ภรรยาวาสนาดี

บทที่ 15 ภรรยา เจ้าหน้าแดงแล้ว



บทที่ 15 ภรรยา เจ้าหน้าแดงแล้ว

“เจ้าก็ไม่ลองคิดดู ฉินสือจึงเป็นทหารมาสิบปี แล้วจะปล่อยให้ คนอื่นรังแกง่ายๆ หรือไง! ” เฉิงเต๋อเหรินรู้ว่าภรรยาของตนเอง แค่ขี้เหนียวหน่อยๆ และมองโลกแคบหน่อย จึงทำได้เพียง อธิบายอย่างประหม่า “ตอนนั้นฉันสือจึงไปตั้งเมืองโม! เจ้าลืมไป แล้วหรือไงว่าสามปีก่อนทางฝั่งเมือง ไม่สู้รบกับชนเผ่าหมานหนึ่ง ปีเต็ม? ผู้ที่สามารถมีชีวิตรอดกลับมา จะเป็นแค่ทหารตำแหน่ง เล็กๆ งั้นหรือ! ”

หวางฮัวเหลียนอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ นางยังนึกไม่ถึงจุดๆ นี้ เลย อย่างไรฉันซืองก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูด ตอนนั้นเขาจากไป อย่างเงียบๆ ครั้งนี้จู่ๆ ก็กลับมา แล้วบอกแค่ว่าตัวเองไปเป็น ทหารกลับมา

“ความหมายของท่านพ่อคือ ฉินสือจึงมีอะไรปิดบังอยู่หรือ? ”

เฉิงโส่วเหลียงเอ่ยถาม

“คิดว่าเป็นการปิดบังที่ใหญ่มาก พวกเจ้าไม่รู้ว่าสภาพตอนนั้น ที่ฉินสือจึงคนนี้จากไปตอนเด็กๆ เขาเหมือนดั่งหมาป่า” เฉิงเต๋อ เหรินถอนหายใจ ตอนนั้นฉันซือจึงถูกแม่เลี้ยงทรมาน จึงเลือกที่ จะจากไป มีแค่เฉิงเต๋อเหงินที่แอบไปส่งเขา ตอนนี้เขายังจำได้ว่า ตอนจากไปสายตาของฉันสือจึงเหมือนหมาป่าที่สุดทางตัน ความโหดเหี้ยมที่แผ่ซ่านออกมา ตอนนี้เขานึกถึงยังรู้สึกขนลุก

“ตอนนั้นข้าก็รู้แล้ว ไอ้เด็กคนนี้หากสามารถมีชีวิตรอดกลับมาก็ต้องประสบความสำเร็จ วันนี้เขากลับมา แล้วยังเอาเงินห้าสิบ ตำลึงมาให้กับตระกูลฉิน พวกเจ้ารู้สึกว่านั่นเป็นการกตัญญูหรือ เขาโง่เขลา ข้าดูๆ แล้ว ก็แค่สิ่งของที่เขาไม่เอา และเอาออกมา เพื่อเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น หากว่าเขามีความกตัญญูแล้วยังโง่ เขลาจริงๆ เขาก็คงไม่แยกบ้านเช่นนี้เด็ดขาด”

เฉิงเต๋อเหรินจึงเบี่ยงประเด็นไปยังฉินเหวินอาน “ถึงแม้ฉันเห วันอานจะเป็นปัญญาชน อนาคตดูเหมือนจะงามสง่า ทว่าขากลับ รู้สึกว่าคนที่ถูกหลิวซือรักใคร่และเอ็นดูอย่างเขา อาจจะไม่ได้ คงที่ขนาดนั้น ฉินสือจึงยอมกลับมา แสดงว่ายังมีความคิดคำนึง ถึงหมู่บ้านหวีน บุญคุณเล็กๆ น้อยๆ ของข้า หากสามารถทำให้ เขาร่วมมือกับหมู่บ้านหวั่นได้ก็ดี หมู่บ้านหวั่นอยู่ในมือของข้ามา หลายปีแล้ว ทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างดีเลยทีเดียว แต่ทว่าข้าเอว รู้สึกไม่พึงพอใจเท่าไหร่…….

หวางฮัวเหลียนคิดว่าฉินเหวินอานที่เป็นปัญญาชนสามารถไว้ วางใจกว่าหน่อย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพราะว่านางรู้ว่า เฉิงเต๋อเหรินคิดเผื่อหมู่บ้านหวีนอย่างแท้จริง

กลับเป็นเฉิงโส่วเหลียงที่อยู่ข้างๆ กำลังครุ่นคิดอะไรบาง อย่าง

“นี่ เมื่อครู่ข้าตัดสินใจตามอำเภอใจ ทำให้ท่านรู้สึกไม่มีความ สุขหรือไม่? ” เย่ฝูหลิงใช้แขนสะกิดฉันคือสิ่งที่อยู่ข้างๆ หากฉัน สือจึงตอบกลับคำว่า “ใช่” เช่นนั้นนางก็ควรจะพิจารณาถึง อนาคตของพวกเขาสองคน
ไม่มีอะไรที่เทียบได้กับทัศนคติต่อคุณค่า ต่อชีวิต และต่อโลก ที่แตกต่างกันของคนสองคนแล้วยังฝืนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันคงจะ ทรมานมากไปกว่านี้

นางไม่ได้หันไปมองสีหน้าของฉินสื่อวิ่ง ถึงแม้ว่าพวกเขาอยู่ ด้วยกันเพียงเวลาสั้นๆ ทว่านางก็รู้สึกว่าคนๆ นี้เป็นคนแรกใน โลกใบนี้ที่ทำให้นางรู้สึกดีอยู่บ้าง อาจจะเป็นความรู้สึกที่ คล้ายคลึงกับ “หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล”

ทว่าที่ผ่านมานางไม่เคยตั้งใจที่จะฝืนทน โดยเฉพาะเรื่องของ ความรู้สึก

“ระวัง! ”

อาจจะเพราะว่านางคิดไปไกลจนไม่รู้เนื้อรู้ตัว จู่ๆ เย่หลิง รู้สึกว่า ใต้เท้านั้นว่างเปล่า แล้วทั้งตัวนางก็ล้มลงไปข้างๆ โชคดี ที่มีมือข้างหนึ่งมาถึงตัวเองไว้ทันเวลา จากนั้นตัวเองก็ล้มเข้าไป ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น

แผงอกอันใหญ่นี้ทำให้รู้สึกดีจริงๆ .. ……..ช้าก่อน จู่ๆ เย่หลิง นึกขึ้นได้ว่าการที่นางรู้สึกตะกละในร่างกายของคนอื่นง่ายๆ มากเยี่ยงนี้ก็ทำให้เริ่มความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ

“เจ้าทำได้ดีมาก ที่คิดได้ในเรื่องที่ข้าเองก็ยังนึกไม่ถึง” น้ำ เสียงอันทุ่มดังขึ้นข้างหูของเย่หลิง จากนั้นก็เคล้าด้วยรอย ยิ้ม “น้องหญิง ทำไมหน้าของเจ้าถึงแดงเยี่ยงนี้? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ