บทที่ 18 ฟ้อง
พอท่านหวางเฟยเห็นนางวางมาดขรึมพูดจาเหลวไหล สุดท้าย นางก็ไม่สามารถฟังได้อีกต่อไป จึงพูดขัดจังหวะนาง
“เป็นอะไรไปเจ้าคะ ท่านย่า เมียน้อยเงินปรนนิบัติท่านไม่ดี หรือเจ้าค่ะ?”
ปฏิกิริยาตอบสนองของเป็นชื่อเร็วมาก แทบจะไม่ให้เวลาพวก นางทั้งสองคนได้หายใจเลยทีเดียว ท่านหวางเฟยก็รู้เช่นกันว่า ไม่สามารถถกเถียงเรื่องนี้ได้ นางก็เลยจำต้องสูดลมหายใจเข้า แล้วระงับความโกรธเอาไว้ในขณะนี้
“พอได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ เจ้าพูดมาซิว่า วันนี้จะออกไปข้างนอกทำไมถึงไม่มารายงานข้า?”
พูดจบ นางก็มองเป็นชื่อแล้วพูดอย่างเข้มงวดกวดขันว่า “แม่ ของเจ้าสิ้นไปนานแล้ว พ่อก็ไม่อยู่ในจวนเป็นปีๆ แต่เจ้าก็ไม่อาจ ไม่รักตัวเองได้ถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่จะออก จากบ้านโดยไม่บอกกล่าวผู้หลักผู้ใหญ่เลยสักคำ อีกทั้งเจ้าอย่าง ไม่ได้พาสาวใช้ออกไปด้วย เจ้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่สมควร จะทําเรื่องแบบนี้ไหม?”
น้ำเสียงของนางเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นการเข้มงวดเพื่อ หวังให้คนที่คาดหวังได้ดีอย่างนั้น ราวกับว่าการที่เป็นชื่อออกไป ข้างนอกคือการไปทำเรื่องที่มีลับลมคมในอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านย่า วันนี้ที่เสี่ยวอออกไปข้างนอกเดิมทีก็อยากจะไป บอกกับท่านย่านะเจ้าคะ แต่ในเวลานั้น น้องสามกำลังร้องไห้อยู่ ตรงหน้าท่านย่า แถมยังอยู่หน้าประตูเรือนของข้า ท่านยังปลอบ ใจนาง และพูดว่าจะแก้แค้นให้นางด้วย!”
พูดถึงตรงนี้ เป็นชื่อก็หยุดพูดสักพัก และค่อยๆเหลือบตาไป มองท่านหวางเฟย
“แต่ทว่า หลานคิดไปคิดมา ที่ท่านย่าส่งน้องสามไปอยู่ที่เลี้ยง โก๋ชื่อ ไม่ใช่เพราะน้องสามทำลายข้าวของของท่านย่าหรอกหรือ เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านย่าต้องการที่จะไป…ไปแก้แค้นตัวเองหรือ เจ้าคะ?”
คำพูดของนางทำให้สีหน้าของท่านหวางเฟยดูไม่ดียิ่งขึ้นไป อีกเล็กน้อย นางคงคิดไม่ถึงว่าเป็นชื่อจะสามารถกลับดำให้เป็น ขาวได้ขนาดนี้
เงินซื่อดูเหมือนว่าจะมองแล้วไม่เข้าใจ จึงพูดเองเออเดองต่อ ไปว่า”ดังนั้นหลานก็เลยคิดว่า ในกรณีเช่นนี้ ไม่ต้องไปรบกวน ท่านย่าหรอกเจ้าค่ะ จริงสิ ท่านย่าพูดว่าหลานออกไปข้างนอก โดยที่ไม่ได้พาคนไปด้วย แต่ในเรือนของหลาน มีแค่หรูเอ๋อร์ เพียงคนเดียว ภายในเรือนนั้นก็รกยิ่งนัก หลานก็เลยได้แต่ให้หรู เอ๋อร์อยู่ที่นี่ เพื่อให้ไปทำความสะอาดเก็บกวดเรือนหลังนี้นะ เจ้าค่ะ”
คำพูดของเวินชื่อนั้น แต่ละประโยคช่างแทงใจดำยิ่งนัก ทุกๆ ประโยคล้วนฟังดูเหมือนกำลังประณามท่านหวางเฟยอยู่ นางฟังอย่างระมัดระวัง แต่ไม่สามารถพูดหักล้างได้
คุณหนูหลวงแห่งจวนอ๋องหัวที่โอ่อ่า นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบ่าว บใช้แค่เพียงคนเดียว! “เช่นนั้นย่าก็จะลงโทษแค่เรื่องที่เจ้าท่าผิดก่อนหน้านี้ละกัน…
“ท่านย่า ท่านพูดอะไรเจ้าคะ?”
สีหน้าของเป็นชื่อเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังในทันใด ไม่มีหน้า ทะเล้นอย่างเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว สายตาที่คมกริบ ราวกับมีดนั้นได้จ้องมองท่านหวางเฟย ทำให้นางพูดอะไรไม่ ออกอยู่พักหนึ่ง
“ท่านย่า ไม่ใช่ว่าท่านแก่แล้ว แม้แต่ความจําที่ไม่ดีหรอกหรือ เจ้าคะ? ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้หลานไปทำเรื่องอะไรผิดมา จึง ทำให้ท่านย่าต้องมาลงโทษหลานเช่นนี้เจ้าคะ? แต่ว่า ของนั่น ชัดเจนว่าน้องสามเป็นคนทำแตกนะเจ้าคะ…”
แล้วเป็นชื่อก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“หรูเอ๋อร์ เจ้าไปทำอะไรมา ข้าเพียงแต่ใช้ให้เจ้าไปทำความ สะอาดภายในเรือน ทำไมถึงทำให้หน้าตัวเองกลายเป็นเช่นนี้ ได้? เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งที่คุณหนูของเจ้าชอบที่สุดก็คือใบหน้าที่ สะอาดสะอ้านน่ะ?”
“เจ้าค่ะ…เจ้าค่ะ…คุณหนู…
หรูเอ๋อร์พูดด้วน้ำเสียงที่สั่นเครือ และหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เงิน อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในใจ นางไม่รู้ว่าคนที่อยู่ ภายในจวนเหล่านี้ทำอะไรกับหนูเอ๋อร์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหรูเอ๋ อ จนกลายเป็นแบบนี้ได้?
“ท่านย่าเจ้าคะ ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หลานก็ขอตัว ลากลับก่อนนะเจ้าคะ หลานเห็นสีหน้าของท่านยามสู้ดีนัก พัก ผ่อนให้มากๆนะเจ้าคะ ถ้าถึงตอนนั้นร่างกายของท่านไม่สบาย ขึ้นมา เกรงว่าเมียน้อยเฉินจะอธิบายให้ท่านพ่อฟังได้ไม่ค่อยดี นักน่ะเจ้าค่ะ!”
เงินซื้อพูดอย่างช้าๆ และมีท่าทีที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มอยู่ บนใบหน้า และในนั้นก็มีกลิ่นอายของการดูถูกเหยียดหยามอยู่ เล็กน้อย แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ ในนั้น
ท่านหวางเฟยถูกนางทำให้โกรธเป็นอย่างมาก คำพูดของเงิน ชื่อช่างน่าโมโห แต่ดันไม่สามารถทำอะไรนางได้ สุดท้าย นางจึง จําต้องถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็กลับไปก่อนเถิด เพียงแต่วันหลังถ้าเจ้าจะ ออกไป เจ้าจะต้องมารายงานข้าก่อนค่อยออกไปนะ คุณหนูของ ตระกูลใหญ่ก็ต้องมีท่าทีของคุณหนูตระกูลใหญ่ด้วย จะทำเช่นนี้ ไม่ได้เด็ดขาด!!
“เจ้าค่ะ!”
เป็นชื่อยิ้มแย้ม แล้วพาหรูเอ๋อร์หันหลังออกมา หรูเอ๋อร์ยังมี สภาพที่หน้ามืดวิงเวียนตลอดทาง
เวินชื่อเป็นห่วงสภาพจิตใจของนางมาก แต่นางก็ไม่อาจควบคุมสายตาอาฆาตแค้นสองคู่นั้นที่อยู่ข้างหลังนางได้ โดย เฉพาะสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหเดือดดาลของเฉินชื่อ
เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ไม่มีใครกล้าพูดกับนางแบบนี้ ในจวน อ๋องหัวนางก็ได้รับการปฏิบัติในฐานะนางสนม แต่คำพูดของเงิน ชื่อในวันนี้เท่ากับเป็นการเตือนนางอีกครั้งว่านางเป็นแค่เมีย น้อยคนหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าท่านป้าของนางจะเป็นท่านหวางเฟ ยก็ตาม แต่นางก็เป็นแค่เมียน้อยคนหนึ่ง ไม่มีทางได้ข้ามไปถึง คำว่าภรรยาหลวง และทำให้ชีวิตนี้นางไม่สามารถเชิดหน้าชูคอ ได้ตลอดชีวิต
“ท่านป้า จะปล่อยนางไปอย่างนี้หรือเจ้าคะ? เห็นได้ชัดว่าเธอ ไม่ปฏิบัติตามมารยาท คุณหนูหลวงแห่งจวนอ๋องหัวที่โอ่อ่า นึก ไม่ถึงเลยว่าจะวิ่งออกไปแบบนี้ และยังออกไปอย่างหน้าตาเฉย แบบนี้ด้วย?”
นางโมโหจนทนไม่ไหว แม้แต่กับท่านหวางเฟยก็ยังสูญเสีย ความเคารพที่เคยมีในยามปกติ ท่านหวางเฟยปาดสายตามอง นาง ก็รู้ว่าเมื่อสักครู่นี้นางได้ถูกเป็นชื่อทำให้โกรธเข้าแล้ว แต่ก็ ยังโกรธนาง
“ระวังท่าทีของเจ้าด้วย ไม่ต้องพูดออกมาทั้งหมดเลยก็ได้!”
“ท่านป้า ข้าเพียงแต่…
“พอแล้ว ต่อไปอย่าทำท่าทางอย่างนี้อีกนะเจ้าไม่ได้ยินที่นาง เพิ่งพูดว่าจะเขียนจดหมายให้เซียวเอ๋อร์หรอก? เจ้าไม่รู้หรือไง ว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับบุตรสาวคนนี้เสมอ? เจ้าจะต้องทำให้นางรู้สึกอับอายให้อย่างนั้น ”
เจ้าค่ะ”
เฉินชื่อก้มศีรษะลง การแสดงออกบนใบหน้ากลับยังคงไม่ เต็มใจ
ท่านหวางเฟยนางอย่างพอใจมาก อาจเป็นเพราะถูก นางปกป้องดูแลอย่างดีมานานหลายปี ทุกอารมณ์จึงปรากฏอยู่ บนใบหน้านาง การกระทำสิ่งต่างแม้แต่เอ๋อร์ไม่ สามารถเทียบ
“หลังจากที่นางวันนี้ ไม่ได้ยินหรือว่าที่จริงแล้วนางกำลัง เตือนพวกเราคราวก่อนชีวิตนางไม่ได้ เหมือนว่านั่ง เด็กคนจะจัดการยากกว่าเมื่อก่อนเสียแล้ว ถ้าท่านอ๋องมา จะยิ่งจัดการ
อ้าวเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
เฉิน อสับสนมึนงง
ท่านหวางเฟยถอนหายใจอย่างหนัก ในความตั้งใจที่แน่ว แน่
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนติดปีก เวลาเหมือน ไหล ไหลผ่านอย่างหนึ่ง
ชาติก่อน เป็นเขลา จึงปล่อยให้อื่นปั่นหัวนางได้ แต่สุดท้าย แม้แต่โอกาสจะต่อต้านก็ไม่มี
ในชีวิตนี้ไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาอีกครั้ง ในชีวิตขอนางก็มี เพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการแก้แค้น!
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ นางจึงกำลังพยายามที่จะวางหมาก สิ่ง แรกที่ต้องทําก็คือจะต้องก่อตั้งหน่วยข่าวกรองขึ้นมาสักหน่วย ถ้า ทำเช่นนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อื่นก็จะไม่ถึงกับไม่มีกำลังในการ รบตบมือเลย
เรื่องต่อมาก็คือ จะต้องซื้อบ้านสวนสักหลัง แล้วสร้างอาวุธที่ นางต้องการอยู่ในนั้น ทำเช่นนี้ จึงจะสามารถต้านกำลังขององค์ ชายรัชทายาทผู้สูงศักดิ์คนนั้นได้
สุดท้ายนี้ เธอยังต้องการคนด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ภายในวันเดียว หรือสองวัน เป็นชื่อเองก็ไม่รีบร้อนอะไร ในช่วงเวลานี้ นางขาย เครื่องประดับของตัวเองไปแล้วไม่น้อย หน่วยข่าวกรองและบ้าน สวนนี้ ภายในระยะเวลาสองเดือน ก็คงจะก่อตั้งขึ้นมาได้แล้ว
ในจำนวนนี้สำเร็จราบรื่นจนเป็นชื่อประหลาดใจเล็กน้อย นาง นึกว่า จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปีเสียอีก เพราะยังไงๆนางก็ ทำทุกอย่างคนเดียว และไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆเลย
แต่คิดไม่ถึงว่า ในระยะเวลาสองเดือนอันสั้นนี้ จะเกิด ประสิทธิผลที่ดีมากทีเดียว
หนึ่งในนั้นจะขาดความช่วยเหลือของคนคนหนึ่งไม่ได้ พอเป็น ชื่อคิดถึงเขา ก็รู้สึกว่าหัวใจไม่สบายเล็กน้อย มันมีส่วนหนึ่งรู้สึก ชาๆ แต่ก็เหมือนกับว่ามีอะไรมาสั่นคลอนหัวใจของนาง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ