอียดใช่ไหมละ” นานาหรี่ตามองหัวหน้าทีม Devil Breaker ด้วยสายตัวยั่วโมโห
“ระ….รู้แล้วน่า” ตุลย์ทำเสียงดุแก้เขิน สีหน้าของเขาดู จริงจังขึ้นมาทันทีเพื่ออ่านรายระเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ
“โอเค สัญญาตรงตามที่เธอพูดไว้ทุกประการ” ตุลย์พูด ทั้งสองวางฝ่ามือลงบนวงเวทย์ดาวห้าแฉก ปฏิกิริยาจาก การทำสัญญาทำให้วงเวทย์ส่องแสงจ้ามันค่อยๆเปลี่ยน ลายเส้นสีน้ำเงินกลายเป็นสีแดงอย่างช้าๆ
“เฮ้อ ในที่สุดก็ทำตัวจริงจังสักที” ฟ้ามองแผ่นหลังของ ตุลย์ พลางกล่าวลอยออกมาอย่างเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะให้ภพที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยิน
“หมายความว่าไงหรอครับพี่ฟ้า ?” ภพถามด้วยความ อยากรู้อยากเห็น
“อ้าว ! น้องภพ” ฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเล่าต่อ
“อืม…..ก็ปกติตุลย์นะเวลาเรียน ทำกิจกรรม หรือทำอะไร ก็ตาม ตานั่นจะทำด้วยความจริงจังตลอด จนกระทั่งเล่น เกมนี้นี่แหละที่ตานั่นไม่ยอมทำตัวจริงจังอะไรเลย คงเห็น ว่าเป็นเกมเลยไม่อยากใช้ความคิดมากละมั้ง….” เธอเล่าให้ ภพฟังในระหว่างที่มองตุลย์ทำสัญญาอยู่
“ผมเข้าใจพี่ตุลย์เขานะครับ เพราะบางทีคนเราก็อยาก หลีกเลี่ยงตัวตนของตัวเองในโลกความเป็นจริง และ เปลี่ยนนิสัยและตัวตนของตนเองในอีกโลกนึง ก็เหมือนกับ เกมออนไลน์ที่บางคนเป็นผู้ชายแต่หลอกเล่นเป็นผู้หญิงไร งี้แหละครับ ฮ่าๆๆๆๆ” ภพอธิบายให้เห็นภาพซึ่งหญิงสาวก็ พยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่น้องรหัสของเธอพูด
“นั่นสินะ จริงอย่างที่น้องภพพูด บางที…..เพราะแบกรับมากเกินไป เลยอยากทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองบ้าง” รองหัวหน้าทีมสาวตอบ
ไม่นานนักแสงสว่างจ้าก็ดับวูบลง เหลือเพียงวงแหวน เวทย์สีแดงที่ลอยอยู่ในอากาศ มันค่อยๆหดจนมีขนาดเล็ก และค่อยๆลอยมาประทับลงบนแผ่นสัญญา จากนั้นแผ่น สัญญาจึงแยกเป็นสองฉบับมันม้วนเป็นวงกลมและลอยไป หาตุลย์และหญิงสาว
“เท่านี้สัญญาก็เสร็จสิ้น เอาละต่อไปก็….” เธอเก็บสัญญา เข้าคลังไอเทมของตัวเอง ก่อนจะเลื่อนแถบข้อมูลตัวละคร ไม่นานนักก็มีข้อความขึ้นมาตรงหน้าดุลย์
นานา เลเวล 35 สายอาชีพผู้ใช้ธนู ส่งคำขอเข้าทีม
ตุลย์รับคำขอทันที เขาดูข้อมูลที่เธออนุญาตให้เปิดเผย แล้ว เขาตกใจมากเพราะเลเวลของเธอนั้นสูงกว่าสมาชิก ทุกคนในทีมของเขายกเว้นเขา ซึ่งในตอนนี้เลเวลเฉลี่ย ของเกม MUO นั้นอยู่ที่เลเวล 32 เท่านั้น นั่นหมายความว่า ทีมของเขาได้สมาชิกที่พึ่งพาได้มาอีกหนึ่งคน
“เอาล่ะ ยังไงก็ขอแนะนำตัวก่อนนะฉันชื่อ นานา สาย อาชีพผู้ใช้ธนู เอาจริงๆ ไม่ต้องบอกพวกนายก็คงเดาออก อยู่แล้วละมั้ง ส่วนเลเวล 35″ เอลฟ์สาวแนะนำตัวด้วยน้ำ เสียงที่สดใส เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรกอปรกับการทำสัญญา เงื่อนไขกล้าได้กล้าเสียของเธอ ทำให้ทุกคนลดอาวุธลง และเข้าไปทำความรู้จักเธอ
“เลเวล 35 เลยหรอ ถือว่าเป็นเลเวลที่สูงมากในตอนนี้เลย นะครับ” เจมส์กล่าวชื่นชม
“นี่ๆไปฟาร์มที่ไหนบ้างอ่ะคะ พาหนูไปฟาร์มบ้างสิ เข็ม อ้อนหญิงสาวที่พึ่งเข้าทีมมา เหมือนเรากับว่าสนิทกันมา นาน
“ผมชื่อสนนะครับ เดี๋ยวผมจะเป็นแนวหน้าปกป้องคุณเอง” สนเอ่ยเสียงหวาน พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
“แหมๆค่อยพูดทีละคนจะมาแบบนี้จะตอบไงละ เนี่ย~~~” นานาพูดเสียงหวานพร้อมกับยิ้มแย้มให้กับทุก คน
“แต่คราวนี้ตาเธอบอกวิถีผ่านด่านแรกแล้วละ หวังว่าจะ ไม่ลืมสัญญานะ” พีระพูด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาจ้องมองหญิงสาวอย่างเงียบๆ
“อ๊ะ ! จริงสิวิธีผ่านด่านแรกก็ง่ายๆเลยนะ ตะกี้พวกเธอ ผ่านอะไรมาที่เป็นสีทองๆบ้างล่ะ ?” เมื่อสิ้นคําใบ้หญิง สาว ทุกคนถึงกับเงียบสนิททุกคนต่างมองหน้ากันและกัน เหมือนสื่อเป็นนัยๆ อย่าบอกนะว่า…..
“ไอปลาทองจิ๋วนั่นอะนะ !!!” ทุกคนต่างส่งเสียงพร้อม เพรียง นานายิ้มตอบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ทุกคนก็ สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี
“ถะ….ถ้างั้นเราจะทําไงดีอะ ปลาทองหายไปไหนแล้วก็ ไม่รู้” เข็มพูดด้วยน้ำเสียงที่ลนลาน
“ขะ….ขอโทษค่า~~~~~~~ หนูไม่น่าไล่เจ้าปลาตัวนั้น ไปเลย วารีพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกจะน้องวารี” ฟ้าเอามือแตะบ่าหญิงสาว
ปลอบใจ
“เรามาช่วยกันคิดวิธีที่จะจับปลาตัวนั้นเถอะครับ ถึงจะรู้วิธี ผ่านด่านแต่ถ้าไม่ได้ปลาก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” เจมส์เสนอ
“เธอรู้วิธีที่จะจับปลาตัวนั้นสินะ” พีระหันไปหามหญิงสาว สมาชิกใหม่ของทีม Devil breaker ถ้าสิ่งที่เธอพูดว่าเธอ เคยผ่านด่านแรกมาแสดงว่าเธอก็ต้องรู้วิธีที่จะผ่านด่านได้
“ใช่ฉันรู้” หญิงสาวยิ้มตอบรับ ทำให้ทุกคนหันมาตั้งใจฟัง ในสิ่งที่เธอจะพูด
“ฟ้าใช่ไหม ?” นานาหันไปถามชื่อรองหัวหน้าทีม ซึ่งฟ้าก็ งงเล็กน้อย
“ฉะ….ฉันอะนะ” ฟ้าชี้ตัวเองเพื่อถามย้ำ เอลฟ์สาวพยัก หน้า ซึ่งฟ้าก็พยักหน้าตอบเช่นกัน
“สายอาชีพความตายของเธอแพ้อะไรเป็นพิเศษไหม ?”
“สายอาชีพของฉันหรอ ก็แพ้พวกสายอาชีพศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้องสนแล้วก็น้องวารีนี่แหละ…….ยะ….อย่าบอกนะ ว่า !!!” เมื่อตอบไปได้สักพัก ผู้ใช้ความตายคนสวยจึงเอะใจ ในสิ่งที่เอลฟ์สาวพูด
“ใช่แล้ว ปลาทองตัวนั้นเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นมันจะชอบมากๆเวลาเจอบริเวณที่มีความเข้มข้นของธาตุ ศักดิ์สิท เยอะ” นานาอธิบายไปพลางมองหน้าสนและวารี ไปด้วย ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจได้ทันทีว่าจะต้องทำอย่างไร
“หนูกับสนจะต้องสร้างพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหมคะ ?”
ว่า ตอบ
สมาชิกทีม Devil breaker ต่างยืนหลีกทางให้วารีและสน ยืนอยู่ในที่โล่ง ทั้งสองหลับตาพร้อมกับร่ายคาถา ออร่าสี ทองค่อยๆแผ่ออกมาจากทั้งสองคนสองประกายจ้าไปทั่ว ทั้งบริเวณ
“สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเลยนะคะเนี่ย” เข็มมองเพลิง พลางชื่นชมออกมา
“คิดว่าจะได้ผลไหม ?” ฟ้าหันไปถามนานาที่กำลังยืนมองอยู่
“ไม่รู้สิ มีสิ่งที่ฉันฟังนักออก…..” นานาเอ่ย ไม่นานนักออ ร่าสีทองก็หายไปจากวารีและสน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ทะ….ทำไมละ เราสองคนก็ทําตามที่คุณนานาบอกแล้ว น่า” สนถาม
“โทษที ฉันพึ่งนึกได้ว่าตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งก่อนน่ะ เขา ใช้คนที่มีธาตุศักดิ์สิทธิ์สามคนเลยนะสิ ฉันเลยไม่มั่นใจว่า แคเธอสองคนจะพอไหม” นานาอธิบายซึ่งทำให้ทุกคน ต้องถึงกับนั่งกร่อยทันที
“ทีมเราที่มีธาตุศักดิ์สิทธิ์แค่ 2 คนซะด้วยสิจะให้ไปหาใคร ที่ไหนมาเพิ่มอีกเล่า” ตุลย์เกาหัวสีหน้าของเขาพยายามนึก หาวิธี
“ชิ ! ยุ่งยากชะมัด สู้เอาเวลาไปฟาร์มเลเวลที่อื่นไม่ดีกว่า หรอ” มาร์คบ่น
“นั่นสิคะ หรือเราควรจะกลับดีละคะ” เข็มเสนอ
“เดี๋ยวนะครับ คุณนานานบอกว่าต้องใช้คนที่มีธาตุ ศักดิ์สิทธิ์อีกสักคนนึงใช่ไหมครับ” ในระหว่างที่ทุกคนเริ่ม ถอดใจ ภพได้ถามนานาซึ่งทำให้ทุกคนหันไปหาเขา
“น่าจะอย่างนั้นนะ” เอลฟ์สาวตอบ
“สนวารีเรามาลองกันอีกครั้งเถอะ อย่าลืมว่าตัวฉันเอง ก็มีธาตุศักดิ์สิทธิ์ด้วย” คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ทุกคน นึกออกถึงตอนที่ทำภารกิจตามหาลูกแมว ซึ่งทีม Devil Breaker มีสมาชิกที่มีธาตุศักดิ์สิทธ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เจ้าภพมีดาบธาตุศักดิ์สิทธิ์นี่น่า ลืมไปเลย” ตุลย์พูดขึ้นมา อย่างมีความหวัง
“จริงด้วย ไม่แน่รอบนี้อาจจะสำเร็จก็ได้” ฟ้าเสริม วารีและ สนพยักหน้าตอบภพอย่างพร้อมเพรียง คราวนี้ภพมายืน ร่วมวงด้วย
“จงออกมา ‘เอ็กซ์พีเรียนซอร์ด” เอกภพยื่นมืออออกไป ด้านข้างพร้อมกับร่ายสกิล ออร่าสีทองมารวมตัวกันบริเวณ ฝ่ามือของเขาก็จะบีบอัดเป็นรูปดาบเล่มยาวออก
“เบียน หรืออาจเป็นสกิลที่นายเคยบอกกัน ซึ่งเคย เห็นนะเนี่ย” สนชื่นชมอย่างตื่นตาตื่นใจ
“เทปะสะ ดาบเล่มนี้เคยปลิดชีพยอมแล้วนะเลย ฮ่าๆ ๆๆ” พอวดอย่างภาคภูมิใจ
“ท่าไรได้บ้างอะ บอลองถือหน่อย นอน
“จ่ายมาห้าพันโกลด์เดี๋ยวให้ลองใช้เลย ได้ทีเด็กหนุ่มผม หน้าม้าก็รีดไถเพื่อนรักของเขาทันที
“โถ่ ไอเพื่อนงก”
“เอ่อ….ฉันว่าอย่าพึ่งเล่นกันเลยนะ ตอนนี้พวกเราต้อง ตั้งใจกันร่ายพลังศักดิ์สิทธิ์นะ วารีขายคอนคิงสดเพื่อน สนิททั้งสองคนของเธอที่กำลังออกนอกล
“อ๊ะ !! โทษทีนะวารี มาฉันพร้อมจะมอบพร้อมกับยิ้ม กว้างให้กับเพื่อนสนิทผู้หญิงเพียงหนึ่งแคนาวของเขา ทำให้ วารีหลบหน้าไปนิดนึง
“ฉันก็พร้อมแล้วเหมือนกัน” สนตอบเพร้อมกับเรียกดาบ และโล่ของเขาออกมา
ทั้งสามคนเริ่มหลับตา ออร่าสีทองก็ค่อยๆมารวมตัวล้อม รอบทั้งสามคน แสงสีทองมีความเข้มข้นกว่าครั้งที่แล้ว ขึ้นมาในระดับนึง กระแสน้ำโดยรอบก็เริ่มสั่นอันเนื่องจาก อนุภาคศักดิ์สิทธิ์เริ่มๆเปล่งคลื่นพลังออกมา
“ดูนั่นสิครับ !!” เจมส์ชี้ไปยังแสงสีทองที่ว่ายอยู่ท่ามกลาง น้ำทะเลสีน้ำเงิน เจ้าปลาสีทองค่อยๆว่ายไปหาทั้งสามคน อย่างช้าๆ ออร่าสีทองค่อยๆจางลง นักบวชสาวลืมตาขึ้น ยิ้มให้กับเจ้าปลาอย่างอ่อนโยนเธอเอามือทั้งสองประสาน รองรับเจ้าปลาสีทองเอาไว้
“สำเร็จ !!” ตุลย์และมาร์คตะโกนเสียงดังพร้อมกัน
“เธอจะช่วยฉันหน่อยได้ไหมจ๊ะ ?” วารีถามปลาสีทองที่ กำลังว่าอยู่ในมือของนักบวชสาว มันว่ายไปมาเป็นการตอบ รับว่าตกลง
“แล้วเราต้องทำอย่างไรต่อครับคุณนานา” ภพหันไปถาม สมาชิกใหม่
“พาเจ้าปลาตัวนั้นไปยังแผ่นดิน และให้มันว่ายไปหา แผ่นหิน” เอลฟ์สาวอธิบายขั้นตอนต่อไป ทั้งสามคนจึง ค่อยๆเดินไปยังแผ่นหินสีดำาโดยมีวารีเป็นคนประคองปลา สีทองเอาไว้ เมื่อมาถึงหน้าแผ่นดิน วารีจึงยื่นมือทั้งสองที่ ประสานกันออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ช่วยทีนะเจ้าปลาน้อย” นักบวชสาวพูดเกลี้ยกล่อม ปลาสี ทองจึงว่ายออกจากอุ้งมือของหญิงสาวไปยังแผ่นหินสีดำ มันว่ายจมลงไปในแผ่นหินไม่นานนักแผ่นหินสีดำาก็เปลี่ยน เป็นสีขาว จากนั้นออร่าสีทองก็ค่อยๆรวมตัวกันเป็นประตู มิติอยู่ที่ด้านหลังแผ่นดิน
“นี่แหละผ่านด่านแรกแล้ว” นานากล่าว
“พวกเราไปกันเถอะครับ” ภพเสนอ จากนั้นสมาชิกทีมทั้ง สิบคนก็ค่อยๆเดินเข้าประตูมิติเพื่อไปสู่ด่านต่อไป
ขณะนี้สมาชิกทีม Devil Breaker ทั้งสิบคนได้ผ่านภารกิจ ชิงไข่มุกสิบแปดจันทราด่านแรกได้แล้ว ด่านสองจะมี เนื้อหาภารกิจอย่างไร พวกเขาจะสามารถฝ่าภารกิจไปได้ หรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไป…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ