ท่านอ๋อง ให้มันน้อยๆหน่อยเพคะ

บทที่ 5 สุภาพบุรุษไม่เป็นสองรองใคร



บทที่ 5 สุภาพบุรุษไม่เป็นสองรองใคร

ในบ้านสวนหลังนี้ไม่มีใครอยู่เลย อ่านมามาเสียชีวิตแล้ว เห ลือเพียงเป็นชื่อกับหรูเอ๋อร์สองคนเท่านั้น ดังนั้นเป็นชื่อจึงทำได้ เพียงหันหลังกลับมากำชับให้หรูเอ๋อร์ไปต้มน้ำร้อนมาสักหน่อย

พอมอบหมายงานให้หรูเอ๋อร์เสร็จ ช่วงเวลาชั่วพริบตาเดียวที่ เป็นชื่อหันกลับมาอีกครั้ง นางก็ตะลึงงันอยู่กับที่ในทันที

เห็นเพียงชุดเสื้อคลุมสีขาวราวหิมะที่ทั้งใหญ่และกว้างของห รงเชิงยวน แขนเสื้อกว้างจนเกือบจะลงถึงพื้น ปิ่นกลัดมวยผม ยาวๆ หน้าตาเกลี้ยงเกลามีวิชาความรู้ลุ่มลึกบุคลิกลักษณะก็สง่า เขากำลังยืนอยู่อย่างเงียบๆ ใต้ระเบียงของค่ำคืนที่มืดมิด ราวกับฝังอยู่ในภาพม้วน

ในบางครั้งมีแสงสีขาวแว็บเข้ามา ลมและฝนก็โหมกระหน่ำ เข้ามาเช่นกัน แต่กลับไม่สามารถทำลายท่วงท่าอันสง่างามของ เขาได้

สง่างามราวกับหยก สุภาพบุรุษไม่เป็นสองรองใคร ช่างเหมาะกับประโยคนี้พอดีเลย

ในขณะที่ทรงเชิงยวนกำลังมองดูสีหน้าที่เคลิบเคลิ้มเล็กน้อย ของเงินชื่ออยู่ รอยยิ้มตื้นเขินที่ยากจะพบเห็นก็ปรากฏขึ้นแว็บ หนึ่ง เขาพูดว่า “คุณหนูรอง รบกวนแล้ว”

“หรงซื่อจื่อไม่ต้องมากพิธี” มุมปากของเวินชื่อดึงรอยยิ้มที่แข็งทื่อออกมาเล็กน้อย นางรู้สึกเสมอว่ามีกลิ่นอายที่อันตรายอยู่ บนตัวหรงเชิงยวนผู้นี้

ทันใดนั้น นางก็ตื่นตกใจเมื่อพบดวงตาที่เฉยเมยคู่นั้น

นางนึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็น

ไม่ถูกต้อง ควรพูดว่า…หรงเชิงยวนในเวลานี้ ยังไม่สูญเสียด วงตาทั้งสองข้าง

หลังจากที่ได้สติกลับมา เป็นชื่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น แล้ว หลับตาครุ่นคิด

นางจำว่า ในชาติก่อน ดูเหมือนว่าท่านพ่อเคยพูดว่า….เมื่อ หนึ่งปีก่อนที่เขาจะเข้าพิธีสวมหมวก ทรงเชิงยวนถูกโจรลอบ สังหาร ด้วยเหตุนี้เขาจึงสูญเสียการมองเห็นไป

เงินชื่อในตอนนี้อายุเพียงสิบห้าปี และทรงเชิงยวนอายุ

มากกว่านางประมาณสี่ปี

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ปัจจุบันเขาอายุมากกว่าสิบแปดปีแล้ว และยังไม่ครบยี่สิบปี เขาตาบอดทั้งสองข้าง ก็คือในปีนี้น่ะสิ!

เป็นชื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังทรงเชิงยวนด้วยความตกตะลึง ภายในใจอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกเสียดายที่คนที่สง่างาม ดั่งดวงจันทร์ที่แจ่มกระจ่างปานนี้ คิดไม่ถึงว่าจะพบกับเรื่องอ ยุติธรรมเช่นนั้นได้

แต่ทว่า ในตอนที่ทรงเชิงยวนเห็นสีหน้าเล็กๆที่แปลกผิดปกติ เล็กน้อยของเงินชื่อ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกทั้งสงสัยทั้งอยากจะหัวเราะขึ้นมา

“ซื่อจื่อ!” ทันใดนั้นเสียงผู้ชายที่แจ่มใสก็ทำลายบรรยากาศ อันเงียบสงบที่ดำเนินไปอย่างเงียบๆระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ทรงเชิงยวนขมวดคิ้วขึ้นอยู่ในที่ที่เป็นชื่อมองไม่เห็น

พอหันกลับไปมองอีกครั้ง เป็นเหยียนทหารองครักษ์ผู้คุมรถ ม้า กำลังถือดาบยาว ยืนอยู่ข้างหลังทรงเชิงยวน

การมาถึงของตู้เยียนทำให้เป็นชื่อตื่นขึ้นมาจากความทรงจำ แล้วนางก็แสดงความเคารพและพูดว่า “เวลาร่วงเลยไปมากแล้ว หม่อมฉันให้บ่าวไปทำความสะอาดเรือนทางทิศตะวันตก (ต่อไป เรียกเรือน เซียง เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองท่านรีบไปพักผ่อนก่อน เถิดเจ้าค่ะ”

ทรงเชิงยวนแสดงความเคารพกลับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ เบาบางดั่งสายหมอกและสายฝนบนภูเขาอันไกลโพ้นว่า “ขอบคุณคุณหนูรองมาก

“ขอตัวก่อนเพคะ” เวินชื่อลู่ตาลง

นางหันหลังไป แล้วเดินไปที่เรือนของตัวเอง

ตู้เหยียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กำหมัดแน่นแล้วรายงานด้วยน้ำ เสียงที่สุขุมว่า “ซื่อจื่อ ผู้น้อยได้สำรวจบ้านสวนหลังนี้แล้วพ่ะย่ะ

“เป็นอย่างไร?” ใบหน้าที่เดิมที่กำลังมองเป็นชื่ออย่างสง่างาม บัดนี้กลับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะและดวงตาก็เงียบสงบ

“ทรุดโทรมไม่มีชิ้นดี รกร้างไร้ผู้คนอาศัยอยู่ นอจากคุณหนูเ นกับสาวใช้คนนั้น ก็ไม่มีผู้ใดอีก ตู้เหยียนพูดคำต่อคำ

พอได้ฟังคำพูดของตู้เหยียน สายตาของทรงเชิงยวนก็เย็นชา เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณหนูหลวงแห่งจวนท่านอ๋องที่สง่างาม ทำไมถึงได้ตกอับอยู่ที่นี่ได้?” น้ำเสียงของเขาราวกับมี น้ำค้างแข็งสอดแทรกอยู่ ทำให้คนรู้สึกหนาวสะท้านจนกัด กระดูกเลยทีเดียว

พอเห็นสีหน้าที่เย็นชาของชื่อจื่อ เหยียนก็ก้มศีรษะลงในทันที แล้วพูดว่า “ตามรายงานลับจากเมืองหลวง เป็นท่านหวา งเฟย….ที่ขับไล่คุณหนูเงินออกจากจวน กล่าวว่ามาถึงที่นี่ เพื่อ ปลูกฝังคุณธรรมบ่มเพาะอุปนิสัยพะยะค่ะ”

“เหอะ”เสียงหัวเราะเยาะดังออกมาจากริมฝีปากบางๆ ซีดนั้น นัยน์ตาที่ราวกับถูกระบายด้วยหมึกเข้มของทรงเชิงยวนกลอก กลิ้งไปมา “ปลูกฝังคุณธรรมบ่มเพาะอุปนิสัย? ข้าว่า มันก็คือ การที่ปรารถนาจะทำให้ตายและจมหายไปอย่างไม่สำคัญอะไร นั่นแหล่ะ”

ได้ยินจิตสังหารที่อยู่ในน้ำเสียงของชื่อจื่อ กล้ามเนื้อที่อยู่ทั่ว ร่างกายของตู้เหยียนล้วนตึงแน่นไปหมด

ลมปราณที่หนาวเย็นไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ราวกับว่า บรรยากาศจะถูกแช่แข็งในฉับพลัน

ผ่านไปสักพัก ทรงเชิงยวนก็เอ่ยปากออกมาว่า “พรุ่งนี้ ส่งนางกลับ

“พะค่ะ!” เหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน แล้ว พูดด้วยหน้าที่กังวลและกระวนกระวายใจว่า “จื่อ พระองค์ ลืมไปแล้ว ว่าพรุ่งหมอเทวดาคนนั้นจะจากไปแล้วนะย่ะ

แววตาของทรงเชิงเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาห่างเหินเขาลงมองเหยียน นัยน์ตาของเขาเป็นหมึกเข้มใครมองไม่ก่อนเลย

“แต่…ตู้เหยียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง กลับถูกเย็นชาของทรงเชิงยวนบังคับให้กลืนกลับไป ทำได้เพียงก้ม หน้า ด้วยเสียงค่อยพอใจว่า น้อมรับบัญชา

เหยียน เจ้าต้องไว้ คือสิ่งข้าติดนางทรงเชิงยวน ค่อยถอนสายตาเย็นชากำลังจ้องบนตัวของตู้เหยียน แล้วดวงที่ดั่งหมึกมองเข้าไปในม่านฝนอยู่ไกลแล้ว พูดว่า

ถ้าหากคนคนนั้น ตอนอย่าพูดถึงอาการเจ็บป่วยทาง ร่างกายของข้าเลย และไม่ต้องมายืน

แววไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นในดวงของตู้เหยียน

ทรงเชิงยวนยังคงพูดอยู่
“เขาต้องตายเพราะข้า ข้าติดหนีเขา เจ้าดูสิจวนอ๋องหัวที่ใหญ่ โต บุญคุณนี้ นอกจากคุณหนูรองแล้ว ขายังจะสามารถชดใช้ให้ ใครได้อีกเล่า?”

ตู้เหยียนนิ่งเงียบ

ตอนที่เกิดเรื่องนั้น เขายังไม่เป็นทหารองครักษ์ข้างกายชื่ออ แต่ทว่า ทุกครั้งตอนที่พัวพันถึงเรื่องนั้น ความรู้สึกผิดในใจของ พระองค์ ออก็หนักหน่วงจนทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกเลยทีเดียว

ทรงเชิงยวนไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก สายตาของเขาเคร่งขรึม และเอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงทำให้ไม่อาจคาดเดาจิตใจของเขา ได้

เงินชื่อนำน้ำอุ่นๆมาเช็ดคราบเลือดแห้งๆ ที่อยู่บนใบหน้า อย่างพิถีพิถัน ในขณะที่กำลังมองฟรูเอ๋อร์ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ก็ นึกถึงคนที่พักอยู่ในเรือนซีเซียง ดังนั้นจึงกำชับนางเบาๆว่า “หรู เอ๋อร์ เจ้าไปดูหน่อยซิว่า เรือนซีเซียงด้านนั้นหลับพักผ่อนกันแล้ว หรือยัง ถ้ายังไม่หลับ เจ้าค่อยเอาน้ำร้อนไปส่งนะ

“เจ้าค่ะคุณหนู” หรูเอ๋อร์กล่าวแล้วแสดงความเคารพ

แม้ว่าบ้านสวนหลังนี้จะถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน แต่ข้าวของ เครื่องใช้ที่จำเป็นยังมีอยู่อย่างครบครัน เป็นชื่อยื่นมือออกไป มองดูน้ำในถังไม้นี้ เบื้องหน้ากลับมีฉากในเรือนจำน้ำลอยออก มา นางหลับตา ถอดเสื้อผ้าลง แล้วจมตัวเองลงไปในน้ำอย่าง สมบูรณ์แบบ
วินาทีต่อมา นางก็สาดน้ำออก หน้าตาที่เย็นยะเยือกดูเหมือน จะถูกไอน้ำอุ่นๆค่อยๆทำให้อ่อนโยนขึ้นมาก

“ก๊อกๆๆ…” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา เป็นชื่อหันกลับไปมอง อย่างรวดเร็ว นางเพียงแค่มองผ่านฉากกำบังลมเท่านั้น เห็นร่าง เงาที่สูงชะลูดร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตู

นางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใคร?”

“ข้าเอง…” ชายคนนั้นหยุดพูดสักพัก “ทรงเชิงยวน

พอได้ยินว่าเป็นทรงเชิงยวน สีหน้าที่ตึงเครียดของเงินชื่อก็ ผ่อนคลายลง แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันก็คลุมเครือและอึดอัด ใจ นางก็เลยจําเป็นต้องยืนขึ้น นางเช็ดตัวแบบง่ายๆ แล้วก็สวม เสื้อคลุม และตะโกนออกไปว่า “ทรงชื่อจอมีอะไรให้หม่อมฉันรับ ใช้หรือเพคะ?”

“ยวนมีบางเรื่องอยากจะคุยกับแม่นางสักหน่อย” เสียงของ เขาใสสะอาดราวกับสายลมเย็นและพระจันทร์ที่สว่างไสวของเขา ทำให้ผู้คนไม่อาจออกมาจากภาพเพ้อฝันได้

เป็นชื่อเปิดประตูออกมา แล้วตรงไปเผชิญหน้ากับดวงตาหงส์ ที่เย็นชาและหล่อเหลาคู่นั้น

ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้เกินไปเล็กน้อย ไอน้ำที่อบอุ่นบน ร่างกายของเงินชื่อดูเหมือนว่าจะติดอยู่บนร่างกายของทรงเชิง ยวนแล้ว ดวงตาที่ใสแจ๋ว สีดำขาวแยกกันอย่างชัดเจนคู่นั้น เหมือนมีแสงที่เปล่งประกายเคลื่อนที่ไปมา
ทั้งคู่ชะงักงัน ในทันที

ทรงเชิงยวนกลับมามีสติอีกครั้ง เขาก้าวถอยหลังทันที แล้ว ตาลงแสดงความเคารพ “ยวนร่วงเกินแล้ว” ในที่ที่เป็นชื่อมองไม่ เห็นนั้นผิวหนังบริเวณข้างใบหูของเขามีสีแดงจางๆ

เงินชื่อรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยบนใบหน้าของตนเอง

ดังนั้น เมื่อทรงเชิงยวนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ต้องตาต้องใจกับ หน้าตาที่สวยงามดั่งดอกท้อเข้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ