ภรรยาวาสนาดี

บทที่ 17 รูปร่างน่าพอใจมาก



บทที่ 17 รูปร่างน่าพอใจมาก

ทั่วทั้งหน้าของเย่หลิงแดง เพิ่งตระหนักได้ว่าฉันสือจึงกำลัง พูดเรื่องตลกอะไรอยู่

กล่าวตามความจริงแล้ว วันนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากเกินไป นางสามารถยอมรับความจริงที่เปลี่ยนจากสาวออฟฟิศมาเป็น แม่บ้านเกษตรกร ทั้งยังฝืนร่างกายเจรจากับตระกูลฉิน วุ่นกับ การแยกบ้านและหาที่อยู่อาศัยใหม่…….ในที่สุดก็มีเวลาหาข้อ สรุป เย่ฝูหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะกดไลค์ให้ตัวเองในใจ

เย่หลิงรู้ดี ตอนนี้ไม่มีทางออกอย่างอื่น หลังจากออกมาแล้ว ไม่ก็ตกระหกระเหิน ไม่ก็ต้องกลับไป ทำได้เพียงเดินไปหนึ่ง ก้าวนับหนึ่งก้าว อีกอย่างผู้ชายตรงหน้าคนนี้นางก็ไม่ได้รังเกียจ

จากการอยู่ด้วยกันในวันนี้นางได้รู้นิสัยของฉันคือวิ่งโดย คร่าวๆ ดูเป็นคนไม่ค่อยพูดจา แต่จริงๆ แล้วภายในใจกลับรู้ชัด ทุกอย่าง คนแบบไหนต้องหลีกเลี่ยง คนแบบไหนสามารถคบหา เขารู้ดีแก่ใจ อีกอย่างที่สำคัญคือเย่หลิงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ แปลกหน้าแบบนี้ยังดีที่เขาคอยปกป้องตนอยู่หลายครั้ง นางจึง ไม่ถึงกับท้อแท้

ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…….

เย่ฝูหลิงพินิจมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า หากไม่มีรอยแผลเป็นอัน แสนขัดตานั้น เอาใบหน้านี้ไปไว้ในยุคปัจจุบันต้องทำให้ผู้หญิง นับหมื่นต้องกรี๊ดแน่นอน อีกอย่างรูปร่างนี้ ไหล่ที่กว้างเหมือนมหาสมุทรแปซิฟิก แผงอกแน่นที่แทบจะดัน

ขาด……..

กระแอมไอออกมา นางจึงดึงสติกลับจากจินตนาการได้

เสื้อ เย่ฝูหลิงพึงพอใจมาก อาจเป็นเพราะสายตาของนางเปิดเปลือยเกินไป ฉินสือจึง

ให้

“นึกไม่ถึงว่าเจ้าผู้เป็นภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาหมาดๆ จะใจ กล้าเช่นนี้” ฉินสือจิ่งเดินมาใกล้นางทีละก้าว เขาอยากลองดูว่า เย่หลิงจะใจกล้าได้มากเพียงใด

เย่หลิงหาได้เกรงกลัว หากว่าได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ นับ ว่าตนได้กำไร คิดได้เช่นนี้ มือข้างหนึ่งก็แก้สายรัดเอวของเขา ออกอย่างคาดไม่ถึง อีกมือวางทาบบนแผงอกของเขา นิ้วมือทั้ง ห้าจับขย่าไปหนึ่งที่สัมผัสไม่เลวเลย

กลับเป็นฉินสื่อสิ่งที่ไม่ทันตั้งตัว เขาเกิดมามีนิสัยเยือกเย็น ไม่ เคยเข้าออกสถานเริงรมย์ หลายปีมานี้สู้รบอยู่ที่เขตชายแดน เป็นไปอย่างลำบากยากเย็น เมื่อถูกเย่หลิงทำเช่นนี้ก็ราวกับถูก ลวนลามจึงรู้สึกกระดากอายขึ้นมา ทำได้เพียงจับมือซุกซนของ นางไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ภรรยา กินข้าวก่อนเถอะ

เสียดาย ยากนักกว่าบรรยากาศจะดีขนาดนี้! เย่หลิงดึงมือก ลับ อย่างไรเสียก็เป็นตนที่จัดแจงว่าจะเป็นคนทำกับข้าว

เรื่องเข้าครัวทําอาหารเย่หลิงนั้นมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง แม้แต่ เตาธรรมชาติก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมือ นางสั่งให้ฉัน สือวิ่งผ่าฟืน ล้างหม้อและถลกหนังกวาง ตนเองนั่งแทะเมล็ด ทานตะวันอยู่บนเก้าอี้เป็นผู้คุมงาน ฉินสือจึงยังไปได้สักพักถึงจะรู้ตัว

“ตกลงกันแล้วว่าเจ้าทำกับข้าว ข้าล้างจานมิใช่หรือ? ”

“โอ๊ย ขายังรู้สึกเวียนหัวอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ว่าจะยกหม้อเหล็กนี้ ไหวหรือไม่” เย่หลิงเท้าเอวค่อยๆ ลุกขึ้นก็ถูกฉินสือจึงกดให้นั่ง ลง

“พอเถอะๆ ข้าทำเองแล้วกัน”

“อ้อ”

เย่หลิงโยนเปลือกทานตะวันทิ้งอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ แล้วยัง ยกมือวาดเท้าสั่งงานอยู่ข้างๆ “ขัดก้นหม้อให้สะอาดหน่อย เนื้อ กวางนี้ หั่นชิ้นเล็กถึงจะสุกง่าย….”

ฉันซือจิ่งถอนหายใจ เป็นภรรยาของตนเองเลยต้องอดทนไว้ ใช่ว่าจะเลิกได้

“พอแล้ว ข้าจะทำการปรุงเอง เจ้าเป็นผู้ช่วยให้ข้าก็พอ”

ฉินสือจึงรับตะหลิวมา จัดเตรียมวัตถุดิบ เครื่องปรุงทุกอย่าง ครบ เครื่องเทศไม่ขาด มีทั้งเนื้อและผัก นางพยักหน้าด้วยความ รู้สึกพึงพอใจ

นางเอาเนื้อกวางลวกน้ำก่อน โรยเครื่องเทศแล้วตุ๋นในหม้อ ดินเผา กินข้าวกันสองคนทำง่ายๆ เป็นพอ แล้วก็ผัดผักกาดขาว รสอ่อน ลาบเนื้อกวางฝอย เรียบร้อย!

ในระยะเวลาสั้นๆ ก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหาร เรือนหลังเก่าที่ไม่มีคนพักอาศัยมานาน ตอนนี้ทั้งข้างในและข้างนอกกลับฟัง กระจายไปด้วยคน

“ช่างยอดเยี่ยม” พอกินดื่มจนอิ่ม ฉินสือซึ่งก็มองตะเกียง น้ำมันบนโต๊ะ จู่ๆ ก็มีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้น ขอบตาแดงระเรื่อ กลับมาที่หมู่บ้านตั้งนานขนาดนี้ ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้สึกว่าที่นี่คือ บ้าน ที่นี่มีที่ให้เขาซุกหัวนอน

“โธ่! เสียใจอันใดหรือ? ” เย่หลิงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขา จึงใช้แขนสะกิดไหล่ของเขา “คนบางคนก็เป็นเพียงคนผ่านทางที่ ผ่านเข้าในชีวิต ถึงเวลาที่ควรแยกย้ายก็แยก ทว่าตอนนี้เจ้ายังมี ข้า ไม่ต้องเสียใจไป! ”

ดวงไฟที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วสอดส่องใบหน้าของเหลิงเป็นสีส้ม ฉินสือจึงยิ่งมองก็ยิ่งชอบ จึงอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้า

“ภรรยา……”

“ทำอะไร? ” เย่ฝูหลิงจับมือของเขาไว้ เหมือนเช่นเมื่อสองชั่ว ยามก่อนที่อารมณ์ของนางฮึกเหิมแต่กลับถูกหยุดลง นางกะพริบ ตาพลางพูด “ข้าวก็กินแล้ว ถึงเวลานอนแล้ว วันรุ่งขึ้นยังต้องตื่น แต่เช้า”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ