Devil Breaker กิลด์แสบป่วนโลกอ

ตอนที่ 8 : ภาษาพิเศษ



ตอนที่ 8 : ภาษาพิเศษ

ตอนที่ 8 : ภาษาพิเศษ

ในเกมวันที่ 26 มีนาคม 2044 เวลา 22.56 น.

ขณะนี้สมาชิกทีม Devil Breaker ทั้งเก้าคนก็ได้นําน้ำลง มาประมาณสองกิโลเมตรแล้ว รอบด้านของพวกเขา แต่ สีนํ้าเงินจากท้องสมุทรไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ฝูง ปลา และประการังไปทั่วทุกตารางเมตร ซึ่งพวกเขายังไม่ พบวีแว่วของสถานที่ที่ทําภารกิจแม้แต่น้อย

“นๆ อีกไกลไหมอะตุลย์” ฟ้าถาม

“อืมดูจากแผนที่แล้วต้องลึกลงไปอีกอะ” หัวหน้าทีมจอม บื้อตอบระหว่างที่ดูแผนที่

“รายละเอียดที่พี่ตุลย์เล่าก็คือจะมีลักษณะเป็นปราสาท ใต้น้ำ มีศิลปะแบบกรีกโรมันสินะครับ แต่นี่ผมก็หันไปทาง ไหนก็ไม่เห็นเลยนะครับ เอกภพกล่าว สีหน้าของเขาเริ่มดู สุขมและใช้ความคิดมากขึ้น

“ไม่แน่อาจจะมีประตูลับต่างมิติไรก็ได้นะ ไม่แน่คนที่รับภารกิจมาอาจจะไม่ได้อ่านรายละเอียดของภารกิจให้ ครบถ้วนก็ได้ แบบตอนตามหาลูกแมวนั่นไง” มาร์คเอ่ยแซะ หัวหน้าทีมของเขาพร้อมกับส่งสายตากวนประสาท

“ฉันอ่านครบแล้วเฟ้ย !! ไม่เห็นจะบอกเลยว่าต้องผ่าน ประตูมิติอะไรทํานองนี้เลย

“ข้างใต้ทะเลเนียสวยมากๆเลยนะครับ เหมือนกับว่ามันมีชี วิตจริงๆเลย” เจมสมองปลาหลากสายพันธุ์ที่ว่ายผ่านพวก เขาทั้งเก้าคนไปมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ตาของเขาดูส่อง ประกายมาก

“นิสัยหมอนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ฮ่าๆๆๆ” สนแซวเพื่อนตัว เอง ในระหว่างนั้นเองวารีได้สะดุดตาไปยังปลาตัวเล็กๆตัว หนึ่ง ดวงตาของมันมีสีน้ำเงินลำตัวตั้งแต่หัวจรดหางมีสี ทองมันว่ายไปมาอยู่บริเวณใบหน้าเธออย่างฉวัดเฉวียน

“ทุกคนดู ล” วารีหยุดว่ายสมาชิกทีม Devil breaker จึง หยุดแล้วหันไปหาเธอ จากนั้นเธอจึงค่อยๆประสานมือทั้ง สองข้างมารองรับเจ้าปลาสีทองตัวเล็กๆ เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าปลาสีทองจึงค่อยๆสงบลงมันว่ายอยู่กับที่ในอุ้งมืออัน อบอุ่นของหญิงสาวนักบวช
“ว้าว น่ารักจังเลย” เข็มยื่นใบหน้าอันขาวเรียวไปใกล้ๆมือ ของวารีเพื่อมองเจ้าปลาตัวน้อย

“แปลกจังแฮะ ไม่เคยเห็นปลาตัวนี้มาก่อนแฮะ แถมทอง ไปทั้งตัวเลย” ภพมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เขาเอา นิ้วชี้ไปลบหัวมันซึ่งมันก็สะบัดหางของมันรัวๆด้วยความ ดีใจราวกับลูกหมา

“ถ้าเอาไปขายนี่น่าจะรวยเละ” ตุลย์พูดพร้อมกับมองปลา ตัวน้อยด้วยความเจ้าเล่ห์

“ไม่ได้ยะ !!” ฟ้าขัด

พีระมองปลาตัวนั้นอย่างเงียบๆ

“นี่ พวกนายจะอู้กันอีกนานไหมเนี่ย พวกเราจะไปทำ ภารกิจกันนะ” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เวลาอยู่กับ คนหมู่มากซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเท่าไหร่นัก

“นั่นสินะครับ ผมว่าพวกเราไปกันเถอะ เลเวลพวกเราจะ ได้ขึ้นเร็วๆ” ภพเสริม

เจ้าปลาน้อยไว้มาเล่นกันใหม่นะ” วารีพูดกับปลาสีทองด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เธอยิ้มให้กับปลาตัวนั้นพร้อม กับชูสองมือที่รองรับเจ้าปลาเอาไว้ให้สูงขึ้น ปลานําหน้า เศร้าเล็กน้อยก่อนจะยอมว่ายจากไปแต่โดยดี และทีม Devil Breaker ทั้งเก้าคนจึงได้นํา ต่อ

เมื่อทุกคนลงไปถึงระดับห้ากิโลเมตรก็พบว่าบริเวณดัง กล่าวเป็นก้นทะเลสาบ ทั้งห้าคนต่างเอาเท้าแตะลงพื้น พร้อมกับสังเกตบริเวณโดยรอบ และทุกคนก็พบว่าไม่มีฝูง ปลาว่ายผ่านหรือแม้แต่ปะการังอยู่แถวนี้เลย มีเพียงก้อน หินสีนําจํานวนมากปูบนพื้นไปทั่วทั้งบริเวณ

“ฉันว่าที่นี่มันแปลกๆนะ” สนกล่าวกับเพื่อนสนิททั้งสาม ของเขา

“นั่นสิ ตลอดทางที่พวกเราคําน้ำลงมา ฝูงปลาก็ว่ายไปมา อยู่ตลอดแต่แถวนี้เหมือนกับว่าพวกมันไม่อยากว่ายเข้ามา เลย” เจมส์เสริม

“ฉะ…ฉันว่าพวกเรากลับกันไหม แถวนี้บรรยากาศดูน่า กลัวยังไงก็ไม่รู้” วารีทำสีหน้าตื่นกลัว เธอเสนอด้วยน้ำ เสียงที่สั่นเทา มือทั้งสองข้างกำไม้เท้าของเธอแน่น

“ไม่เป็นไรหรอกนะวารี พวกเราจะปกป้องเธอเองเอกภพพูดปลอบใจนักบวชสาว มือของเขาวางลงบนบ่า ของเธอ หญิงสาวพยักหน้ายิ้มรับ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย มากขึ้น

“แหมๆๆๆ ภพ สนใจแต่วารีตลอดเลยน้า~~~~~~ แล้ว เค้าละไม่สนใจหรอ” เข็มตีหน้าเศร้าแซวเด็กหนุ่มด้วยน้ำ เสียงที่ทะเล้น

“จะบ้าหรอ ก็วารีดูกังวลนี่หน่าฉันก็ช่วยให้กำลังใจไง” เด็กหนุ่มผมสีดำหน้าม้าโต้

“หรอจ๊ะ เค้ากลัวจังเลย ภพปลอบเค้าบ้างสิ” หญิงสาว ผมสีเหลืองทองพูดพร้อมกับทำแววตาสีส้มคู่งามให้ส่อง ประกายออดอ้อนเด็กหนุ่ม

“ฉันว่าระดับเธอที่อัดหมาป่าทั้งตัวคงไม่ต้องกังวลอะไร ละมั้ง” ภพมองหญิงสาวตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลาง นึกถึงเหตุการณ์ที่พบเธอครั้งแรก

“โธ—–~~ พละก้อ~~~~~

“ทุกคนมาดูนี่สิ” พีระชายหนุ่มที่ดูอาวุโสสุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาได้สำรวจพบอะไรบ้างอย่าง แปดคนที่เหลือจึงมารวมตัวกันหน้าแผ่นหินแผ่นหนึ่งมีสีดำ มันถูก สลักด้วยมือเป็นข้อความที่อ่านไม่ออก

“มันคืออะไรหรอครับคุณพีระ ?” มาร์คถามเสียงสุภาพ

ฉันว่าน่าจะเป็นรายละเอียดภารกิจนี้นี่แหละ แต่ฉันอ่านไม่ออก” ชายหนุ่มผู้อาวุโสสุดเอามือรองคางใช้ ความคิดอยู่สักพักก่อนจะกล่าวตอบ

“แย่ละขึ้นเป็นแบบนี้พวกเราไปต่อไม่ได้แหงม คงต้อง กลับมือเปล่าหรอเนี่ย เสียเวลาเก็บเวลหมดเลย” ตุลย์กล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ดูเซ็งสุดๆ

“เดี๋ยวก่อนทุกคน ฉันว่าฉันอ่านออกนะ” ฟ้าตะโกนโพล่ง ขึ้นมาทำให้ทุกคนต้องหันไปหาเธออย่างพร้อมเพรียง

“หมายความว่ายังไงครับพี่ฟ้า ?” ภพถามพี่รหัสคนสวย ของเขา สีหน้าของเด็กหนุ่มดูงุนงงกับสิ่งที่เธอพูด

“มันเป็น “ภาษาแห่งความตาย” น่ะ ผู้มีสายอาชีพด้านมืด เท่านั้นอย่างฉันที่เป็นเนโครแมนเซอร์ที่จะอ่านออก ก็ เหมือนกับ ‘ภาษาแห่งสวรรค์ ที่มีเพียงสายอาชีพแห่งแสงเช่น วารีที่เป็นนักบวช และสนที่เป็นพาราดินไงจ๊ะ” ฟ้า อธิบายในเรื่องที่หลายๆคนนั้นยังไม่รู้

ในเกม MUO นั้นจะมีการเขียนด้วยลายลักษณ์อักษรที่ถูก ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ซึ่งจะถูกเรียกว่าเป็น ‘ภาษาพิเศษ ซึ่ง ทางผู้พัฒนาก็จะตั้งค่าให้อาชีพเงื่อนไขเท่านั้นที่จะอ่าน ออก

“จริงด้วยแฮะ เหมือนของฉันกับวารีจะเป็นภาษาที่เขียน ต่างออกไปจากข้อความบนแผ่นหินนี้นะ แต่ฉันสามารถ อ่านสกิลของวารีออก วารีก็อ่านสกิลของฉันออกเหมือน กัน” สนกล่าว ซึ่งวารีก็พยักหน้าช่วยเสริมข้อเท็จจริงนี้

“มิน่าละตอนที่ฉันรับภารกิจมา NPC ถึงพูดว่า มีหลายทีม ที่รับภารกิจนี้ไปแล้วก็กลับมายกเลิกภารกิจนี้ตั้งแต่ด่าน แรกเสียส่วนใหญ่” ตุลย์พูดพร้อมกับนึกคิดถึงเหตุการณ์ ก่อนหน้าที่เขาจะยังจุดนัดพบสมาชิกในทีมก่อนไปทํ ภารกิจ

“เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ยะ !!” ฟ้า ดึงหูหัวหน้าทีมตัวดี พลางตะโกนลั่นใส่หูเขาด้วยความ โมโหสุดๆ
“โอ้ยๆ ขอโทษๆๆ ก็ฉันคิดว่า NPC ขู่ไปอย่างงันนี้ หน่าาาาา” ตุลย์พูด มือของเขากุมหูที่ถูกฟ้าดึง สีหน้าของ เขาแสดงชัดเจนว่าเจ็บมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ในเกม ก็ตาม

“ซื่อบื้อชะมัด” มาร์คซ้ำเติมหัวหน้าทีมของเขา

“ว่าแต่มันอ่านว่าอะไรหรอคะ ?” เข็มถามฟ้าต่อจากที่เธอ เกริ่นค้างไว้

“อืมมมมมมมมมม มันบอกกว่า ‘ภารกิจไข่มุก 18 จันทรา ด่านแรก….สีทองที่เวียนว่ายในกระแสน้ำจะเป็นแสงแห่ง การล้างความตาย ณ ที่แห่งนี้เพื่อ เปิดสู่อาณาจักรมุกที่ล่ม สลาย ไปแล้วสิบแปดสหัสวรรษ ฟ้าอ่านข้อความอย่าง ชัดเจนทุกบรรทัดทุกตัวอักษรที่ถูกสลักบนแผ่นศิลา

“สิบแปดสหัสวรรษ ก็ประมาณ หนึ่งหมื่นแปดพันปี นาน ขนาดนั้นเชียว” เจมส์กล่าวลอยๆ

“เอาน่าเกมก็คือเกม อย่าไปคิดมากเลยน่าเพื่อนเอ๋ย” สน พูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายเขาฉีกยิ้ม พร้อมกับกอดคอ เพื่อนผู้ใส่แว่นหนาเตอะของเขา
“ว่าแต่เราจะเข้าไปยังไงล่ะคะ ?” คำถามของวารีทำให้ สมาชิกทุกคนต้องกลับมาช่วยการคิดอีกครั้งถึงวิธีที่จะต้อง ใช้ในการเข้าไปอาณาจักรมกที่ว่า

“นั่นสิ ฟังทียัยฟ้าพูดฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี” ตุลย์พูดพลางคิด ไปด้วย

“เอาไง กลับไหม ?” มาร์คถามสมาชิกทุกคนที่เหลือ

“จะบ้าหรอ พวกเราอุตส่าห์มาถึงนี่ทั้งที ฉันไม่ยอมกลับ มือเปล่าหรอก” หัวหน้าทีมจอมดื้อค้านหัวชนฝา

“แล้วแกคิดออกแล้วหรือไงละ ?” ผู้ใช้กระบองเริ่มขึ้น เสียงโค้กลับ

“ยังเฟียเดี๋ยวก็คิดออกเองแหละ !!” ตุลย์โต้ทันควัน

“เดี๋ยวก็คิดออก อีกนานเท่าไหร่ละ ? หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือตลอดไปละ ? คิดไรไม่ออกก็หยุดทำตัวงี่เง่าแล้วกลับ เถอะน่าา ” ผู้ใช้กระบองถามด้วยน้ำเสียงยียวนทำให้ตุลย์ เริ่มฉน

“แล้วแกคิดออกแล้วหรือไงละ ? ชอบพูดไรไม่เข้าหูอยู่อย ?” หัวหน้าทีมสวนกลับ

“ว่าไงนะ !! หน่อยยยยย จะเอาใช่มะ” มาร์คเรียกกระบอง คู่ใจออกมาตั้ง พร้อมรับ

“มาเด๊ะ พร้อมเสมอ !!” ไม่รอช้าเลย์ก็เรียกทวนออก มา สงครามย่อยระหว่างดุลย์และมาร์คกำลังจะเริ่มขึ้นทุก คนในทีมต่างต้องเข้ามาแยกสองคนออก ไม่งั้นเรื่องอาจจะ บานปลายมากกว่านี้

“เอ่อ ใจเย็นก่อนเถอะครับพี่ดุลย์ คุณมาร์ค พวกเรามา ช่วยกันคิดก่อนเถอะครับ ภพที่รั้งดุลย์เอาไว้พยายามพูด เกลี้ยกล่อมทั้งคู่

“แบบนี้เดี๋ยวจะเละเทะไปกันใหญ่แน่” เข็มเสริมขณะที่ เธอก็รั้งฝ่ายมาร์คเอาไว้

“ดึงสติกลับมาฮิยะตามื้อเอ๋ย” ฟ้าพูดกับดุลย์อย่าง หงุดหงิด เธอตั้งแขนของตุลย์ไว้ แต่แรงของคนที่กำลัง โมโหมั้นรั้งไว้ยากเหลือเกิน

“พอได้แล้ว !!” คำพูดของพีระ ชายผู้อาวุโสที่สุดในทีม ทำให้ทุกคนต่างเงียบกริบและหันไปฟังเขา ดุลย์และมาร์คที่จะเริ่มสงครามย่อยต้องหยุดชะงักกับนำเสียงที สุภาพและดูน่าเกรงขามของเขา

“พวกเรามาทําภารกิจกันไม่ใช่หรือไง ถึงจะเป็นแค่เกม หัวควบคุมอารมณ์ตัวเอง และมีวุฒิภาวะมากกว่านี้หน่อย คําติเดียนของพีระหาให้ตุลย์และมาร์คต่างจ๋อยสนิท

“ขอโทษครับคุณพีระ” มาร์คโค้งศีรษะและพูดด้วยน้ำ เสียงที่รู้สึกผิด

“ผมก็ขอโทษครับที่อารมณ์ร้อนไปหน่อย” ตุลย์ตอบพีระ อย่างสุภาพ

“ทีนี้มาช่วยกันคิดเถอะว่าจะทำยังไงให้ผ่านด่านแรก” พี ระกล่าว ทุกคนเริ่มตกในภวังค์ความคิดของตนเอง แต่คิด อย่างไรก็คิดไม่ออก

“เฮ้อ~~~~~~ คำใบ้แค่นี้ก็คิดไม่ออกจริงๆหรอ พวก นายนี่น่าผิดหวังชะมัด” เสียงๆหนึ่งได้ดังขึ้นท่ามกลาง ความเงียบกริบของทีม Devil Breaker ทั้งเก้าคน เป็น เสียงของผู้หญิงที่พูดด้วยน้ำเสียงสบายและร่าเริงเอา มากๆ
“ตรงนั้น !” พีระพูดพร้อมกับขว้างดาวกระจายไปยังเงาที ซ่อนอยู่แถวก้อนหินใหญ่ ห่างจากแผ่นศิลาไม่ไกลมากนัก

เคร้ง !!

ดาวกระจายถูกปัดออกด้วยมีดสั้นในมือของหญิงสาว ปริศนา เธอมีผมสีเหลืองทอง ดวงตาสีนําเงินเข้ม ใบหน้า ขาวเรียวยาว หูที่แหลมเป็นลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ใส่ชุดแขนสั้นสีเขียวพร้อมกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล มือซ้าย ถือธนูเล่มใหญ่สีน้ำตาลเข้ม เธอยิ้มอย่างเป็นมิตร ดวงตา สีนํ้าเงินเข้มจ้องทุกคนด้วยแววตาที่ผ่อนคลาย เธอค่อยๆ ก้าวออกมาจากก้อนหินก้อนยักษ์

“นะ…..น่ารัก….. สนชื่นชมหญิงสาวคนดังกล่าวด้วย ความประทับใจ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองหญิง สาวไม่กระพริบ

“เธอเองสินะ” พีระเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาตั้งท่า พร้อมรบ มือขวาจับดาบคาตานะที่ด้านหลังของเขา

“อะ….เอ๊ะ ! ศัตรูหรอครับ” มาร์คถามชายผู้อาวุโสด้วยน้ำ เสียงที่งุนงง
“แต่ถ้าเธอเป็นศัตรูจริงๆคงลอบโจมตีแบบไม่ต้องพูด อะไรก็ได้นิครับ” เจมส์พูดสิ่งที่เขาวิเคราะห์อย่างใจเย็น

“นั่นสิครับแถมประโยคที่เธอพูดเมื่อกี้ เหมือนอยากจะ ช่วยพวกเรามากกว่านะครับ จริงไหมครับคุณ ?” ภพเสริม พร้อมกับชักชวนให้อีกฝ่ายตอบสิ่งที่เขาคิดด้วย ซึ่งหญิง สาวก็ยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

“นะ….หนูว่าเราค่อยๆคุยกันดีกว่านะคะ” วารีพยายาม กล่อมอย่างสันติวิธี

“ตั้งแต่ก่อนจะดำน้ำลงมา เธอคือคนที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ เพื่อแอบดูพวกเราใช่ไหม ?” พีระพูดหลังจากฟังสมาชิกใน ทีมพยายามเกลี้ยกล่อมเขา

“เอ๊ะ !! ตอนที่คุณพีระโยนมีดเข้าพุ่มไม้น่ะหรอครับ” มาร์ค ถามด้วยความแปลกใจ

“ใช่แล้ว ฉันเองแหละ” เอล์ฟสาวตอบอย่างไม่สะทก สะท้าน เธอยังคงใจเย็นและยิ้มเช่นเดิม ทำให้ทุกคนเริ่ม ระวังตัวมากขึ้น

“แล้วเธอต้องการอะไร ?” ฟ้าถามสีหน้าของเธอบ่งบอกว่าไม่ไว้วางใจหญิงสาวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่าง มาก

“เอาน่าๆ ฉันก็แค่อยากตามมาด้วยไม่ได้คิดร้ายอะไร หรอกน่า ก็นะภารกิจนี้น่ะฉันเคยมาทำแล้วแต่ไม่สําเร็จ เห็นว่าภารกิจ ทีม Devil Breaker ที่เคลียร์ภารกิจตามหา ลูกแมวสุดหินลงมือทำเองก็เลยอยากมาแอบดูว่าพวกเธอ จะผ่านยังไง” หญิงสาวอธิบาย

“เอ๋ แล้วพี่สาวคนสวยผ่านไปถึงด่านไหนคะเนี่ย ?” เข็ม ถามด้วยความสงสัย

“ด่านสอง” หญิงสาวพูดพร้อมกับชูสองนิ้วขึ้นมา ทำให้ทุก คนประหลาดใจในสิ่งที่เธอพูด

“พูดตามตรงนะ แค่หน้าบอสที่เฝ้าไข่มุกฉันยังไม่เคยเห็น ด้วยซ้ำ ตั้งแต่ทำภารกิจมาปาร์ตี้ยี่สิบคนที่ฉันสังกัดอยู่ไม่ เคยทําภารกิจไหนพลาดมาก่อน จนกระทั่งภารกิจ ตามหา ลูกแมว’ พวกเราเริ่มสูญเสียความมั่นใจ จนกระทั่งได้รับ ภารกิจ ไข่มุกสิบแปดจันทรา นี่แหละ ทันทีที่พวกเราพ่าย ภารกิจนี้ทำให้บางคนถึงกับออกจากปาร์ตี้ บางคนถึงกับ เลิกเล่นไปเลยก็มี จนกระทั่งฉันได้ยินว่าพวกนายเป็นทีมที่ ผ่านภารกิจ ‘ตามหาลูกแมว’ สําเร็จทำให้ฉันสนใจพวกนาย นมายังไงละ สิ่งที่เอลฟ์สาวพูดทำให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลของเธอ ทั้งเก้าคน จึงค่อยๆลดอาวุธลง ดวงตาของเธอแอบเศร้าเล็กน้อยเมื่อ พูดถึงความหลังของเธอ

“การที่เธอผ่านไปด่านสอง ได้แสดงว่าเธอก็ต้องรู้วิธีผ่าน ด่านนี้ที่เป็นด่านแรกสินะ ?” พีระถามด้วยน้ำเสียงที่ราบ เรียบ สีหน้าของเขาดูนิ่งมากทําให้ใครต่างก็เดาทางเขาไม่ ถูก

“ใช่ ฉันรู้”

“งั้นพอจะบอกพวกเราได้ไหมคะ ? ถ้าให้หนูไปฆ่ามอนส เตอร์ที่ไหนหนูทำให้ได้ แต่ให้มานั่งคิดปริศนาพวกนี้หนูไม่ ชอบเลยค่า~~~~~” เข็มพยายามเกลี้ยกล่อม เพราะเธอก็ เริ่มยอมแพ้วิธีผ่านด่านแรกแล้ว

“ไม่อะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่งไม่สนใจกับสิ่งที่เข็ม ขอร้อง

“เอ๋ !!!!” ทีม Devil breaker ต่างส่งเสียงพร้อมกัน มีเพียง พีระที่ยังคงเงียบก่อนจะพูดสิ่งที่เป็นความคิดของเธอออก มา
“ต้องการอะไร แลกเปลี่ยนสินะ

“แหมๆ รู้ทันตลอดเลยนะจ๊ะ พ่อหนุ่มนินจา” นักธนูสาว แซวพีระอย่างอดไม่ได้ เพราะพีระเป็นคนที่อ่านความคิด เธอได้ตลอดตั้งแต่เริ่มบทสนทนามา

“ใช่แล้ว ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน” เธอพูดพร้อมกับกระพริบตา อย่างมีเลศนัย

เอลฟ์สาวคนนี้เป็นใคร และสิ่งที่เธอต้องการคืออะไรกัน แน่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามชมตอนต่อ ไป..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ