ตอนที่ 1 ผู้หญิงหัวแหลม
อาหารมื้อค่ำที่ด้วนเทียนเฟิง กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว ได้ถูก เสิร์ฟขึ้นบนโต๊ะอาหาร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับประทานด้วน ยีโซวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ซึ่งยังคงกำลังสูบบุหรี่อยู่ ได้เอ่ย ขึ้นมาว่า “วันนี้ช่วงบ่ายนายไปดูคะแนนมาแล้วใช่ไหม สอบติด มหาวิทยาลัยหรือเปล่า
ด้วนเทียนเฟิงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่”
“ไม่ แล้วยังมีหน้ามากินข้าวอีกหรือ
“คุณจบแค่ ม.ต้น ฉันก็ยังไม่เห็นคุณจะเดือดร้อนแทบเป็นแทบ ตายอะไรเลย”
ด้วนโชวตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที แล้วพูดขึ้นมาว่า “ไอเดีย ใน สมัยของฉันตอนนั้น การจบ ม.ต้น มีคุณภาพสูงกว่าการจบ มหาวิทยาลัยของนายในสมัยนี้มากกว่าอีก
“ตำหนิผมเหรอ คนอื่นเรียนหนังสือตอนอายุ 6 ขวบ ผมเรียน หนังสือตอนอายุ 10 ขวบ ลูกของบ้านอื่นตอนช่วงสอบเข้า มหาวิทยาลัยครอบครัวไม่ต้องให้ทำงานอะไรเลย แต่คุณกลับให้ ผมทำงานเยี่ยงวัวเยี่ยงควาย แล้วผมจะมีเวลาทบทวนหนังสือ หรือ พอผมสอบไม่ผ่าน มันก็เป็นเรื่องไม่แปลกที่น่าให้อภัยได้ ไม่ใช่เหรอ”
ด้วนยีโซวไม่อยากที่จะเถียงกับ ด้วนเทียนเฟิงอีก เพียงในช่วงพริบตาเดียว ก็ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทันใดนั้นบน ใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เนื่องจากว่าเขาเป็นคน ที่มีนิสัยแปลกประหลาด ดังนั้นด้วนเทียนเพิ่งจึงไม่ได้คิดอะไร เยอะ แต่ผลปรากฏว่า วันรุ่งขึ้นเวลา 7 โมงเช้า พายุแรงก็ได้โหม กระหน่ำลงมา ต้วนเทียนเฟิงถูกด้วนยีโซวปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วน ยีโซวปากระเป๋าเดินทางเก่าๆ 1 ใบ ให้เขา “เก็บเสื้อผ้าของนาย แล้วรีบไปตายแล้วเกิดใหม่ซะ” พูดไปก็หยิบธนบัตรยับๆ ออกมา จากกระเป๋าเสื้อแล้วปาใส่ไปยังใบหน้าของด้านเทียนเฟิง นายมี เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น รีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วออกไปซะ
ด้านเทียนเฟิงลุกขึ้นมานั่งด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า “ตกลง แล้วคุณเป็นพ่อของผมหรือเปล่า คุณมีผมตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก แม่ของผมก็ตายจากไปตั้งแต่คลอดผมออกมาได้เพียงวันเดียว ก็ มีเพียงแต่คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคนในครอบครัว ซึ่งแต่ ไหนแต่ไรมาไม่เคยดูแลเอาใจใส่ผมเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้คุณ ให้ผมเกิดมาทำไม
“ใช่ ฉันจะโยนนายไปที่กำแพงแน่นอน”
“คุณไม่ใช่พ่อผม”
“นายจะคิดอย่างไรก็ตามสบาย ฉันทําก็เพื่อให้นายสบาย ต่อ ไปนายก็จะรู้ได้เอง ตอนนี้ นายไสหัวออกไปซะ
“ไปก็ไป มีอะไรให้น่าเสียดาย หรือว่ากูจะไม่สามารถใช้ชีวิต อยู่ข้างนอกได้เชียวเหรอ” ด้วนเทียนเฟิงคลานลงจากเตียง แล้ว ก็เก็บเสื้อผ้า 2-3 ชุด ไม่มีแม้แต่การล้างหน้าใดๆ จากนั้นก็แบกกระเป๋าเดินทางเก่าๆ ขึ้นหลัง พร้อมกับออกจากบ้านด้วยเงิน 100 หยวน เดินไปได้ระยะทาง 3 กิโล ก็เดินไปถึงในตำบล จาก นั้นก็ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าเข้าเมืองไป เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่ สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ เขาจึงปฏิญาณตนอย่างเงียบๆ ว่า จะ ต้องร่ำรวยกลับมาให้ด้วนยีโซวให้ได้
ความเชื่อมั่นที่สง่างามกล้าหาญและหยิ่งผยองที่พกมา ใน ที่สุด ด้วนเทียนเฟิงก็มาถึงเขตเมืองหัวไห่ นี่เป็นเมืองที่ใหญ่มาก เมืองหนึ่ง ในเขตทางใต้ เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นหลังจากที่ ลงจากรถแล้ว ก็ได้พบเห็นกับตึกใหญ่สูงระฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ เต็มไปหมด และรถยนต์ที่มีชื่อเสียงที่วิ่งผ่านไปมาอยู่บนท้อง ถนน รวมถึงหนุ่มหล่อสาวสวยที่แต่งกายเรียบหรูดูดี ในใจลึกๆ ก็เริ่มมีความกังวลเล็กน้อยเกิดขึ้นว่า ตัวเองจะสามารถอยู่ใน เมืองนี้ได้หรือไม่
นอกจากจะทำอาหารแล้ว อย่างอื่นตัวเองทำอะไรไม่เป็นเลย และแน่นอนว่าไม่สามารถเรียนได้แน่ๆ แต่ว่า ด้วนเทียนเฟิงก็ ยินดีที่จะเริ่มทำงานเกี่ยวกับสาขาอาชีพที่ตนเองถนัดและมี เทคนิคมากที่สุด ดังนั้นด้วนเทียนเฟิงจึงมุ่งไปสมัครงานที่ร้าน อาหารโดยตรง เขาคิดว่าด้วยฝีมือการทำครัวอันเยี่ยมยอดของ เขา จะสามารถหางานที่ดีๆ ได้อย่างง่ายๆ แต่ทว่าความเป็นจริง ก็ได้ทำร้ายเขาอย่างหนักอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลปรากฏว่า หางาน มา 4 วัน จนใช้เงินเหลือเพียงแค่ 3 หยวนเท่านั้น ถึงจะได้งาน เบ็ดเตล็ดมาหนึ่งงาน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เนื่องจากทำงานนี้ เบ็ดเตล็ด แล้ว โชคชะตากลับตอบโต้…
ในช่วงบ่ายของ 3 เดือนถัดมา ด้วนเทียนเฟิงนั่งอยู่ที่หน้า ประตูร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ตรงด้านหน้าของเขามีรถยนต์ชีวิต สีแดงจอดอยู่คันหนึ่ง นี่เป็นรถที่เถ้าแก่เนี้ย โจวเสี่ยวหลังขับ ม่ายสาวคนนี้หน้าตาช่างสะสวยมาก แถมยังแรดมากอีกด้วย เกิดมาเพื่อเป็นของเล่น เขาค่อยๆ เยื้องกรายลงมาจากรถ แต่ง ตัวเซ็กซี่มาก ใส่ชุดแซกสั้นสีแดงเข้ม ถุงน่องสีดำ รองเท้าส้นสูง สีดำทรงประณีต ชุดแซกรัดรูปมากเป็นพิเศษ ตรงหน้าอกเปิดให้ เห็นร่องเนินอกที่ขาวราวกับหิมะ แซมกับขอบชุดชั้นในสีดำที่ โผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง ท่วงท่าย่างกราย อรชรอ้อนแอ้น ทำให้เขา ดูโดดเด่นเป็นอย่างมากในย่านนี้
ไม่คาดคิดว่าวันนี้ โจวเสี่ยวหลิงจะไม่ได้แต่งกายด้วยชุด ทํางาน แล้วก็ไม่ได้มีการแต่งหน้าเสียแต่อย่างใด ได้แต่ดัดขนตา ปัดให้งอนยาวเป็นประกาย ริมฝีปากแต้มสีเงางามเปล่งประกาย มองดูแล้วช่างสวยหยาดเยิ้มเสียจริง ช่างสวยหยาดเยิ้มเสีย จริง…
เพียงครู่เดียว โจวเสี่ยวหลงก็เดินมาถึงข้างหน้าของด้วนเทียน เฟิงแล้วนำกระเป๋าที่พกติดตัวมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งลง ส่ง รอยยิ้มอันยั่วยวนและทรงเสน่ห์ออกมา พร้อมพูดว่า “เสี่ยวเฟิง นายรอนานแล้วใช่ไหม”
ชุดกระโปรงของ โจวเสี่ยวหลงเปิดหน้าอกลึกมาก เวลานั่งยิ่ง ทำให้ดูลึก ต่ำกว่าระดับศีรษะของด้วนเทียนเฟิงเยอะมาก ด้าน เทียนเฟิงมองจากที่สูงลงมาแทบจะเห็นหน้าอกครึ่งหนึ่งได้ ผิว พรรณช่างขาวสวยดูนุ่มลื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถ้าหากว่าหล่อนไม่เอ่ยปากพูดขึ้นมา ด้านเทียนเฟิงก็คงจะมองอย่างนั้น ตลอดเวลา พอหล่อนเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้น เขาก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ขึ้นมา โดยพูดออกมาด้วยประโยคสั้นๆ ได้ใจความว่า “พูด ความจริงมาเถอะ เงินของผมอยู่ที่ไหน
โจวเสี่ยวหลงยังคงส่งรอยยิ้มอันยั่วยวนทรงเสน่ห์ ค่อยๆ เปิด ซิปกระเป๋าด้วยท่าทางอันงดงาม แล้วหยิบซองจดมายขึ้นมา 1 ซอง แล้วยื่นให้กับ อ้วนเทียนเฟิงแล้วพูดว่า “ลองนับดูก่อนว่าถูก ต้องไหม
ด้วนเทียนเพิ่งพอรับมา ก็ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที แล้วพูด ว่า “ไม่ต้อง ถ้าหากคุณหลอกผม ฝ่ายที่เสียเปรียบต้องเป็นคุณ แน่นอน”
“รู้เลยว่านายจะต้องพูดแบบนี้ นายนี่มันช่างเป็นโจรร้ายเสีย จริงเชียว แต่ว่าในเวลาปกติแล้วจะไม่เปิดเผยตัวตน แต่ว่าฉันดู นายไม่ผิดแน่นอน นายสามารถช่วยฉันได้เยอะเลย” โจวเสี่ยว หลิง ใช้สายตาที่มองอย่างทะลุปรุโปร่ง จ้องมองไปยัง ด้วนเทียน เพิ่งผ่านไปสัก 4-5 วินาที สายตาของหล่อนก็เหลือบไปมองยัง เครื่องดื่มที่ ด้วนเทียนเฟิงดื่มอยู่ มองดูแล้วยังเหลืออีกครึ่งขวด จึงหยิบไปทันที เปิดขวดออก แล้วดื่มไป 2 อีก “น้ำส้มอร่อยมาก ฉันชอบดื่มมากเลยนะ
ด้านเทียนเฟิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า โจวเสี่ยวหลิงจะเป็นคน สบายๆ แบบนี้ หล่อนไม่ได้รู้สึกถึงความรังเกียจเลยหรือ ขนาด ด้วนเทียนเฟิงยังรู้สึกว่ารังเกียจเลย ดังนั้นตอนที่ โจวเสี่ยวหล งดื่มเสร็จแล้วยื่นส่งกลับคืนให้กับเขา เขาจึงพูดตอบกลับไปว่า”คุณชอบดื่มขนาดนี้ คุณดื่มเถอะ ผมซื้อมาผิดแล้ว…
“ฮาๆ ใช่เหรอ” โจวเสี่ยวหลงกลอกตาไปมาด้วยสายตา ยั่วยวน มองไปยัง อ้วนเทียนเฟิง”เสี่ยวเฟิง อย่าเอาเกราะคุ้มกัน ทั้งตัวของตัวเองเป็นหนามนะ แม้ว่า…เอิ่ม แม้ว่าฉันจะอยากกิน นายมาก แต่ว่าฉันจะไม่บังคับฝืนใจนายหรอก ฉันจะให้นายเป็น ฝ่ายรุกยอมให้ฉันกิน ฉันถึงจะกิน
ด้วนเทียนเฟิงขนลุกเป็นหนังไก่ “คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้า หากว่าไม่มีแล้ว งั้นผมต้องขอเร่งเวลาหน่อยนะ”
โจวเสี่ยวหลังตั้งใจขึ้นมาทันที ไม่ได้แสดงท่าทางที่ทำให้คน รังเกียจอีกต่อไป น้ำเสียงพูดเป็นปกติ “นายมีความเห็นเกี่ยวกับ แผนการของฉันอย่างไรบ้าง
ด้วนเทียนเฟิงส่ายหัว “ไม่มีความเห็น คุณพิจารณาด้วยตนเอง ให้ชัดเจน แล้วมาบอกผมว่าจะทำอย่างไร จะถอนตัวอย่างไร จะ ปิดปากคําสารภาพอย่างไร ผมก็จะทำตามนั่นแหละ”
“ไม่มีตำรวจ แล้วจะมีคำสารภาพได้อย่างไร ก็แค่สำนัก บริหารธุรกิจและสำนักป้องกันการแพร่ระบาดมารอบหนึ่งเท่านั้น ในส่วนของการสร้างความสัมพันธ์กับสองหน่วยงานนี้ ฉันจัดการ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนายจึงไม่ต้องกังวลใจไป ”
“ดีที่สุดต้องเป็นแบบนี้” ด้วนเทียนเฟิงหยิบบุหรี่ที่อยู่บนโต๊ะ ขึ้นมา ลุกขึ้นยืน “เอายามาให้ผม หลังจากนั้นบอกเวลาที่ผมต้อง เคลื่อนไหว ผมไปก่อนนะ…”
“เดี๋ยวก่อน อันนี้ นายดูก่อน… โจวเสี่ยวหลิงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว เปิดรูปภาพที่ชัดเจนมากๆ รูปหนึ่งให้ ตัวน เทียนเฟิงดู “พี่น้องคนสนิท สวยใช่ไหมล่ะ แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกพี่ลูก น้องของฉัน แต่ว่ายืนยันได้ 100% เลยว่า ไม่ใช่ผู้หญิงหากิน หลังจากที่เสร็จเรื่องแล้วละก็ ฉันจะให้พวกหล่อนมาอยู่เป็นเพื่อน นาย ฮาๆ แน่นอนว่าฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนนายเหมือนกัน หรือว่า ให้พวกฉัน 3 คนอยู่เป็นเพื่อนนายดีไหม
ด้วนเทียนเฟิงในใจประหม่าหนาวสั่น ส่วนปากก็เอื้อนเอ่ยออก มาด้วยเสียงอ่อนๆ ว่า “คุณจะต้องจำได้นะ ว่าพูดแล้วต้องทำให้ ได้ด้วย”
โจวเสี่ยวหลิงส่งสายตาอันเย้ายวนให้กับ ด้วนเทียนเฟิงแล้ว พูดว่า “แน่นอนสิ”
ด้านเทียนเฟิง ฝีเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ในหัวสองเต็ม ไปด้วยรูปภาพที่เพิ่งจะดูไปเมื่อสักครู่ พี่สาวน้องสาวคู่นั้นช่าง สวยเป็นบ้าเลย เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจเลย แต่ว่าถ้าหากสิ่งที่ โจ วเสี่ยวหลิงพูดเป็นความจริงขึ้นมา ความคิดวุ่นวายก็เต็มขึ้นไป หมด ผ่านไปสักพักก็ได้ปัดความคิดพวกนั้นออกไป แล้วหันกลับ มาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ร่วมงานกันแทน จริงๆ แล้ว เกี่ยวกับ แผนการความร่วมมือ ทาง ด้วนเทียนเฟิงก็มีความคิดเห็นอยู่ แต่ ว่าแค่รู้สึกว่าหากพูดออกมามันจะไม่ดี ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมา โทษของตัวเองจะยิ่งหนัก ดังนั้นจึงไม่อยากที่จะเข้าร่วมแผนการ ตอนนี้ตัวเองก็ได้แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ใช้วิธีที่ตนเองคิดว่า ปลอดภัย ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรกับหล่อนมากนัก สำหรับใน เรื่องที่หล่อนพูดว่า ได้สร้างความสัมพันธ์กับสำนักบริหารธุรกิจ, สํานักป้องกันการแพร่ระบาดไว้แล้วนั้น เรื่องนี้เขา เชื่อ ก็หล่อนสวยขนาดนั้น ก็แค่ทําตัวแรดนิดๆ หน่อยๆ ก็ สามารถจัดการเรื่องราวได้ไม่ยากแล้ว
ด้านเทียนเพิ่งรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจว่า ในเมื่อทางด้านนี้ของ โจว เสี่ยวหลงก็มีความสามารถในการจัดการ ทําไมถึงไม่จัดการให้ เฮยเมียนเซินกระเด็นออกไปตรงๆ เลย น่าจะมีเพียงคำอธิบายที่ สมเหตุสมผลเพียงอย่างเดียว ก็คือ ระหว่างพวกเขาแล้ว นอกจากความสัมพันธ์ที่มั่วซั่วและวุ่นวาย ในด้านการทำธุรกิจ เฮยเมียนเซินก็ดูแลเรื่องการบริหารมาไม่น้อย หล่อนจึงกลัวว่า เฮยเมียนเซนจะทำอะไรไม่ถูกต้องและทำให้ธุรกิจพังลง ดังนั้นจึง เลือกใช้วิธีอ้อมๆ เพื่อขจัด เฮยเงี่ยนเงินออกไป จะได้ไม่ต้องฉีก หน้าตนเอง พยายามเพื่อไม่ให้ฉีกหน้า ผู้หญิงคนนี้หัวแหลมมาก ร้ายกาจมาก และอันตรายมาก….
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ