ภรรยาวาสนาดี

บทที่ 18 ความถนัดของภรรยา



บทที่ 18 ความถนัดของภรรยา

เย่หลิงห่มผ้าหันหลังให้ฉันลือวิ่งแล้วก็นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น ฉินสือจึงกระดากใจ ในใจพลันคิดภรรยาคนนี้เป็นคนเจ้าคิด เจ้าแค้นโดยแท้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดอีก

นอนหลับสนิททั้งคืน ไม่ว่าเหลิงหรือว่าฉันคือสิ่งต่างเพียง รู้สึกว่าไม่ได้นอนหลับสบายเยี่ยงนี้มานานแล้ว ทุกอย่างเหมือน เป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิตมา ทุกอย่างล้วนถูกจัดวางได้อย่างเหมาะสม ที่สุด

วันที่สอง ทั้งสองตื่นแต่เช้า แล้วไปตลาดนัดในเมือง

เย่หลิงเห็นอะไรก็รู้สึกแปลกใหม่หมด แผงร้านค้าที่ตั้งตลอด แนวของถนน นักแสดงละครเพลง ไปตรงไหนก็อยากไปร่วมสนุก ด้วยแต่ก็ถูกฉินสือจึงดึงกลับมาอยู่ทุกครั้ง

คนอย่างนางสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่แปลกหน้า ได้ดี หรือเปลี่ยนคำพูดก็คือนางไม่ค่อยสนใจอะไร ในเมื่อเรื่อง ทะลุมิติมานั้นเป็นความจริงแล้ว กลับไปใช้ชีวิตเป็นสาวออฟฟิศ ในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้อีก คิดต่อไปก็ไร้ประโยชน์ มิใช้ชีวิตใน ตอนนี้ให้ดีเต็มที่

“หม้อถ้วยขันกะละมัง ฟูกที่นอนและหมอน แล้วยังขาดอะไร อีก? ใช่แล้ว ซื้อพวกเสบียงอีกหน่อยก็ครบแล้ว”

“อืม ฟังเจ้า” แรงงานฟรีอย่างฉินสือจึงตามใจโดยไม่บ่นอะไรสักนิด ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าเย่หลิง ใช้ชีวิตเป็น ฟังนางสั่ง การทุกอย่างจะเรียบร้อย

“เจ้ามองข้าทำไม? แล้วยังยิ้มแปลกๆ แบบนี้? ”

“บนใบหน้าของเจ้ามีดอกไม้”

“ดอกไม้? ดอกไม้มาจากไหน? ”

เย่หลิงเอามือลูบไปที่หน้าของตนเองแล้วถึงจะได้สติกลับมา ว่าชายร่างกายผู้ที่กำลังกล่าวคำรักหวานเลี่ยน! กำลังว่าจะ หยอกล้อกลับไปไม่กี่คำก็ถูกหนุ่มน้อยคนหนึ่งวิ่งพุ่งชนใส่ ฉินสื่อ จิ่งที่ตาไวมือไวรีบดึงเย่หลิงมาปกป้องในอ้อมแขน ฝ่ายตรง ข้ามกลับหยุดไม่ทัน ชนเข้ากับฉันคือสิ่งที่เหมือนหินก้อนยักษ์ ฉิน สือวิ่งนิ่งไม่ขยับ คนๆ นั้นกลับหกล้มไปตรงที่เดิม

ไฟแห่งความโมโหภายในใจของเย่หลิงผุดขึ้นมาทันที แล้ว หน้าด่าคน “นี่! เจ้ามีตาหรือไม่? เดินดูตาม้าตาเรือหน่อย? 11

ใครจะไปรู้ว่าคนๆ นั้นจะล้มอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น ร้องไห้ คร่ำครวญขึ้นมา “โอ๊ย เหตุใดข้าถึงได้ช่วยเช่นนี้ ข้าหมาเสียว ซานคงเป็นคนที่ซวยที่สุดในโลกาแห่งนี้แล้ว! ”

หม่าเสี่ยวซาน ไม่นึกเลยว่าจะมีคนชื่อว่าเสี่ยวซาน? เย่หลิง หัวเราะในใจ ความโกรธก็หายไป แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเสนาะ หู “บอกรายละเอียดหน่อยได้หรือไม่ เจ้าซวยอย่างไร? ”

“ชีวิตข้าลำบากยากเย็นยิ่ง! ”

“คนที่มีชีวิตอยู่ มีใครบ้างที่ไม่ลำบาก? ”
“ข้ามีบิดาผู้เฒ่า และยังมีภรรยาและบุตรต้องคอยเลี้ยงดู ทว่า ที่บ้านใกล้จะไม่มีอันจะกินแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวต้องหิวตาย เป็นแน่! ”

“เป็นไปได้อย่างไร? ”

เย่หลิงและฉินสือวิ่งสบตากัน ภายในใจต่างเกิดความสงสัย ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ในปีที่สงบสุขควรมีหลายเรื่องต้องทำ จะมีคนที่หิวตายอยู่ข้างถนนได้อย่างไร?

“เดิมทีข้าเป็นบริกรในร้านอาหารเหมิงกวน เกิดทะเลาะกับพ่อ ครัวในโรงครัว พ่อครัวลาออก เจ้าของร้านจึงระบายความโกรธ ลงที่ข้า บอกว่าหากธุรกิจของร้านอาหารดำเนินต่อไปไม่ได้จะไม่ ข้าออก ให้ข้ารีบหาคนไปแทนเขา ทว่าปกติข้าสร้างเรื่อง บาดหมางกับผู้คนไว้เยอะ ชีวิตข้าช่างลำบากเกินไปแล้ว ฮือๆๆๆ

นี่มันมนุษย์เงินเดือนชัดๆ!

เย่หลิงกลอกตาไปมา คิดแผนการในใจ

“เสี่ยวซานเอ๋อ วันนี้เจ้าถือว่าโชคดีมาก”

หม่าเสี่ยวซานรีบเช็ดน้ำมูกน้ำตา แล้วพูดบ่น”ข้าพูดไปเจ้าก็ ไม่เข้าใจ ข้าคือคนที่ลำบากที่สุดในโลกนี้”

“ลุกขึ้นๆ ทำตัวเสียน่าสงสาร” เย่ฝูหลิงดึงเขาให้ลุกขึ้น พร้อม กล่าว”ร้านอาหารของพวกเจ้าทำอาหารประเภทไหน? ”

“ทำอาหารเจียงหนาน ถามสิ่งนี้ทำไม? ”
อาหารเจียงหนาน? ในใจของเย่หลิงครุ่นคิด เช่นนั้นก็ง่าย เลย นี่เป็นสิ่งที่นางถนัด บอกว่าง่ายยังน้อยไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ