ตอนที่ 13 : ด่านที่สาม
ตอนที่ 13 : ด่านที่สาม
ในเกมวันที่ 27 มีนาคม 2044 เวลา 00.41 น.
หลังจากที่สมาชิกทีม Devil Breaker ทั้งสิบคนปราบบอส เลเวียธานได้สําเร็จ ประตูของปราสาทสีมุกก็ได้เปิดออก พวกเขาจึงเดินเข้าไปข้างใน ข้างในสถาปัตยกรรมที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ด้านหลังลานทรายโล่งนั้นตกแต่งด้วยศิลปะ แบบกรีก-โรมัน หลังคาของมันถูกด้วยเสาค้ำแบบดอริ ก(1) ตามริมผนังของตัววิหาร แต่ด้านในมืดสนิทไร้ซึ่งมี เพียงแสงจากเชิงทียนที่ติดอยู่ที่ผนังทำหน้าที่เป็นผู้ส่อง นําทางให้พวกเขาเดินไปตามพรมแดงที่ถูกปูยาวไปจนถึง หน้าประตูบานหนึ่ง
“ประตูสู่ด่านสามสินะ” พีระกล่าวลอยๆ
“เอาละ ทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม ฉันจะเปิดประตู เข้าไปละนะ” ตุลย์ตะโกน สายตาของเขากวาดดูความ พร้อมของสมาชิกแต่ละคน สีหน้าทุกคนดูตื่นตัวเล็กน้อย
“ด่านสามแล้วสินะ” ภพหันไปพูดกับเพื่อนสนิททั้งสามคนของเขา ทั้งสามพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง สนกลืน น้ำลายลงคอ หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
ตุลย์ผลักประตูบานใหญ่เข้าไปข้างในของมันมืดสนิท มีทำให้ทุกคนมองไม่เห็นอะไรข้างใน ตุลย์ก้าวเท้าอย่าง ช้าๆทันทีที่เท้าของเขาเหยียบลงพื้นเขาก็เห็นแสงสะท้อน จากวัตถุพุ่งมายังตัวเข้า ทำให้เขาสามารถกระโดดออกมา จากประตูบานดังกล่าวทำให้หลบการโจมตีนั้นได้ แต่กระ กระโดดที่ผิดท่าทำให้เขาล้มกันคะอยู่ด้านนอกประตู
แรงปะทะระหว่างวัตถุสีเงินกับพื้นทำให้ควันฟุ้งมองไม่ เห็นศัตรูที่อยู่ตรงหน้า แต่โชคดีที่พวกเขาอยู่นอกเขตประตู จึงไม่ได้รับการโจมตีดังกล่าว กอปรกับม่านสีฟ้าอ่อนแสดง ให้ทุกคนเห็นว่าฝุ่นควันที่คละคลุ้งอยู่นั้นไม่สามารถลอด ผ่านม่านดังกล่าวออกไปได้
“ไม่เป็นไรใช่ไหมดุลย์ ?” ฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรๆ โทษทีนะประมาทไปหน่อย” ตุลย์ตอบเขายัน ตัวยืนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อควันที่บดบังทางเข้าจางหายไป ไฟสีน้ำเงินเข้มก็ผุดขึ้นตามเชิงเทียนนับสิบแท่งที่แขวน อยู่ตามผนังห้องส่องแสงไล่ความมืดในห้องให้หายไป ทำให้เห็นทุกสิ่งที่อยู่ด้านในห้อง สิ่งที่อยู่ด้านหน้าพวก เขาคือเต่ายักษ์ที่กำลังถือตรีศูลอยู่ ดวงตาของมันสีแดง ก่ำ ผิวหนังสีน้ำเงินเขียว กระดองสีน้ำตาลเข้มมีหนาม แหลมคม
เต่ายักษ์ส่งเสียงคำรามขู่กลุ่มนักผจญภัยที่อยู่ตรงหน้า มันก้าวเท้าออกมาจากจุดที่มันเคยยืนทำให้ภพเห็นสิ่งที่อยู่ ด้านหลังมัน
“ทุกคนดูนั่นสิครับ” ภพชี้ไปยังด้านหลัง สิ่งที่อยู่ด้านหลัง เต่ายักษ์คือกรงเหล็กสีทองขนาดใหญ่ ด้านในมีหญิงสาว ในชุดราตรีสีฟ้ากำลังนอนหลับใหลอยู่บนพื้นกรงมือข้อมือ ของเธอทั้งสองข้างถูกล่ามไว้ด้วยโซ่สีทอง
“ผู้หญิงนี่น่า !” สนกล่าว ทันใดนั้นหน้าจอของทุกคนก็ได้ รับข้อความสีฟ้าปรากฏขึ้นเหมือนกับตอนที่พวกเขาได้รับ ก่อนจะเริ่มด่านสอง
‘จงกำจัดเต่าทมิฬพันปี เพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงแห่ง ปราสาทสีมุก’
เต่าทมิฬพันปี LV 55 HP 300,000 / 300,000
เต่ายักษ์คำรามขมันเอาหอกสามง่ามยักษ์แทงเข้าไปยัง ศัตรูทั้งสิบคนที่อยู่ตรงหน้า
โชคยังดีที่สมาชิกทุกคนกระโดดหลบได้ทันอย่าง หวุดหวิด
“เปิดก่อนหรอ เอานี่ไปกิน” นานายิงลำแสงสีเขียวพุ่ง เข้าไปยังตัวของมัน แต่ทำดาเมจได้เพียงดอกละสามถึงสี่ ร้อยเท่านั้น
“เกราะหนาชะมัด” หญิงสาวบ่น พร้อมกับกระโดดขึ้นไป ยังเสาต้นที่ใกล้ที่สุด เธอกระโดดขึ้นไปถึงยอดเสาพร้อม กับก้มตัว เพื่อไม่ให้มันมองเห็น
“ฉันขึ้นที่สูงได้ละนะ ช่วยคิดวิธีจัดการ นะคุณนินจาเจ้า แผนการ สมาชิกใหม่ส่งข้อความกวนประสาทให้กับพระ เข้าวิ่งวนรอบบริเวณเท้ามันเพื่อให้มันสังเกตได้ยาก เขาปา มีดบินเข้าไปที่โคนขามันแต่ทําดาเมจเพียงหลักสิบเท่านั้น ไม่สามารถทําให้มันเจ็บได้ไปกว่านี้
“มาร์ค นายลองหาจังหวะใช้ท่าทำลายเกราะของนายที นะ” พีระสั่งการกับผู้ใช้กระบองคนสนิท
“ได้เลยครับ ยิ่งศัตรูผมเกราะแข็งเท่าไหร่ สายอาชีพ นักรบกระบองก็จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น” มาร์คตอบ พร้อมกับเลียริมฝีปากของตนเองอย่างหิวกระหายการต่อสู้ เขาวิ่งอ้อมไปด้านหลัง จากนั้นจึงกระโดดขึ้นยอดเสาที่ใกล้ ที่สุด ชายหนุ่มอารมณ์ร้อนเล็งหามุมและจังหวะที่เหมาะ ที่สุดเพื่อที่จะสร้างความเสียหายให้กระดอง
“เอาละนะ กระบองยักษ์ !!” มาร์คกระโดดลงจากยอดเสา กระบองคู่ใจของเขาขยายขนาดที่ใหญ่ขึ้น จากนั้นจึงฟาด เข้ากระดองมันสุดแรง
เต่ายักษ์คำรามด้วยความเจ็บปวด กระดองสีน้ำตาลแข็งมี รอยร้าวเล็กน้อย
“บ้าจริง ! กระดองของมันแข็งมาก” มาร์คบ่นในระหว่าง ที่เขากำลังลอยอยู่ในอากาศหลังจากใช้ท่ากระบองยักษ์ นั้น เท่ากับว่าเขาเป็นเป้านิ่งที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เต่ายักษ์ ฟาดตรีศูรเข้าไปยังผู้ใช้กระบองที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มัน เจ็บปวด ร่างของมาร์คปลิวตามแรงฟาดไปกระแทกเสาต้น ที่ใกล้ที่สุดทำให้เสาต้นนั้นถล่มลงมา
“คุณมาร์ค !!” ภพตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง เพราะ บริเวณที่มาร์คปลิวมานั้นคือบริเวณที่ภพยืนอยู่พอดี ร่าง ยักษ์ย่างเท้าไปยังเด็กหนุ่มอย่างช้าๆ แต่มันไม่ได้สนใจเขา เลยแม้แต่น้อย มันสนใจร่างที่อยู่ข้างใต้กองหินต่างหาก
“แย่แล้ว !! เพราะมาร์คเป็นคนเดียวที่เจาะเกราะของมันได้ มันเลยคิดจะกำจัดเขาก่อน ทุกคนรีบไปช่วยเร็วพีระสั่งการสมาชิกทุกคนด้วยความร้อนรน เพราะ สถานการณ์ในตอนนี้มาร์คคือคนเดียวที่ทําลายเกราะของ เต่ายักษ์พันปีได้ และการต่อสู้ ไม่มีวันจบง่ายๆแน่หากเขา โดนกําจัดก่อน
“ฉันไม่ให้แกทําอะไรคุณมาร์คหรอก” ภพยืนขวางสองมือ ของเขากมดาบเล่นสีเหลืองทองไว้แน่น ดวงตาสีแดง จ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยวมันแทงสามง่ามยักษ์เข้าไปยัง ภพ เด็กหนุ่มหลับตา เตรียมรับแรงกระแทก
“ภพ !!” ทุกคนต่างส่งเสียงพร้อมเพรียงกัน เต่ายักษ์แสยะ ยิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะคิดว่าแรงกระแทกขนาดนี้ พ น่าจะตายแน่นอน
ควันจากฝุ่นที่แตกกระจายจากพื้นหินปกคลุมบริเวณดัง กล่าวทำให้สมาชิกทุกคนไม่เห็นผลการปะทะที่อยู่ด้านใน แต่เมื่อควันจางลงสมาชิกทุกคนก็ค่อยๆยิ้มอย่างโล่งอก ส่วนเต่ายักษ์ทําหน้าเหยเกด้วยความตกใจ
ภพไม่รู้สึกว่าตัวเองปลิวตามแรงกระแทกหรือได้รับดา เมจใดๆ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก็พบว่า พาราดินหนุ่มเพื่อนสนิทของเขา ถือโล่ที่เปล่งแสงสีทองต่อต้าน สามง่ามยักษ์เอาไว้
“ฉันก็ไม่ยอมให้แกทำอะไรเพื่อนของฉันเหมือนกัน” สน เอ่ย ดวงตาของเขาจ้องมองศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยความ ดุดัน เต่ายักษ์ดึงหอกและแทงเขาไปยักตัว นอีกครั้งแต่ก็ ไม่สามารถทําดาเมจอะไรได้
“ภพรีบพาคุณมาร์คออกไปจากตรงนี้ ฉันต้านได้อีกไม่กี่วิ เท่านั้น สนหันไปสั่งการเพื่อนของเขา
“อั้ม” ภพตอบเขารีบวิ่งไปแบกมาร์คและวิ่งออกไปจาก บริเวณดังกล่าว เต่ายักษ์รัวหอกสามง่ามใส่สนด้วยความ โมโห แต่ก็ยังไม่เป็นผล
“โทษทีวะเพราะหลังจากนี้ฉันก็จะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว” สนยิ้ม ยั่วโมโห ร่างของเขาสลายกลายเป็นละอองสีทองสมาชิก ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเต่ายักษ์ก็เช่นกัน
“ไอสนนนนนนนนนนนน ภพตะโกนเรียกเพื่อนของเขา ในระหว่างที่วิ่งหนีกับมาร์คอยู่
“ไม่จริงน่า” วารึกล่าว เธอเสียกำลังใจเล็กน้อยที่เพื่อน มองเขาตาย เจมส์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยืนทําหน้าเศร้าไปด้วย แม้จะตายแค่ในเกมแต่การสูญเสียสมาชิกไปในระหว่าง การทำภารกิจนั้น ทำให้รูปแบบเสียกระบวน สมาชิกที่เหลือ สูญเสียกำลังใจ และขาดกำลังที่จะช่วยเคลียร์ภารกิจไป หนึ่งคน ซึ่งมีผลกับรูปเกมมาก
เผ่าพันปีมองละอองสีทองที่ลอยขึ้นไปในอากาศด้วย ความแปลกใจ ในจังหวะนั้นเองคลื่นอากาศสีทองก็ถูกฟาด เข้ากลางลำตัวของมันสามครั้งทำให้มันเซเสียหลักไปนิด นึง มันหันไปมองที่มาของคลื่นอากาศอยู่ยอดเสาต้นนึงใน บริเวณใกล้ๆก็พบว่าพาราดินหนุ่มยืนสง่าอยู่บนนั้น เขาพาด ดาบเล่มยาวเอาไว้ตรงบ่าพร้อมกับส่งรอยยิ้มยียวนใส่นอน สเตอร์มอส
ไงละเจ้าเต่าเจอ ‘ร่างศิลาทองคํา’ เข้าไปงงเด้ งงเด้
“สน !! แกยังไม่ตายหรอวะเนี่ย” ภพฉีกยิ้มด้วยความรู้สึก โล่งอก
“แหงอะคิ ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกเฟ้ย” สนตอบเข้ากระโดด ลงจากยอดเสาเพื่อเตรียมกลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
สน LV 33 อาชีพ พาราดิน HP 11,250/ 22,500
skill data : ร่างศิลาทองคํ
ระดับ : 3 ดาว LV : 5/5
เงื่อนไข : เปลี่ยน HP ปัจจุบันให้กลายเป็น 50 % ของ HP สูงสุด
เป็นท่าไม้ตายประเภอป้องกันระดับ 3 ดาวของสายอาชีพ พาราดิน สร้างร่างแยกออกมาในบริเวณใดก็ได้ไม่เกิน 100 เมตร(+ 20 เมตร/ LV Skill ) จากจุดที่เรายืนร่ายสกิล เมื่อ ร่างแยกออกมาจะมีความสามารถ และสเตตัสเหมือนตัวผู้ ใช้ทุกประการ แต่ในระหว่างนี้เราจะได้รับสถานะ ‘พรางตัว และไม่สามารถใช้สกิลหรือทำการโจมตีได้ ร่างแยกศิลา ทองจะอยู่ได้นานเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล
Cool down skill : 200 นาที ( – 20 นาที / LV Skill)
เต่ายักษ์คำรามด้วยความโมโหมันแทงหอกสามง่ามใส่สนอีกครั้ง แต่เขาก็สามารถกระโดดหลบออกมาได้ อย่างสบาย
“หัวร้อนง่ายแบบนี้โคตรชอบเลย ฮ่าๆๆๆ” สนพูดอย่าง สะใจ ในตอนนี้สายตาของมองจับจ้องแต่เพียงพาราดิน หนุ่มเท่านั้น โดยที่ไม่สนใจคนอื่นเลย
“ทุกคนฉันล่อให้ขนาดนี้แล้ว รีบจัดการมันทีนะ” สนส่ง ข้อความให้กับสมาชิกทุกคน ในระหว่างที่กำลังวิ่งหนี
“ได้เลย” นานาตอบ เธอยิ่งศรลำแสงใส่เต่ายักษ์ให้เร็ว ที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากดาเมจไม่กี่ร้อยในตอนแรกตอนนี้ เธอยิงได้หกถึงเจ็ดร้อยเนื่องจากมาร์คที่ทำลายเกราะมัน ไปส่วนหนึ่ง ส่งผลให้เพื่อนๆทุกคนทำดาเมจได้แรงขึ้น
“มานี่เลยทั้งสองคนเดี๋ยวฉันช่วยฮีลให้” ภพและมาร์ควิ่ง มาสมทบวารีเพื่อให้เธอฮีลให้
“โทษทีนะฉันประมาทไปหน่อย” มาร์คกล่าว สีหน้าของ เขาดูเจ็บใจที่ตัวเองพลาดท่าแบบไม่น่าให้อภัย
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณมาร์ค พวกเราก็พึ่งเจอมันครั้งแรกยังไม่รู้รูปแบบการโจมตีของมันเลยครับ พลาดนิด พลาดหน่อยเรื่องปกติ” ภพปลอบ
“นั่นสินะ ขอบใจมาก” มาร์คตอบและยิ้มให้
“หนูฮีลให้เสร็จแล้วนะคะ เท่าที่หนูสังเกตมันจะหันเป้า หมายใส่ศัตรูที่ใกล้มันที่สุด และต้องเป็นคนที่ยัดสถานะ ใส่คนล่าสุดหรือไม่ก็เป็นคนที่ทำดาเมจใส่มันแรงที่สุดค่ะ วารีกล่าว
“หมายความว่ายังไงหรอวารี ?” ภพหันไปถามนักบวชสาว เพื่อนสนิทของเขา
“เท่าที่สังเกต ตอนแรกมันเล็งแต่คุณตุลย์เพราะเขาอยู่ ใกล้มันที่สุด พอคุณมาร์คทำดาเมจและยึดสถานะลดเกราะ มันก็หันมาจัดการคุณมาร์คแทน แต่คุณนานากับคุณพีระ กลับไม่โดนไล่ล่านั้น ก็เพราะคุณนานาอยู่ในระยะที่ไกล ออกไป มอนสเตอร์บอสที่เคลื่อนที่ช้าเลยไม่ได้สนใจคุณ นานา ส่วนคุณพีระทำดาเมจได้น้อยกว่าคุณมาร์คมันจึงไม่ สนใจค่ะ” วารีอธิบาย
“จริงหรอเนี่ย วิเคราะห์ได้เฉียบมากวารี” ภพกล่าวชื่นชม เพื่อนของเขา
“คือฉันก็แค่สังเกตจากวงนอกน่ะแล้วตั้งสมมติฐานเอา นักบวชสาวตอบ เธอยิ้มอย่างเขินๆให้กับชายหนุ่มที่มีผม หน้าม้าสีดำเที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
สองคนนี้เซนส์ในการวิเคราะห์สูงมาก ตั้งแต่เจ้าเลเวียธา นที่สร้างทรายดูดเจ้าภพก็วิเคราะห์ด้วยการสังเกตเพียงแป ปเดียว พอคราวนี้ยัยนักบวช ก็สามารถวิเคราะห์เจ้าเต่าได้ ด้วยการสังเกตจากวงนอก ไหนจะเพื่อนของเจ้าภพอีกสอง คนที่สามารถเล่นได้เข้าขากันได้เป็นอย่างดี ดูท่าเจ้าสี่คน นี้จะไม่ธรรมดาซะละ มาร์คมองเด็กทั้งสองคน ในใจแอบ ชื่นชมแก๊งสี่สหายก่อนจะดึงความคิดเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
“เข้าใจละ ขอบใจมากนะ…..วารี ฉันว่าฉันคิดอะไรดีๆไ ละ ดวงตาสีส้มหันไปมองมอนสเตอร์บอสอีกครั้งอย่างมี เลศนัย มือขวาควงกระบองให้อยู่ในท่าพร้อมรบอีกครั้ง ไม่ นานนักพีระก็ส่งข้อความมาหามาร์ค
“มาร์คนายสามารถสร้างสถานะลดเกราะทับซ้อนกันได้ สูงสุดเท่าไหร่ ?”
“กระบองยักษ์ทําได้สูงสุด 5 ครั้งครับ แต่ยังมีท่าอื่นที่ลด เกราะเฉพาะได้อีกครับ” มาร์คตอบ ใบหน้าของเขาประดับ รอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เมื่อเห็นดังนั้นพีระก็เข้าใจสิ่งที่มาร์คคิดจะทำได้ทันที
“งั้นหรอ ? ฝากด้วยนะ” ชายหนุ่มผู้อาวุโสตัดบทสนทนา มาร์คเลื่อนหน้าจอเพื่อจะส่งข้อความไปหานักอัญเชิญ ประจําทีม
“เจมส่นายเรียกนกได้รึยัง ?”
“คุณมาร์คหรอครับ สดายุพร้อมแล้วครับแต่ว่าพื้นที่การ ต่อสู้มันแคบไปเจ้านั่นอาจจะไม่ถนัดอะครับ” เจมส์กล่าว
“พอจะมีสกิลพวกลดขนาดสัตว์อัญเชิญไรไหม ?” มาร์ค ถามคำถามที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ถามเผื่อเอาไว้
“เอ่อ……ไม่มีอะครับ แต่ผมว่าลองดูก็ได้นะครับไม่เสีย หาย” เจมส์ตอบก่อนจะตัดบทสนทนา เขาปีนขึ้นยอดเสาที่ อยู่นอกวงการต่อสู้เพื่อที่จะอัญเชิญนกยักษ์ของเขา
“จงออกมาสดายุ !!” เจมส์โยนการ์ดไปด้านหน้า ออร่าสี ส้มรวมพลังไปที่การ์ดของเขาก่อนจะระเบิดออกมาเป็นนก ยักษ์แห่งหิมพานต์อีกครั้ง
“ฝากด้วยนะสดายุ” เจมส์กล่าวกับสัตว์อัญเชิญของเขา อย่างสุภาพ เขากระโดดขึ้นหลังของนกยักษ์ มันส่งเสียง คํารามตอบรับเจ้านายของตนและบินไปหามาร์คตามจุดที่ เขาส่งไปให้
“ช้าจัง” มาร์คพูดแซวก่อนปืนขึ้นหลังนกยักษ์
“ก็ผมต้องหาบริเวณที่ปลอดภัยเพื่ออัญเชิญนี่น่า อย่า ใจร้อนสิครับ” เจมส์อธิบาย เขาออกคำสั่งให้สัตว์อัญเชิญ บินขึ้นเพื่อหาทำเลที่จะปล่อยมาร์คลงไป
“อ่านข้อความที่ฉันส่งไปให้แล้วใช่ไหม ?”
“ครับ ทราบแล้วครับ
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ” พูดจบมาร์คก็ประโดดลงจากนกสดา ยุ กระบองในมือขวาค่อยๆขยายขนาดอีกครั้ง
“เอาล่ะนะ กระบองยักษ์ !!” มาร์คฟาดกระบองเข้าจุดเดิม อีกครั้ง ทำให้รอยร้าวขยายใหญ่ขึ้น มอนสเตอร์บอสส่ง เสียงคำราม มันเตรียมที่จะหันตรีศูรไปฟาดมาร์คแต่ทว่าลูกไฟ ลูกก็ยิงเข้าที่ใบหน้าของมัน ทำให้เต่า ยักษ์หลับตาเพื่อป้องกันลูกไฟ ส่งผลให้มันเสียการมอง เห็นไปครู่หนึ่ง เจมส่ฉวยโอกาสนี้ควบนกยักษ์ให้บินเข้าไป รับมาร์คที่ลอยอยู่ในอากาศได้ตรงตามแผนการพอดี
“เฮ้ย ! เจ๋งนี่หว่าไม่เสียแรงที่ฉันเป็นตัวล่อให้” สนกล่าว ชื่นชม เขาหยุดวิ่งหนีเพื่อไม่ให้พ้นเขตการต่อสู้เพื่อให้มัน ไม่สนใจสมาชิกคนอื่นที่อยู่นอกวงการโจมตี
“แน่นอนเฟีย สดายของฉันน่ะโหดนะเว้ย” เจมส์ตอบ อย่างมั่นใจ เขาสั่งให้นกยักษ์บินออกนอกวงโจมตีทำให้ เต่ายักษ์ไม่ได้สนใจมาร์คแต่หันกลับไปสนใจพาราดินหนุ่ม อีกครั้ง
“ฉันขอแบบนี้อีกครั้งไหวไหม ?” มาร์คถามนักอัญเชิญ หนุ่มที่กำลังบังคับนกสดายุอยู่
“ถ้าเจ้าเต่ามันเป็นแบบนี้ทุกรอบก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะมีลูกเล่นอะไรอีก เหมือนไองยักษ์ตัวนั้น อะครับ” เจมส์ตอบ เมื่อนึกถึงตอนที่สู้กับบอสเลเวียธานทำ ให้เขาเข็ดและดูระวังกับการต่อสู้ตรงหน้าสุดๆ
“อ่า เข้าใจละ
“แต่เอาเป็นว่าผมจะลองเสี่ยงอีกรอบก่อนละกันครับ เจมส์ตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ ในระหว่างที่สนกำลังวิ่งไล่จับ กับเต่ายักษ์อยู่นั้น เจมส์ก็บังคับนกสดายุให้เข้าสู่พื้นที่การ ต่อสู้อีกครั้ง เขาบังคับให้นกอยู่ในบริเวณที่สูงเหนือศีรษะ ของมัน เมื่อได้จังหวะมาร์คก็กระโดดลงจากหลังนกเช่น เดิม เมื่ออยู่บริเวณที่กระดองร้าวแล้วเขาก็ร่ายสกิลอีกครั้ง
“กระบองยักษ์ !!
เต่ายักษ์คำรามอีกครั้ง รอยร้าวได้เริ่มขยายเป็นวงกว้าง มากขึ้น
“ไงละ ครั้งที่สามแล้วเฟ้ย !!” มาร์คตะโกน พร้อมกับแสยะ ยิ้มด้วยความสะใจ ในขณะที่กำลังลอยลงมา นกสดายุยิง ลูกบอลไฟเข้าไปยังบริเวณหน้าของมันและเตรียมบินไปรับ มาร์คอีกครั้ง แต่ทว่ามันกลับแทงตรีศู
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ