ตอนที่ 18 : ดวงตาสีทับทิมแห่งลางสังหรณ์
ตอนที่ 18 : ดวงตาสีทับทิมแห่งลางสังหรณ์
ในเกมวันที่ 27 มีนาคม 2044 เวลา 02.24 น.
(ราวห้านาทีก่อน)
“โดยปกติ NPC จะมีการเคลื่อนไหวแบบตายตัวและจะมี ข้อความที่คอยตอบกลับอัตโนมัติแบบเจ้าหญิงคนนั้น” พี ระอธิบาย เขาชี้ไปยังเจ้าหญิงคานาเลียที่กำลังภาวนาราย คาถาอยู่พร้อมกับอธิบายต่อ
“แต่หมอนทั้งลักษณะการพูดที่มีลูกเล่น บวกกับการ เคลื่อนไหวหลบการโจมตีของพวกเราได้อย่างว่องไวแบบ นี้ ก็มีเพียงตัวเลือกเดียวก็คือมีคนควบคุมอยู่ไงละ
แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือของคราเค่น
“แค่นี้ก็จับพิรุธผมได้ขนาดนี้ เก่งจริงๆเลยนะครับ แต่มัน จะไปมีประโยชน์อะไรหรอครับ ?” วินาทีนั้นการมองเห็นของภพก็เห็นสมาชิกทุกคนในทีมเป็นสีแดง และ ดวงตาขวาของเขาก็ได้รับข้อความเตือน
[ระวังการโจมตีจากใต้ดิน
“เอ๊ะ !?” เอกภพไม่เข้าใจกับข้อความที่ได้รับ แต่เขาก็ได้ รับคำตอบทันทีในวินาทีต่อมา คราเค่นเรียกแท่งน้ำแข็งเข้า โจมตีใส่สมาชิกทุกคนในทีม แม้แต่ตัวเขาเองก็ได้รับการ โจมตีกระเด็นไปเช่นกัน
“อิ๊ก !!”
“บ้าจริง ทำไมเราถึงรู้ล่วงหน้าได้ละว่าหมอนั่นจะโจมตี จากใต้ดิน และมันก็ดันเป็นจริงซะด้วย เอกภพไม่เข้าใจตัว เอง
“ฮีล !!” เสียงร่ายสกิลของวารีดึงเด็กหนุ่มออกมาจากห้วง ความคิด เขาเผลอหันไปมองเจ้าของเสียงทันใดนั้น เขาก็ เห็นวารีตัวสีแดง
[ระวังการโจมตีจากด้านหลัง
“หรือว่า !!” ภพรีบวิ่งไปหานักบวชสาวทันที
“ฉันไม่ยอมให้แกทำร้ายเพื่อนของฉันเด็ดขาด” ซึ่งวินาที นั้นทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“นักบวชนี่ดูท่าจะเป็นอุปสรรคกับผมนะครับ ถ้าต่อสู้กัน ระยะยาว คงต้องกำจัดคุณก่อนแล้ว” สิ้นประโยค บอสโจร สลัดก็หายตัวไปกับตาต่อหน้าสมาชิกแนวหน้าทุกคน
“วารีระวัง !! ” พีระตะโกนเดือนหญิงสาวนักบวชที่ยืนอยู่ หลังสุด แต่ก็สายไปเสียแล้วคราเด่นปรากฏตัวอยู่ด้านหลัง ของวารี มือขวาเอื้อมดาบสูงเตรียมจะฟันหญิงสาว
“เอ๊ะ !!” วารีหันหลัง สีหน้าของเธอดูตกใจมาก ดวงตา สีน้ำเงินได้แต่มองดาบที่กำลังเคลื่อนลงมาหาเธออย่าง ช้าๆ
เคร้ง !!
ภพสามารถรับการโจมตีของชายหนุ่มได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคราเค่นเองก็แปลกใจกับความไม่ปกตินี้
“โทษทีว่ะ ดูท่าจะไม่ใช่แบบที่แกหวังนักหรอกนะ” ภพ จ้องอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เนื่องจากความ แตกต่างของระดับอาวุธและสเตตัสทำให้เขาแทบจะต้าน ไม่อยู่แล้ว ซึ่งมาร์คและสนกระโดดเข้ามารับช่วงต่อจาก ภพต่อสู้กับคราเค่น
ในระหว่างการต่อสู้หลังจากที่พีระได้ฝากให้ ภพและ เจมส์คุ้มกันวารี เขาก็คอยมองสถานการณ์ภาพรวมการ ต่อสู้อีกครั้ง
“ผ้ากกกกกกกกกกกกกกกก !!” สนฟาดดาบไปยังคราเค่น ซึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มรูปงามสามารถรับการโจมตีนั้นได้ อย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นเขาจึงถีบตัวออกห่างจากพารา ดินหนุ่ม
แต่ทว่าภพได้เห็นเพื่อนของเขาถูกระบายเป็นสีแดง
(ยกโล่ป้องกันด้านซ้าย
“อะไรกันไอข้อความสีแดงพวกนี้” เป็นดังที่ข้อความสี แดงที่เอกภพได้รับ กระสุนน้ำพุ่งโจมตีใส่สนเข้าอย่างจัง จากทางด้านซ้าย
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก แรงปะทะดังกล่าวทำให้ สนกระเด็นม้วนตัวออกไป
“ตรงเผง” ภพอุทานในใจ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้ว่าสนจะเป็น เป้าที่ถูกโจมตี และถ้าจังหวะนั้นสนยกโล่ขึ้นมากัน ก็จะ ป้องกันตัวเองจากกระสุนน้ำดังกล่าวได้ แต่เพื่อความแน่ใจ เขาจึงมองการต่อสู้ดังกล่าวอีกครั้ง คราวนี้เป็นตัวเข็มที่ถูก ระบายสีแดงเอาไว้
[ป้องกันการโจมตีบริเวณท้อง
เข็มเข้าประทะการต่อสู้ด้วยหมัดอย่างรวดเร็ว ซึ่งคราเค่น สามารถโยกตัวหลบไปมา เมื่อสบโอกาสคราเค่นจึงหมุนตัว ไปยังด้านข้างของเข็มและยกขาเตะเข้าท้องของหญิงสาว อย่างจัง
[ป้องกันการถูกโจมตีที่หน้าอก
“อุ๊ก !” เข็มกระอักและเสียจังหวะจากแรงเตะของชาย หนุ่ม จากนั้นคราเค่นจึงกระโดนหมุนตัวเหวี่ยงลูกเตะเข้า หน้าอกของเข็มอีกครั้ง ทำให้ครั้งนี้เธอกระเด็นออกห่าง จากตัวบอสหนุ่ม และนอนฟุบอยู่บนพื้น
“ขะ เข็ม !!” ภพตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง
“ถึงจะรู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องทำร้ายผู้หญิง แต่ผมเองก็ได้ รับหน้าที่มา ไม่อ่อนข้อให้หรอกนะครับ” คราเคนกล่าว สีหน้าของเขาคงความสุขุมแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจัง
“บ้าจริง !!” ไม่นานนักภพก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
‘ปลดล็อค Event Skill-ดวงตาสีทับทิมแห่งลางสังหรณ์ แล้ว’
“ว่าแล้วเชียว ดวงตาแห่งลางสังหรณ์งั้นหรอ ? มิน่าละ ฉันถึงรับรู้ได้ถึงอันตรายของสมาชิกทุกคนในทีมสินะ” ภพ จึงเปิดแถบสกิลของตัวเอง และเปิดแถบ Event Skill ขึ้น มา
Event Skill – ดวงตาสีทับทิมแห่งลางสังหรณ์ (สกิล –
ติดตัว – ทํางานอัตโนมัติ)
ระดับ : ไม่มี LV :1/1
เงื่อนไข : Event Weapon ได้รับความเสียหายเป็นครั้งแรก
ใช้ดวงตาหนึ่งข้างของเจ้าของสกิลเป็นเงื่อนไขในการใช้ งาน ‘ดวงตาสีทับทิมแห่งลางสังหรณ์’ โดยเปลี่ยนสีดวง ตาให้เป็นสีแดง ตราบเท่าที่ดวงตานี้ยังทํางานจะมองเห็น พื้นที่ ที่จะเกิดอันตรายในเวลาอันใกล้เป็นสีแดง พร้อมทั้ง สกิลนี้จะให้คําแนะนําที่เหมาะสมสําหรับเจ้าของดวงตา หากเจ้าของสกิลต้องใช้คําแนะนำดังกล่าวในการบอก สมาชิกในทีมหรือคนอื่นๆ สกิลนี้จะหยุดทํางานทําให้เจ้า ของสกิลไม่สามารถมองเห็นพื้นที่สีแดงได้เป็นระยะเวลา 30 วินาที
“อย่างนี้นี่เอง สกิลนี้มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่หรอก แต่ว่า ถ้าบอกว่าใครกำลังเป็นอันตราย จะมองไม่เห็นพื้นที่สีแดง มิน่าละตะกี้ฉันไม่ได้ตะโกนบอกสนหรือเข็มว่าอันตรายเลย สามารถเห็นได้อย่างต่อเนื่องว่าใครจะถูกโจมตีแบบไหน แต่ถ้าตะโกนหรือเตือนแลกกับการมองไม่เห็นอันตรายครึ่ง นาทีเองงั้นหรอ ก็คุ้มค่าล่ะนะ
เอกภพยิ้มอย่างดีใจในที่สุดเขาก็ได้รับสกิลชดเชยในส่วน ของเอ็กซ์พีเรียนซอร์ดที่กำลังซ่อมแซมอยู่
“ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ชนะแน่ !!” ภพพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ
ในเกมวันที่ 27 มีนาคม 2044 เวลา 02.30 น.
(ปัจจุบัน)
ห้องโถงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำทะเลท่วมไปทั่วทั้งห้อง สมาชิกทีม Devil Breaker ทั้งสิบคนและเจ้าหญิงคานา เลียต่างยืนอยู่บนยอดเสาที่แตกหักตามผนังห้อง โดยมี เพียงคราเคนที่ยืนอยู่ด้านในของปราสาทนาอยู่คนเดียว ใน ตอนนี้สถานการณ์ดูเงียบงันมากเพราะทุกคนต่างมองไป ยังเอกภพที่ตอนนี้ดวงตาข้างขวาของเขามีสีแดงสดราวกับ
“ว่าไงละครับ ตอบผมมาได้รึยัง เพลย์เยอร์เอกภพ” ครา เค่นเอ่ยทําลายความเงียบ
“ฉันไม่จําเป็นต้องบอกอะไรนายนิ” ภพตอบหยั่งเชิงอีก
ฝ่าย
“ถ้าจะให้ผมเดา ดวงตานั้นจะสามารถบอกได้ว่าผมกำลัง เคลื่อนไหวอย่างไรใช่ไหมครับ
“ก็ประมาณนั้น” เอกภพทําหน้านิ่งตอบอีกฝ่ายไป ในตอน นี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มถูกประดับไปด้วยดวงตาคู่งามสองสี ทําให้เขาดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“ใช่ๆทำไมเพื่อนฉันต้องบอกแกด้วย และที่สำคัญอีกไม่ นานแกก็จะโดนพวกฉันจัดการแล้ว” เจมส์เสริม
“สถานการณ์แบบนี้ แค่พวกคุณจะมาให้ถึงตัวผมยัง นํามากเลยนะครับ โดยเฉพาะคุณนักอัญเชิญ นกของคุณ ยังบาดเจ็บต้องฟื้นตัวอยู่ หนูเทพของคุณก็ไม่ชอบน้ำซะ ด้วย ที่ผมพูดมาถูกต้องไหมครับ ?”
“หนอยแก !!” เจมสได้แต่กัดฟันกรอดที่อีกฝ่ายอ่านออก ทะลุหมดจด พูดอีกก็ถูกอีกหนูมุสิกะนั้นส่วนใหญ่จะเอา ไว้ช่วยสืบข่าว หรืออาจจะมีให้ช่วยทำภารกิจที่ต้องลอบ เข้าไปอย่างการช่วยเหลือเจ้าหญิงคานาเลียเท่านั้น ซึ่ง ไม่ใช่สายต่อสู้เลย ส่วนนกสดายุคือกำลังหลักของเจมส์ใน การต่อสู้
สำหรับนักอัญเชิญแล้ว ยิ่งสัตว์ที่ทำสัญญาด้วยน้อยก็จะยิ่งเสียเปรียบ เพราะแต่ชนิดจะใช้งานในสถานการณ์ที่ แตกต่างกัน และหากสัตว์อัญเชิญของเขาบาดเจ็บ ก็จะ ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร ดังนั้นสำหรับเจมส์แล้วนี่ คือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับนักอัญเชิญ
“ไม่เป็นไรหรอกเจมส์ พวกเราทุกคนจะชนะนายให้ดู” ภพ ตอบ ดวงตาสองสีของเข้าจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่หยี่ระ
“ผมจะคอยดูครับ” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ
“ทุกคนครับป้องกันอีกครั้งนึง !!” แต่ภพไม่ได้ตอบอะไร กลับไป เขารีบบอกคำเตือนที่เขาได้รับทันที ปราสาทน้ำยิง ปืนใหญ่น้ำใส่เสาที่มีทีม Devil breaker ยืนอยู่อีกครั้ง แต่ ทันทีที่น้ำปะทะเข้ากับบาเรียมันได้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ จำนวนมากบดบังทัศนวิสัยของ Devil Breaker ทุกคน
“นี่มัน !! ไอน้ำงั้นหรอ ?” สนเอ่ยลอยๆ เมื่อไอน้ำหายไป เบื้องหน้าของพวกเขาก็เหลือเพียงปราสาทน้ำที่ไม่มีใคร อยู่ด้านในแล้ว
“บ้าจริง ดวงตาของฉันกำลังติดคูลดาวน์ !!” ภพสบถที่รู้ตัว ช้าไปว่าโดนการโจมตีนั้นหลอกให้เขาใช้งานดวงตาไปเสียแล้ว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด” เสียงร้องของฟ้าทําให้ทุกคนรีบ หันไปมอง ฟ้ากำลังล่วงลงสู่ผืนน้ำจากการโจมตีของครา เค่น
“ฟ้า !! ไอบ้านี” เนื่องจากเสาของตุล และฟ้าอยู่ใกล้กัน มาก เขาจึงกระโดดข้ามไปเพื่อที่จะจัดการคราเคนให้จงได้
“ไม่ได้นะครับพี่ตุลย์ !!” อีกครั้งที่ภพต้องตะโกนเดือน
“ช้าไปครับ !!” คราเค่นยิงปืนใส่ตุลย์ที่อย่างอยู่กลาง อากาศไม่ยั้ง
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
“อ๊ากกกกกกกกกกก” แม้จะไม่ใช่การโจมตีที่ทําให้เลือด หมดหลอด แต่ก็รุนแรงพอที่จะทำให้หัวหน้าทีมล่วงลงสู่ ผิวนํ้าอีกคน
ฟ่าว ฟ่าว ฟ่าว
เสียงธนูลำแสงพุ่งแหวกอากาศใส่คราเค่น แต่เขาก็กาง ม่านน้าเพื่อป้องกันเอาไว้ได้
“บ้าจริง !!” นานาสบถ เธอยังคงยิงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ สามารถโล่ าของคราเค่นได้เลย
“ภพเอาไงดีละ ถ้าข้างล่างยังคงเป็นพื้นน้าแบบนี้ พวกเรา สู้ไม่ได้แน่ !!” วารีพูดเรียกสติเพื่อนของเขาอีกครั้ง
“บ้าจริง ถ้ามีใครจัดการกับน้ำได้ละก็…. เดี๋ยวนะ งั้น หรอ….. คุณคานาเลียครับ !!” ภพรีบหันไปหา NPC สาวที่ กำลังร่ายบัพให้กับทุกคนในทีมอยู่ เธอลืมตาขึ้นมาเพื่อรับ ฟังเด็กหนุ่ม
“ช่วยทําให้น้ำในห้องโถงหายไปได้ไหมครับ” หลังจาก ภพบอกความต้องการของเขา หญิงสาวก้าวเท้าอย่างช้าๆ มองพื้นนํ้าตรงหน้า
“ถ้าทำให้หายไปดิฉันคงทำไม่ได้ค่ะ” คานาเลียตอบ
“โธ่เอ้ย ถ้าทำให้น้ำมันลดไปได้ละก็ !!” ภพพยายามคิด กลยุทธ์เพื่อตอบโต้ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังรับมือธนูของ นานาอย่างสบายใจ
“เอ….. ถ้าลดระดับน้ำฉันทำได้ค่ะ” NPC สาวตอบท่าให้ เอกภพถึงบางอ้อ คําพูดที่แตกต่างกันเพียงนิดเดียวจะ ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่าคานาเลียนั้น สามารถเพิ่มหรือลดระดับน้ำลงได้ แต่เสกให้น้ำหายไปไม่ ได้
“อ่าครับ งั้นรบกวนด้วยนะครับ !!” ภพตอบโค้งตัวเล็กน้อย แทนการขอบคุณ คานาเลียยกท่อนแขนเรียว และขาวมา อยู่บริเวณหน้าอก เธอแบฝ่ามือไปยังผิวน้ำที่ท่วมอยู่เต็ม ห้องโถง
“น้ำเอ๋ย จงลดระดับลงจนเหลือแต่เพียงพื้นห้องซะ” เมื่อ หญิงสาวร่ายสกิลเสร็จ ระดับน้ำค่อยๆลดลงอย่างช้าๆ ทำ ให้ตุลย์และฟ้าที่กำลังลอยคอ ค่อยๆเอาเท้าแตะพื้นได้ใน ที่สุด มีเพียงน้ำขังเป็นแอ่งบางบริเวณเท่านั้น
ในระหว่างที่คราเคนกำลังป้องกันนั้นระเบิดควันก็ปกคลุม ตัวเขาอีกครั้งแต่คราวนี้เขากลับยกดาบตวัดลมไล่ควันให้ หายไปในพริบตา เขาเปรยตามองไปยังพื้นห้องโถงที่มี ความผิดปกติ ตอนนี้น้ำในห้องโถงได้ลดระดับหายไป ทีม Devil Breaker และเจ้าหญิงคานาเลียได้กลับมารวมตัวกัน อีกครั้ง
“แปลกใจนะครับเนี่ย ไม่คิดว่าคุณคานาเลียจะทำน้ำให้หายไปได้ ไม่ ควบคุมระดับน้ำใช่ไหมครับ ?” ชาย หนุ่มกล่าวลอยๆ พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย
“อย่าลืมสิคะ ดิฉันเป็นเจ้าหญิงของปราสาทสีมุกแห่งนี้ การควบคุมระดับน้ำนะเป็นเรื่องพื้นฐานของดิฉันอยู่แล้ว ค่ะ !!” NPC สาวตอบเสียงนิ่ง
“ครับๆเข้าใจแล้ว แต่ว่านะคุณเลิกเล่นละครเถอะผมเบื่อ แล้ว คุณคานาเลีย” คำพูดของคราเค่นทำให้ทุกคนทำ สีหน้าฉงน
“แกหมายความว่าไง” มาร์คถาม เขาและทุกคนเริ่มไม่ เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเสียแล้ว
“ขอสงบศึกสักครู่แล้วกันนะครับ พอดีผมเห็นแล้วรู้สึก หงุดหงิดน่ะ ผมจะบอกอะไรให้พวกคุณเป็นพิเศษนะครับ คุณคานาเลียที่พวกคุณปกป้องน่ะ เขาก็เป็น NPC ที่มีคน คุมแบบผมไงครับ” คราเด่นเฉลย ซึ่งทำให้สมาชิก Devil Breaker ถึงกับช็อคและหันไปมองเจ้าหญิงเป็นสายตา เดียวกัน
หญิงสาวผู้ถูกกล่าวหาไปแต่ยิ้มไม่แสดงความรู้สึกอย่าง อื่นออกมา
“ไม่ดีเลยนะคะ เล่นแฉคนอื่นแบบนํา คําพูดทหวานและ เรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันเช่นกัน
“เอ๋
โปรดติดตามชมตอนต่อ
ไป..
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ