ท่านอ๋อง ให้มันน้อยๆหน่อยเพคะ

บทที่ 4 ชื่อจื่อ



บทที่ 4 ชื่อจื่อ

เงินชื่อคิดไม่ถึงว่า สันเขาที่รกร้างว่างเปล่าในค่ำคืนที่เศร้า วังเวงแห่งนี้ จะยังสามารถเห็นรถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนทาง เล็กๆได้

ทุกส่วนของรถม้าคันนี้จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เนื้อสัมผัสอันอบอุ่น ละมุนละไมและวัสดุชั้นเลิศ ราวกับลายเส้นและไหมทองคำจะ ค่อยๆแทรกซึมออกมาท่ามกลางสายฝน

ในค่ำคืนที่ฝนตกและมีเสียงฟ้าร้องที่สั่นสะเทือนขวัญนี้ ภาพ ลักษณ์ที่เลอค่าและหรูหรานั้นก็ยังยากที่จะต้านทานได้

หนังตาของเงินชื่อกระตุกเล็กน้อย

นางจำวัสดุไม่นั้นได้ ตัวรถม้าคันนั้นทำมาจากไม้ตะขบฝรั่งที่มี สมญาว่า “กล่องสมบัติกล่องหนึ่ง ไม่สู้ไม้มะเกลือครึ่งซีก

ทั้งราชวงศ์เทียนหรงมีไม่เกินห้าคนที่จะได้รับเกียรติอันสูง ศักดิ์เช่นนี้

ขณะที่กำลังมองดูรถม้าคันนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามา ภายในใจ ของเงินซื้อก็ได้มีการคาดเดาถึงสถานะของเจ้าของรถม้าแล้ว

ในชานเมืองที่รกร้างเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะ เป็นท่านสูงศักดิ์ที่อยู่ในวังสามคนนั้น และแม่ทัพใหญ่สถาปนา แคว้นอายุเกือบร้อย แม้ว่าจิตใจจะยังฮึกเหิมมิเสื่อมคลาย แต่ ร่างกายที่ชราภาพนั้นก็ไม่ยอมให้เขาเดินทางไกลอย่างแน่นอน
ที่เหลืออยู่ ก็เหลือเพียงแค่คนคนนั้นเท่านั้น

นั่นก็คือพระอนุชาคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน บุตรชายคน โตของอ๋องทรงแห่งจวนอ๋องหรง ทรงชื่อจื่อ หรือทรงเชิงยวน นั่นเอง

พอคิดถึงชื่อของคนผู้นี้ เป็นชื่อก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก แววตา ที่ไม่อาจคาดเดาได้เปล่งประกายขึ้นภายในดวงตาชั่วขณะหนึ่ง

นางมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อบุคคลนี้มาก ไม่เพียง เพราะชื่อเสียงและความสามารถในตำแหน่งขุนนางแห่งเมืองหล วงของทรงเชิงยวนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะตอนที่พิจารณา ตัดสินคดีที่ต้าหลี่ซื่อ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยื่นคำร้องขอความ เป็นธรรมแทนท่านพ่อ ต้าหลี่ซื่อหรือศาลต้าหลี่ เป็นหน่วยงาน ราชการ ทําหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีอาญา

จากระดับที่กล่าวมาข้างต้น ทรงซื้อจื่อผู้นี้ก็ถือได้ว่ามีพระคุณ ต่อเงินชื่อและพ่อของนาง

“คุณหนูเจ้าคะ?” หรูเอ๋อร์ค่อยๆออกมาจากความรู้สึกหวาด กลัวได้แล้ว แต่พอเห็นคุณหนูยืนนิ่งอยู่บนถนน ก็อดไม่ได้ที่จะ มองไปในทิศทางที่นางมอง เมื่อเห็นรถม้าที่อยู่ไม่ไกลกันนั้น อย่างชัดเจน ใบหน้าเล็กๆของหรูเอ๋อร์ก็ซีดเผือด

แย่แล้ว ไม่ใช่ว่า…ถูกพบแล้วใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่ารถมาคันนั้นกำลังพุ่งตรงมาทิศทางที่พวกเป็นชื่อ ยืนอยู่ หลังจากนั้น ก็หยุดอยู่ข้างๆพวกนาง
เงินชื่อก้มศีรษะลงเล็กน้อย

ได้ยินเพียงน้ำเสียงที่แผ่วโผยละมุนละไมและเรียบง่ายดังออก มาจากภายในรถ

“คงเป็นคุณหนูเงินรองแห่งจวนอ๋องหัวใช่หรือไม่?” ต่อมา ม่านของรถคันนั้นก็ค่อยๆเปิดขึ้น สะท้อนสภาพการณ์ที่

อยู่ภายในรถออกมา

เพราะว่าจะต้องจัดการกับศพ ทั้งเป็นชื่อและหรูเอ๋อร์จึงสวม เพียงเสื้อกันฝนหนึ่งตัว ในคืนฝนตกที่หนาวเย็นนี้ ร่างกายของ เงิน อสั่นสะท้านเล็กน้อยจากความหนาวเย็น ริมฝีปากของนาง ขาวซีดเล็กน้อย นางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เพคะ เป็นชื่อ ถวายบังคมหรงซื่อจื่อ

“คุณหนูรองจะขึ้นมาบนรถหรือไม่?” น้ำเสียงของทรงเชิงยวน เป็นดั่งเช่นสายลมเย็นๆที่พัดผ่านภูเขาอันไกลโพ้น อบอุ่นละมุน ละไมดั่งหยก

เงิน ออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมา นางเห็นเพียงท่วงท่าที่ เนือยๆและดูสูงส่งหลั่งไหลออกมาจากภายในร่างกายของเขา ปรอยฝนและแสงจันทร์สลัวๆได้ทำให้ใบหน้าของเขาพล่ามัว แต่ กลับเพิ่มอารมณ์ที่แตกต่างไปอีกแบบ ทำให้คนยิ่งอยากจะเห็น ใบหน้าที่อยู่หลังม่านฝนว่าเป็นอย่างไร

ถึงแม้ว่าในชาติก่อนหรงซื้อจื่อผู้นี้จะเป็นคนยื่นค่าร้องทุกข์ขอ ความเป็นธรรมแทนท่านพ่อก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้มาด้วยตัวเอง
เพียงเพราะว่าเขาสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง ไปไหนมาไหนไม่ สะดวก ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งทหารองครักษ์ของเขามาแทน

สามารถกล่าวได้ว่า ในชาติก่อนได้ใช้ชีวิตมานานขนาดนั้น เงินซื้อกลับไม่เคยพบหรงซื่อจื่อคนนี้มาก่อนเลย คิดไม่ถึงว่าเขา จะหล่อเหลาและสง่างามถึงเพียงนี้ ดั่งสายลมเย็นๆและพระจันทร์ ที่สุกสกาว สมกับเป็นคนแรกๆ ในตลาดที่จะต้อง”โยนผลไม้ให้ เต็มรถ” (หมายความว่า สมกับเป็นผู้ชายที่มีรูปโฉมงดงามเป็น อันดับหนึ่ง)

“ขอบคุณทรงชื่อจอมากเพคะ” เป็นชื่อหรี่ตาลง แล้วพูดด้วยน้ำ เสียงที่อบอุ่นว่า “เพียงแต่บ้านสวนของหม่อมฉันอยู่ไม่ไกลนัก จึง ไม่รบกวนพระองค์ อจื่อแล้วเพคะ”

นางไม่แน่ใจว่าทรงเชิงยวนจะเห็นว่านางโยนศพหรือไม่ อีกทั้ง บนมือของนางยังมีเลือดติดอยู่ด้วย แม้ว่าทรงซื่อจื่อผู้ที่จะถือว่า เป็นผู้มีพระคุณในชาติก่อน แต่ในตอนนี้เรื่องที่เป็นชื่อสังหาร ผู้คน ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

พอคิดเช่นนี้แล้ว เป็นชื่อก็อดไม่ได้ที่จะบีบแขนเสื้อแน่น

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะที่สดใสและนุ่มนวลดังเข้ามาในห อย่างฉับพลัน เป็นชื่อขมวดคิ้วที่ดกดำขึ้น เพราะไม่เข้าใจความ ประสงค์ของทรงชื่อจื่อผู้นี้

“คุณหนูรอง ฟังคําเตือนของยวนสักหน่อย แม้ว่าฝนจะตกหนัก และมีน้ำหลาก แต่แม่น้ำมีลักษณะโค้งและตื้นเขิน หากต้องการ กำจัดศพ นี่คงไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
เงิน อเงยหน้าขึ้นในทันที ภายในแววตามีความประหลาดใจ แว็บผ่านเข้ามา แต่ทว่าข้างหลังนาง หรูเออร์ที่ไม่กล้าพูดอะไร สักคำก็กำลังตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

“นี่หรงซื่อจื่อหมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ?” หน้าตาที่อ่อน โยนของเงินชื่อก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งขึ้นมาในทันที แม้ ว่าทรงชื่อจื่อผู้นี้จะมีพระคุณกับนางในชาติก่อน แต่เป็นชื่อก็ไม่ ชอบให้คนอื่นมาคุกคามนางเป็นที่สุด

ในขณะที่กำลังมองแววตาที่น่าตะลึงงันที่ทะลุออกมาผ่านม่าน ฝน ทรงเชิงยวนตื่นตกใจเล็กน้อย รอยยิ้มอบอุ่นและจนใจก็ ปรากฏบนริมฝีปาก เขาพูดว่า “ยวนไม่ได้มีเจตนาร้าย คุณหนู รองไม่จำเป็นต้องเตรียมตั้งรับขนาดนั้นก็ได้”

“เพียงแต่พายุฝนนี้ดูเหมือนจะไม่มีเค้าว่าจะหยุดตกเลย อีก อย่างทหารและม้าของสวนได้วิ่งตะบึงมาหลายวันแล้ว จึงอยาก จะขออาศัยบ้านสวนของคุณหนูรองมาทำเป็นที่พักชั่วคราวสัก หน่อย” หน้าตาของเขาอ่อนโยนละมุนละไม แท้ที่จริงเขากำลัง บังคับจิตใจที่สูงส่งของตัวเองอยู่แน่ๆ “ถือซะว่าเป็นการ ตอบแทนที่ยวนยินยอมให้คุณหนูรองจัดการกับศพก็แล้วกัน”

จำต้องกล่าวว่า เป็นชื่อถูกคำพูดของเขาทำให้หวาดกลัว

แม้ว่าจะไม่มีปัญหาในการร้อยคำเหล่านี้กลับไปกลับมา เพียง แต่…นางคิดว่าทรงชื่อจื่อผู้นี้เป็นคนที่ซื่อตรงและมีจิตใจสูงส่ง งดงาม ไม่คิดว่าเขาจะช่วยนางกำจัดศพโดยไม่ถามถึงสาเหตุ ใดๆเลย?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับเป็นลางสังหรณ์บาง อย่าง เป็นชื่อรู้สึกว่าทรงชื่อจอผู้นี้จะไม่โกหกนาง

ครั้นแล้ว นางก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ด้านนั้นคงต้องรบกวน ชื่อจื่อแล้วเพคะ”

“เป็นเกียรติของยวนยิ่งนัก” ทรงเชิงยวนยิ้มเบาๆ

ในวินาทีต่อมา เงาสีเทาๆก็กระโดดออกมาจากหน้ารถ แล้วก ระโดดมาจนถึงริมแม่น้ำ

เมื่อสักครู่นี้ ความสนใจของเงินซื้ออยู่บนตัวของทรงเชิงยวน ทั้งหมด แต่นางกลับมองข้ามทหารที่เป็นคนขับรถคนนั้น แต่พอ มองดูในเวลานี้ กลับประหลาดใจที่ค้นพบว่า คนผู้นี้ ก็คือทหาร องครักษ์ที่นําหนังสือไปส่งแทนแรงเชิงยวน

ม่านฝนมืดครึ้มขมุกขมัว สามารถมองเห็นได้เพียงขวดอะไร บางอย่างที่องครักษ์หยิบออกมาจากหน้าอกของเขา หลังจากที่ เทศพลงไปแล้ว ภายในเวลาไม่นาน เงาสีดำของศพที่อยู่ไกลๆ นั้นก็สลายหายไป

หัวใจของเงินซื่อสั่นไหว ความประทับใจที่มีต่อหรงเชิงยวน ใน ชาติก่อนดูเหมือนว่าจะพังทลายลง ในช่วงเวลานี้แล้ว

นางเคยได้ยินการประเมินค่าที่มีต่อทรงเชิงยวนจากปากพ่อ ของนางว่า “ดุจดั่งอาทิตย์ลอยสูงเหนือหมู่เมฆ จิตใจละเอียด อ่อน” แม้แต่เสด็จลุง ซึ่งก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ก็ยังพูดว่า “อ่อน โยนและสง่างาม พรสวรรค์น่าทึ่งวาทศิลป์งดงาม” อีกทั้งยังเป็น ที่รู้จักกันตามท้องตลาดว่าเขามีอุปนิสัยที่ถือเอาเมตตาธรรมเป็นหลัก

แต่ดูเหมือนว่านี่จะแตกต่างจากที่เห็นตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง นางชักจะสงสัยแล้วว่านี่คือทรงเชิงยวนจริงๆ หรือไม่!

ไม่นาน องครักษ์คนนั้นก็ลอยตัวกลับมา แล้วทิ้งตัวลงไปที่แอก ของรถม้าอย่างมั่นคง

เห็นเพียงทหารองครักษ์แสดงความคารวะต่อคนที่อยู่ในรถ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานว่า “ซื้อจื่อ จัดการเสร็จแล้วพ่ะย่ะ

ทรงเชิงยวนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดผ่านม่านหน้าต่างด้วย เสียงใสๆว่า “คุณหนูรอง เชิญขึ้นรถเถิด”

เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้เป็นชื่อ เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกบางอย่างโดยไม่มีสาเหตุ นางสาย ศีรษะไปมา แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่เป็นไรเพคะ เนื้อตัวของ เงินชื่อเต็มไปด้วยน้ำฝนและโคลน เกรงว่าจะเลอะรถม้าของชื่อ จื่อ หรือไม่ก็หม่อมฉันเป็นผู้นำทางแบบนี้เถิดเพคะ”

ได้ยินคำปฏิเสธของนาง แววตาของทรงเชิงยวนลึกลงเล็ก น้อย แต่ใบหน้ายังคงสุขุมเยือกเย็นและสง่างาม เขาพูดเสียง เบาๆว่า “ในเมื่อคุณหนูรอยืนกรานเช่นนั้น…ยวนก็จะไม่ดื้อดึง ต้องรบกวนแล้ว”

เป็นชื่อลู่ตาลงไม่กล้ามองหรงเชิงยวน ก็เลยไม่เห็นสีหน้าของห รงเชิงยวนที่เปลี่ยนเป็นหมางเมินเหินห่างในชั่วพริบตาเพราะคำ ปฏิเสธของนาง
ในขณะที่หรูเอ๋อร์กำลังมองดูเรื่องราวเหล่านี้ ก็ไม่กล้าเปล่ง เสียงใดๆออกมา ได้แต่เดินตามหลังคุณหนูของตัวเองอย่าง เงียบๆ ท่าทางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

บ้านสวนอยู่ไม่ไกลจริงๆ ภายในเวลาไม่นาน คณะเดินทางก็ เข้าไปในบ้านสวนแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ