ท่านอ๋อง ให้มันน้อยๆหน่อยเพคะ

บทที่ 8 ท่านหวางเฟย



บทที่ 8 ท่านหวางเฟย

“บังอาจ!” พอได้ยินเสียงที่แหลมคมและโหดร้ายนั้นของฉาง มามา หูเกือโมโหมาก จึงพูดว่า “ข้าจะดูซิว่าใครจะกล้า!”

เสียงอันก้องกังวานของหูเกือดังก้องอยู่หน้าประตูจานอ๋องหัว บนใบหน้าที่ซื่อตรงและเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความโมโห เดือดดาล เขาพูดตำหนิอย่างรุนแรงว่า “นี่คืออากัปกิริยาที่บ่าว รับใช้ในจวนอ๋องหัวปฏิบัติต่อเจ้าของจวนอย่างนั้น?! หรือว่า อยากจะร่วงเกินต่อไป!

พลังอำนาจที่สยบใจคนได้ของจิงจ้าวยื่น ทำให้พลังอำนาจที่ พาลไม่มีเหตุผลของฉางมามาถูกทำลายลงไปในชั่วพริบตาเดียว นางร้อนรนเล็กน้อย แล้วพูดว่า “บ่าวไม่รู้วจึงจ้าวยืนอยู่ที่นี่ ท่าน ได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”

“ยกโทษให้! เหอะ!” หูเก๋อพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “มีฐานะ เป็นบ่าว ไม่เคารพเจ้าของจวนเช่นนี้และไม่รู้จักสำนึกผิด กลับมา ขอโทษข้า นี่คือข้อแก้ตัวอะไร? ”

พอได้ฟังคำพูดนี้ เป็นถิ่นที่อยู่ข้างหลังฉางมามาก็ไม่สบายใจ ขึ้นมา

นางเดินเข้ามาในชุดสีแดงที่กำเริบเสืบสาน แล้วพูด พะเน้าพะนอด้วยน้ำเสียงที่หวานละมุนว่า “ท่านลุงหู นี่ท่านพูด เรื่องอะไรเจ้าคะ ท่านพ่อยังอยู่ที่ชายแดน ส่วนท่านย่าก็อยู่ใน จวน ท่านพี่นางจะนับว่าเป็นเจ้าของจวนได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ!”
พูดจบ เธอก็เอามือปิดปากด้วยความเสียใจ นางพูดด้วยน้ำ เสียงน้อยใจอย่างมีจริตจะก้านเล็กน้อยว่า “ท่านพี่ ท่านจะมา โทษข้าไม่ได้นะเจ้าคะ จีนเอ๋อร์พูดไวใจเร็ว ตรงไปตรงมา ไม่ได้ ตั้งใจพูดเรื่องความคิดของท่านออกมาเลย

“ความคิด ? ความคิดอะไร” เป็นชื่อทำหน้าตาเย็นชา ตาหงส์ ที่ขาวแยกกันอย่างชัดเจนคู่นั้นมีลมปราณที่หนาวเย็นบางๆ แฝงอยู่ นางมองดูเวินจีนราวกับกำลังมองดูตัวตลกที่เต้นแร้งเต้น กา “ข้าไม่เห็นรู้อะไรเลย น้องจีน…เจ้ารู้ได้ยังไง?

สิ่งที่เป็นจีนชอบที่สุดก็คือชอบเสแสร้งให้ตัวเองติดนิสัยปากไว ใจเร็ว พูดตรงไปตรงมา ซึ่งนางจะเอามีดแทงคนหนึ่งแผล แล้ว ค่อยขอโทษด้วยการตีหน้าเซอเช่นนี้ทุกครั้ง

ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจีนจะมีชื่อเสียงที่ดีในด้านความ ซื่อตรงและตรงไปตรงมา แต่คนที่ถูกนางมุ่งร้ายกลับเป็นเหมือน คนใบ้กินองโน้ย ที่ขมแต่พูดไม่ออก

และเวินชื่อเคยเชื่อใจเงินจีนอย่างหาที่สุดมิได้ ถึงขั้นเชื่อว่า นางเพียงแต่เป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเท่านั้น ถูกเงินจีนใส่ ร้ายนับครั้งไม่ถ้วน จวบจนก่อนที่จะตายจึงได้เห็นสีหน้าที่แท้จริง ของเวินจิ่นได้อย่างชัดเจน

ในเวลานี้ เมื่อเงินจีนได้ยินว่าเป็นชื่อไม่ได้ติดกับดักของนาง ลูกนัยน์ตาของนางก็กลอกกลิ้งไปมา แล้วพูดด้วยหน้าตาที่น่า สงสารว่า “ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ จินเออร์ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวซื่อเป็นบุตรีหลวงของพี่เงิน จะไม่ใช่เจ้าของจวนได้อย่างไร” หูเกือมองไปที่เป็นจีนแล้วพูดเสียงดัง “เงินจีน ทำไมเจ้า ถึงต้องใส่ร้ายเสียชื่อด้วย แถมยังไม่ให้นางเข้าจวนอีก?” (บุตรี หลวงคือลูกสาวคนโตของเมียหลวง)

“จิ๋นเอ๋อร์เปล่าเจ้าค่ะ!” เป็นจีนยึดคอยาวพูดทันที ภายใต้ สายตาของผู้คน ก็แสร้งทำเป็นก้มหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วพูดว่า “จิ้นเอ๋อร์ทราบดี รับปากท่านพี่เอาไว้แท้ๆว่าจะไม่พูด เรื่องที่ทำพระพุทธรูปแตกออกมา แต่เพราะกลัวว่าท่านน่าจะ โกรธจนร่างกายย่ำแย่มากเกินไป ก็เลยพูดออกไปโดยไม่ ระวัง…เป็นเพราะจีนเอ๋อร์เองที่ไม่รักษาคำมั่นสัญญา

เงินจีนชอบแต่งตัวสวยหยาดเยิ้มให้ผู้คนประทัยใจอยู่เสมอ และเชี่ยวชาญที่สุดคือการแสดงละครต่อหน้าผู้คน ในขณะที่นาง พูด หยดน้ำตาขนาดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วก็ร่วงลงมาในทันที ฉางมา มาที่อยู่ข้างๆ จ้องมองนางด้วยความเจ็บปวดใจอยู่พักหนึ่ง แล้ว จึงพูดว่า “คุณหนูสาม นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกเจ้าค่ะ ที่ท่า นทำน่ะถูกแล้วเจ้าค่ะ!”

ทันใดนั้น นางก็หันหน้าไปมองที่เป็นชื่อ ในสายตาเต็มไปด้วย ความเกลียดชังและขยะแขยง “ไม่เหมือนคนอกตัญญูบางคน ทำ ผิดแล้วยังไม่ยอมรับการลงโทษ ยั่วยุให้คนหลายคนมาก่อความ วุ่นวายตั้งมากมาย!”

ทั้งสองคนประสานเสียงสอดรับซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแต่จะทำ ให้เงินซ่อมีชื่อเสียงในเรื่องความอกตัญญูและสาดน้ำสกปรกใส่ นิสัยด้านศีลธรรมของนางแล้ว ยังทำให้เป็นจีนมีชื่อเสียงในเรื่อง ความกตัญญูและซื่อสัตย์จริงใจอีก เมื่อรวมกับน้ำตาของเงินจีนผู้คนจำนวนมากที่ชมอยู่โดยรอบก็มีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่บาง แล้ว

อย่างไรก็ตาม หูเก๋อที่เชื่อในอุปนิสัยของเป็นชื่อกลับไม่สงสัย เลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่เป็นชื่อ แล้วพูดว่า “เสี่ยวซื่อ เจ้าพูด มาชิก

เป็นชื่อรู้ว่า เรื่องแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจและอ่อนแอนั้น

นางไม่เชี่ยวชาญเท่าเงินจีนเลย

นางจึงก้าวไปข้างหน้า เผชิญหน้ากับใบหน้าที่สะอาดหมดจด และน่าสงสารของเงินจีน แล้วพูดอย่างเฉยเมยและสุภาพว่า “พระพุทธรูปหยกองค์นั้น เป็นจีนเป็นคนทำแตกชัดๆ ข้าจำได้ว่า เวินจิ้นยังมีกระทั่งแผลที่เกิดจากการถูกเศษหยกของพระพุทธรูป หยกกรีดอยู่บนแขนด้วยล่ะ…”

พูดจบ เวินชื่อจับมือของเงินจีนเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็ว แล้ว เปิดเผยบาดแผลออกมาจากกระบอกเสื้อ บนแขนนั้นมีบาดแผล อยู่จริงๆ!

“คุณพระคุณหนูสามใส่ร้ายคุณหนูรองจริงๆด้วย “คุณหนูสามทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร

“คิดไม่ถึงเลยว่าลูกเมียน้อยจะสูงส่งไม่เท่าลูกเมียหลวงจริงๆ”

ผู้คนที่อยู่รอบๆกำลังพูดคุยจับผิดกันอยู่ห่างๆ เมื่อได้ยินคำว่า “ลูกเมียน้อย คำนั้น แววตาของเงินจีนก็มีแสงแห่งความดุร้าย วาววับขึ้นมา
“เวินจิ๋น! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำเรื่องแย่ๆเช่นนี้ออกมาได้ แม้ว่าหูเก๋อจะพูดว่าไม่ได้มีอคติกับเรื่องภรรยาหลวงกับภรรยา น้อย แต่ในใจเขายังคงเข้าข้างเป็นชื่ออยู่ และตอนนี้เงินจีนได้ใส่ ร้ายเงินชื่อ เขาจะทนได้อย่างไร

“ไม่!” เงินจีนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นางใช้แรงสะบัดมือของ เงินชื่อออก ร้องไห้แล้วพูดว่า “นี่ นี่คือแผลที่ข้าได้รับตอนที่ทำ อาหารให้ท่านย่า ในวันนี้ ข้าไม่ระวังจึงถูกบาดเข้า…”

“ถูกบาดรี?”เป็นชื่อเลิกคิ้วขึ้น สายตาที่เย็นยะเยือกราวกับหิมะ มองลงไปบนมือของเว้นจิ้น แล้วพูดอย่างสุขุมเยือกเย็นว่า “ถ้า บอกว่านี่คือบาดแผลที่ถูกมีดบาด ปากแผลนั้นจะต้องตรงและตื้น เขิน แต่บาดแผลที่อยู่บนมือของเจ้า มีระดับความลึกและความ ตื้นสลับซับซ้อนไม่แน่นอน…

สายตาของหูเก๋อจ้องเขม้น ผู้คนรอบข้างก็อดไม่ได้ที่จะกลั้น ลมหายใจเอาไว้

“อีกอย่าง…เจ้าบอกเองว่าเจ้าถูกบาดวันนี้ เช่นนั้นทำไม บาดแผลบนมือของเจ้าถึงยังไม่ไปให้หมอพันแผลให้มันแข็งตัว และเริ่มตกสะเก็ดแล้วใช่หรือไม่?”

เสียงของเวินชื่อเฉยเมยเป็นอย่างมาก ไม่พูดเร็วพูดช้าไป เห็น ได้ชัดว่าสงบและสุภาพงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้เป็น นพูดอะไรไม่ออกในทันที

“พอได้แล้ว! เจ้าคิดจะทำอะไรซิ่นเอ๋อร์” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ หญิงที่แก่หง่อมเล็กน้อยแต่แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากภายในจวน เห็นเพียงท่านหวางเฟยที่สวมหมวกขนสัตว์ สีสันสวยงามและสวมใส่เงินทองทั้งตัว กำลังเดินมาทางนี้ภาย ใต้การปรนนิบัติรับใช้ของบรรดาสาวใช้

ดวงตาของเงินชื่อก็เย็นชาขึ้นมาในทันที ราวกับมีน้ำแข็งและ หิมะเกาะอยู่ในดวงตา

“ท่านย่า!” พอเห็นบุคคลที่เป็นแกนสำคัญมาแล้ว เงินจีนก็รีบ

วิ่งไปด้วยความน้อยใจทันที อีกทั้งยังปาดน้ำตาที่มุมตาไปพลาง

ท่านหวางเฟยกุมมือของนางเอาไว้ด้วยความรักใคร่เอ็นดู แล้วตบเงินจีนไปมาด้วยความสงสารเพื่อปลอบใจนาง หลังจาก นั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เป็นชื่อ ภายในแววตามีความเฉยเมย และความเกลียดชังที่รางเลื่อนเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ก่อความ เดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว เจ้ามีความสุขไหม? ข้าให้เจ้าไปปลูกฝัง คุณธรรมบ่มเพาะอุปนิสัยในบ้านสวน เจ้ากลับคิดที่จะฝ่าฝืนข้า แล้ววิ่งกลับมารังแกจิ๋นเอ๋อร์ เป็นรูปแบบอันพึงถือปฏิบัติแบบใด กัน!”

“ท่านหวางเฟย ท่าน…หูเกือกำลังพูดแทนเงินซื่อ ท่านหวา งเฟยกลับพูดขัดจังหวะเขาโดยไม่ลังเลว่า “อานมามาที่ข้าส่งไป อยู่ข้างกายเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ!”

ดวงตาของท่านหวางเฟยช่างร้ายกาจเสียจริงๆ เป็นชื่อเขม้น ตามอง แต่ภายในใจกลับเย็นชาหาใดเปรียบ

ดูเหมือนว่าความทุพพลภาพในชาติที่แล้วของนาง คงหนีไม่ พ้นความรับผิดชอบของท่านหวางเฟยเช่นกัน
“ใช่แล้ว อานมามาล่ะ!”สายตาของเงินจีนขยับไปมา แล้วพูด ด้วยน้ำเสียงอ่อนช้อยว่า “ท่านพี่ ทำไมไม่เห็นอานมามาแล้วล่ะ เจ้าคะ หรือว่าท่านจะทำเรื่องไม่ดีอะไรแล้วถูกอานมามาพบเห็น ท่านก็เลยลงโทษนาง?

เรื่องไม่ดี? ประโยคนี้เหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในสระ น้ำ ทำให้เกิดคลื่นลูกหนึ่งซัดสาดเข้าไปในฝูงชน

เงินซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่ท่านหวางเฟยอย่าง เย็นชาและพูดว่า “เมื่อคืนวานที่บ้านสวนประสบกับหัวขโมย เพื่อ ปกป้องข้า อานมามาจึงถูกพวกหัวขโมยสังหารเจ้าค่ะ”

“ไม่ใช่ว่าท่านพี่กับหัวขโมยนั่นทำอะไร แล้วถูกอานมามาพบ เข้า ดังนั้นก็เลย…สายตาของเงินจีนค่อยๆเปลี่ยนเป็นสายตาที่ อำมหิตขึ้น นางพูดโพล่งออกมาหลังจากนั้นก็แสดงลูกไม้เก่าๆ “อุ๊ย จิ่นเอ๋อร์ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ จีนเอ๋อร์ไม่ควรพูดเลย…ความ หมายที่แฝงอยู่ในคำพูดที่ลึกซึ้งของนาง ดึงดูดให้ผู้คน จินตนาการไปไกล

“เรื่องนั้น ทำไมข้าถึงไม่รู้เลยล่ะ?” ทันใดนั้น เสียงของชายผู้ หนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ