ภรรยาวาสนาดี

บทที่ 14 สายตามองได้ตื่นจริงๆ



บทที่ 14 สายตามองได้ตื่นจริงๆ

มีชายคนหนึ่งที่อายุราวๆ สามสิบกว่าปีที่อยู่ข้างๆ เฉิงเต๋อเหริน เห็นหญิงคนนั้น จึงเอ่ยปากเรียกว่า “ท่านแม่! ”

เย่ฝูหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าก็ยิ้มออกมาทันที “ท่านป้า รบกวนท่านแล้ว วันนี้เวลาเร่งรีบเกินไป คืนนี้ข้าได้เอาเนื้อกวางที่ พี่ฉินไปล่าได้มาให้ท่านหนึ่งชิ้น

ได้ยินคำพูดของนาง หญิงผู้นั้น ก็คือภรรยาของเฉิงเต๋อเหริน มีชื่อว่าหวางฮัวเหลียนทำสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาหน่อย พลางพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วพาคนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่กินข้าว

เมื่อเทียบกับบ้านที่ได้เห็นมาตลอดทาง บ้านของหลี่เจิ้งดูใหญ่ และสะอาดกว่ามาก พื้นตรงห้องโถงใหญ่ยังปูด้วยกระเบื้องหิน โดยเฉพาะ นี่ทำให้เย่หลิงรู้สึกอิจฉามาก

ในโต๊ะสี่เหลี่ยมที่ไม่เล็กมากก็จัดวางกับข้าวไว้อย่างและยังมี น้ำแกงไว้หนึ่งหม้อ แล้วยังมีเหล้าอีกหนึ่งเหยือก นี่ถือว่าเป็น เศรษฐีที่ยากที่จะพบเจอในหมู่บ้านหวั่นแล้ว ทุกคนต่างไม่ได้ ร่ำรวยมาก อย่างมากสุดก็มีแค่กับข้าวสองอย่างและน้ำแกงหนึ่ง อย่าง บางคนยังมีเพียงกับข้าวหนึ่งอย่างในหนึ่งมื้อ

เย่หลิงถามไถ่ถึงพื้นฐานการใช้ชีวิตของทุกคนจากจางเสี่ยว ฮวาด้วยน้ำเสียงธรรมดา พอเห็นแบบนี้ภายในใจจึงรู้สึกสงสัย มากกว่าเดิม จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉันซือจิ่ง แต่ฉันซือจึงยัง คงทำสีหน้าที่นิ่งเฉย เหมือนว่าไม่มีอะไร
“สอง ภรรยาของสื่อวิ่ง นั่ง ไม่ต้องเกรงใจลุงเฉิง” เฉิงเต๋อเห รินต้อนรับทั้งสองด้วยความเป็นมิตร หวางฮัวเหลียนก็นั่งลงตรง โต๊ะพลางอุ้มหลานไว้

เฉิงเต๋อเหรินมีบุตรชายสองคน หนึ่งคนพาภรรยาไปในเมือง เพื่อตามอาจารย์ไปฝึกงานฝีมือ หนึ่งคนช่วยทํางานที่บ้าน ใน บ้านเป็นบุตรชายคนโตชื่อเฉิงโสวเหลียง และมีบุตรชายเพียง คนเดียวกับภรรยา

เฉิงโส่วเหลียงกับภรรยาของเขาต่างเป็นคนที่นิ่งสงบ ไม่ได้มี สีหน้าที่ไม่พอใจใส่เย่หลิงและฉินสื่อวิ่ง ทว่ากลับยิ้มออกมา อย่างเหนียมอาย

รสชาติของอาหารก็ธรรมดา ทว่าเย่หลิงกลับรู้สึกอิ่มเอมใจ ประเด็นคือกระเพาะของนางรู้สึกดีอย่างมาก หลังจากกินดื่มจน อิ่มก็ควรถึงเวลาในการพูดคุยเรื่องอื่น

“ลุงเฉิง บ้านหลังนั้นของท่านปล่อยเช่าห้าสิบอัฐต่อเดือน

หรือไม่? เช่นนี้พวกเราก็จะได้พักอาศัยอย่างสบายใจ

คำพูดนี้ของเย่ฝูหลิงหลุดออกมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ นิ่งงันไปสักพัก เฉิงเต๋อเหรินมองเย่หลิงด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วย รอยยิ้ม แล้วลูกเคราตรงคางของตัวเอง ภายในใจกำลังคิด ยัย หนูคนนี้ช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก

หวางฮัวเหลียนกลับเป็นคนที่เกิดอารมณ์อย่างไรก็จะ แสดงออกมาผ่านสีหน้า ทันใดนั้นจึงยิ้มอย่างเต็มใจ “ดีๆ แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว” ขณะที่พูดก็ชำเลืองตามืองเฉิงเต๋อเหรินที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ “มา นี่เป็นกุญแจของบ้านเก่า”

พูดจบก็ยัดกุญแจไว้ในมือของเย่หลิง เย่หลิงพยักหน้า “ขอบคุณท่านป้า ท่านทั้งสองทำให้พวกเรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง หากไม่เก็บค่าเช่าจริงๆ พวกเราจะอยู่อย่างสบายใจได้อย่างไร

ฉันสือจึงก็พยักหน้าอยู่ข้างๆ แล้วรีบเอาเงินห้าสิบอัฐออกมา ถือว่าเป็นค่าเช่าบ้านเดือนแรก

เย่หลิงเห็นเขาให้ความร่วมมือเยี่ยงนี้จึงพยักหน้า ส่วนหวา งฮัวเหลียนก็ยิ้มอย่างชื่นบาน อาหารมื้อนี้ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ

หลังจากที่ส่งทั้งสองสามีภรรยาฉินสือจึงไปแล้ว หวางตัว

เหลียนจึงตามองเฉิงเต๋อเหริน “ปกติไม่เห็นว่าเจ้าจะชอบยุ่งเรื่อง

ของคนอื่น? แถมยังเชิญมากินข้าว อีกทั้งยังให้บ้านเพื่อพักอาศัย

อีก คนที่ไม่รู้ก็คงนึกว่าเป็นบุตรชายแท้ๆ ของท่านพี่นะ! ยังดีที่ฉัน สือจิ่งเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ…..”

เฉิงโส่วเหลียงที่เป็นบุตรชายแท้ๆ จึงยิ้มอย่างประหม่า “ท่าน แม่ สือนิ่งก็ไม่ง่าย……….

เฉิงเต๋อเหรินรู้สึกเครียดที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็น เหล็กกล้าได้ “ภรรยาอย่างเจ้ามีสายตาที่มองได้ตื้นเกินไปจริงๆ เจ้านึกว่าฉันซือจึงยังเป็นฉันซือจิ่งเมื่อสิบปีก่อนหรือ? ไข่ไม่ สามารถใส่ไว้ในตะกร้าเข้าใจไหม! ”

หวางฮวาเหลียนสะดุ้งตกใจ แล้วรีบทำเสียงดุกลับไป “สายตาของขาตื้นหรือ? อะไรคือไข่ไก่ไม่ใช่ไข่ไก่ เจ้าพูดออกมา ดีๆ สิ! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ