บทที่ 2 ใบหน้าของชายคนนี้ช่างน่าเสียดายนัก
เย่หลิงกะพริบตาไปมา และในสุดท้ายก็สามารถปรับสายตา เห็นภาพภายในห้องได้ พลางมองเห็นหน้าตาของชายคนนั้น
ดูจากสายตาแล้วเขาน่าจะสูงเกือบร้อยเก้าสิบ เรือนร่างกาย เย่หลิงเหมือนรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ เสื้อตัวบาง ต้องเป็นคนที่ฝึกร่างกายอยู่บ่อยๆ แน่นอน! ช่าง ทำให้คนน้ำลายไหลได้เลยจริงๆ ……….. เป็นเรือนร่างที่น่า อิจฉามาก
พอขยับสายตามองขึ้นไปข้างบนก็เห็นใบหน้าที่เซ็กซี่ของ ผู้ชาย เป็นใบหน้าที่มีเสน่ห์มาก แต่มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นที่น่า ติติงก็คือตั้งแต่ตาขวาจนถึงคางด้านซ้าย มีรอยแผลเป็นน่ากลัวที่ เหมือนจะถูกแทงเป็นรอยผ่าหน้า
จนทำให้คนที่เห็นเขาเพียงแวบแรกก็จะถูกรอยแผลเป็น ดึงดูดทันที และไม่ได้สนใจใบหน้าเดิมของเขาเลย
แต่สำหรับเย่ฝูหลิงที่เป็นคนอ่านผู้ชายหน้าตาที่หลากหลาย ประเภทมาจนหมดแล้ว พอมองเพียงพริบตาเดียวก็มองออกถึง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทันที แต่น่าเสียดายที่มีรอยแผลเป็น
หลังจากที่มองสำรวจเขาจนเสร็จ เย่หลิงถึงรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ เขาเหมือนจะเรียกตัวเองว่าอะไร……..น้องหญิง!?
จากนั้นเธอค่อยๆ อ้าปากกว้างขึ้น แล้วยกมือขึ้นมาที่ตัวเองพลางถามขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “น้องหญิง? ”
ฉินสือจึงขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเย่หลิงที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะ อึ้งทิ้งไปแล้วหรือเปล่า จึงใช้มือข้างหนึ่งกดนางลงไปบนเตียง จากนั้นก็ยื่นน้ำในมือให้นาง พลางสื่อให้นางดื่มน้ำ
พอเย่หลิงเห็นน้ำตรงหน้า คอที่เหมือนมีความรู้สึกแห้งผาด ผุดขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงรับน้ำไว้ทันที แล้วดื่มไปไม่กี่อีกก็ดื่มหมด แล้ว ความเย็นของน้ำไหลผ่านลำคอ แล้วเข้าไปในกระเพาะที่ โล่งโจ้ง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ฉินสือจึงจับแขนของเย่หลิงไว้ แล้วพลันขมวดคิ้ว นางผอม เกินไปแล้ว อีกอย่าง…….เขามองเหลิงไปสักพัก ก็รู้สึกว่าตัว เล็กเกินไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองใช้มือแค่ข้างเดียวก็สามารถหิ้ว นางขึ้นมาได้แล้ว
“ไหนๆ ก็กลายเป็นเมียของข้าแล้ว ก็อย่าคิดมากเลย” ฉุนสื่อ จิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ หญิงสาวที่จู่ๆ ที่ถูกพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยง ยัดเยียดให้เขาแต่งงานด้วย เขาพูดออกมาไม่ได้ว่าชอบ และก็ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเหมือนกัน
เหตุผลหลักที่เขาไม่ปฏิเสธคือ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเป็น
พอนึกถึงตอนที่เขากลับบ้านแล้วเห็นปฏิกิริยาของญาติ นัยน์ตาของเขาอดเศร้าลงไม่ได้
เหมือนกับว่านางจะรับรู้ถึงความรู้สึกไม่ดี นางจึงรีบนั่งลง อย่างเกรงๆ แล้วขยับเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นก็ดึงมือเขา เพื่อ บอกให้เขานั่งลง
“ขอโทษด้วยนะ ขาลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปแล้ว และจำได้แค่ ว่าตัวเองนั้นเวียนศีรษะแล้วล้มไป หลังจากนั้นก็ถูกลากเข้ามาใน พิธีแต่งงานแล้ว”
เย่ฝูหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “ระหว่างพวกเราไม่ เคยเจอหน้ากันมาก่อนและก็คงไม่มีต้นกำเนิดใดหรอกใช่หรือ ไม่? ข้าเลยอดที่จะไม่คิดมากไม่ได้”
“เวียนศีรษะจนล้มหรือ? ” ฉันซือจิ่งนิ่งงันไปทันที แล้วนึกถึงคำ พูดของหลิงซื่อที่พูดกับตัวเอง ว่านางมาจากทางเหนือเพื่อมาใช้ ชีวิตที่นี่ พอใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ ก็ได้ยินว่าถ้าแต่งงานกับฉันซือจึง ก็จะมีข้าวกิน นางจึงตอบตกลง
เย่หลิงพยักหน้าทันที แล้วมองฉันสือวิ่งด้วยความจริงใจ โดยไม่มีพิรุธที่เหมือนจะโกหกเลยสักนิด
จู่ๆ ฉันซือจึงก็พบว่าแม้ว่าเหลิงจะหิวจนซูบผอม ไม่มีความ รู้สึกให้อยากมอง ทว่านัยน์ตาของนางกลับดูงดงามดอย่างคาด ไม่ถึง เหมือนดั่งหมู่ดาวที่อยู่ในท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้รู้สึกว่าตัว เองถูกดึงดูดโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไร ในเมื่อแต่งกับข้าก็คือคนของข้า”
ฉินสือพิ่งเบี่ยงสายตาออกแล้วพูดขึ้น แต่ยังคงทำสีหน้าเลือด เย็น ที่ดูไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด
เย่หลิงจึงเงยหน้าขึ้น “เจ้า…… ยังไม่ทันจะพูดจารุนแรง ก็มี เสียง “จ๊อกๆ ” มาขัดจังหวะคำพูดของนาง จึงทำให้ใบหน้าของ นางแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ