บทที่ 16 ข้อแลกเปลี่ยน
“ก็ดี! เพราะฉันเองก็ไม่อยากให้เล็กเขารู้เรื่องนี้ เธอเองก็ เหมือนกันใช่ไหม?” ติณณ์พูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“ฉันนัดเธอมาวันนี้ ก็เพราะอยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้ล้อเล่น ดู นี่ซะ!”
ติณณ์กดปุ่มเพลย์วีดีโอในสมาร์ทโฟน ก่อนจะวางมันพึงกับ เมนูอาหาร ให้ปรารถนาเห็นภาพเคลื่อนไหวที่แม้จะไม่ชัดนัก แต่ ก็พอจะมองเห็นว่าใครเป็นใคร
หญิงสาวดูดโกโก้เย็นค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นภาพจากมุมสูง ในวินาทีที่เธอลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปตบหน้าเขา ก่อนภาพจะดู ราวกับว่าเธอกำลังเข้าไปตุ้บตั้บประทุษร้ายอย่างที่เขาพูดจริงๆ
โดยที่เขาไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย ราวกับว่าเธอคืออาชญากร กระนั้น!
เขาเก็บสมาร์ทโฟนกลับคืน แล้วเอนหลังกอดอก
“ฉันใช้เวลาสองวันในการไปเจรจาซื้อเทปจากทางร้าน รู้ไหม ว่า…ถ้าคลิปหลุดไปถึงมือคู่ค้าของบริษัทฉัน ตลาดหุ้นเมืองไทย สะเทือนแน่ และเธอก็จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายนับพันล้านแต่ เพียงผู้เดียว หี…แต่ดูแล้วเธอคงต้องเกิดใหม่อีกร้อยชาตินั่นล่ะ จึงจะหาเงินจํานวนนั้นมาให้ฉันได้ ทีนี้คงเข้าใจแล้วนะว่านี่คือความแตกต่างระหว่างหัวหมากับทางราชสีห์
“ค่ะ” ปรารถนาหลุบตาลงต่ำ เมื่อเข้าใจความหมายที่เขา เปรียบเทียบมันขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเกินกว่าจะเป็นขน หมาเสียด้วยซ้ำ
“ฉันเองก็ไม่อยากจะให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ และ เห็นแก่เธอที่ทำงานรับใช้ญาติฉันอย่างซื่อสัตย์ ฉันเลยมีข้อเสนอ มาให้เธอทําเพื่อลบล้างความผิด
“นี่จะไม่ถามก่อนเรอะว่าฉันจะเสนออะไร?” เขาไม่ใคร่จะ พอใจนัก ที่เธอเอาแต่ก้มหน้ารับคำท่าเดียว
“ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอคะ?”
“ก็ไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มน่าเกลียด “ฉันมีงานให้เธอ ทํา”
“งาน?”
“ใช่! งาน อ้อ! แต่ไม่ต้องกลัวนะว่าจะกระทบกับงานเด็กเสิร์ฟ ของเธอ เพราะงานของฉันทำแค่วันเดียวเท่านั้น แล้วก็เป็นงาน ง่ายๆ คนอย่างเธอน่าจะทำได้
“งานง่ายๆ เอ่อ…คุณ อย่าบอกนะว่าคุณจะให้ฉันทำเรื่องผิด กฎหมาย” เธอถามเสียงเบา เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“เห็นฉันเป็นมาเฟียหรือไง!” ติณณ์กระแทกเสียง
“เอ่อ คุณบอกรายละเอียดให้ชัดเจนได้ไหมคะ?”
“ก็แค่เอาเอกสารสําคัญชิ้นหนึ่งไปให้เพื่อนฉันที่ตลวรรณ รีสอร์ท ในวันเสาร์หน้าเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก พอดีฉันติดงาน เลยไปไม่ได้”
“แค่นั้นเหรอคะ?” เธอถามหวั่นๆ ไม่คิดว่าเขาจะให้ทำอะไร ง่ายๆ แบบนี้
“ก็แค่นั้นแหละ ฉันไม่ไว้ใจใคร แต่เธอ…ฉันเห็นว่าทำงานกับ คุณชายมานาน ว่ายังไง…ทำได้หรือเปล่า?”
เขาไม่ได้ถามว่า จะทำหรือเปล่า แต่ถามว่า ทำได้หรือเปล่า เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะตอบว่า “ไม่ได้” อยู่แล้ว
“ค่ะ…แต่ว่า…ฉันมีเรื่องจะเสนอคุณเหมือนกัน”
“ว่ามาส” เขาพยักหน้า โล่งอกที่เธอยอมรับแต่โดยดี
ปรารถนารีบล้วงเข้าไปในกระเป๋า คุ้นทุกๆ กักๆ มือไม้สั่น แล้วหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา บรรจงเขียนข้อความยาว เหยียดลงในกระดาษแปลาสองใบ แล้วยื่นมันไปตรงหน้าเขา
ติณณ์หยิบมันขึ้นมาอ่าน แล้วเขาก็เบิกตาด้วยความประหลาด ใจ ก่อนจะมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยค่าถาม แม้จะอ่านมัน จนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก็ตาม
“นี่อะไร!?”
“คือ…มันเป็นสัญญา…ว่าคุณจะรักษาสัญญา ไม่แจ้งความ ไม่เอาเรื่องฉันน่ะค่ะ ฉะ…ฉัน…คิดว่า ฉันควรจะได้รับความยุติธรรม บ้าง”
“ฮ่าๆๆๆ” ชายหนุ่มเงยหน้าหัวเราะ แล้วหยุดกึกกะทันหัน “เธอนี่! หัวหมอกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ ก็ได้! ฉันจะเซ็นให้ แต่ถ้า เอกสารไม่ถึงมือเพื่อนฉัน…ฉันเอาเธอตายแน่!” เขาขู่ ก่อนจะดึง ปากกาจากมือเธอจจรดลงลายเซ็นในช่องที่เธอเว้นไว้ให้
“ประทับรอยนิ้วมือด้วยค่ะ” หญิงสาวล้วงแป้นหมึกออกจาก กระเป๋า แล้วฉวยจังหวะเขาเผลอดึงนิ้วโป้งของเขามาจุ่มกับหมึก แล้วประทับลงทับลายเซ็นอีกที
“นี่เธอ!” เขารีบดึงมือออก มองหน้าเธอด้วยความขุ่นเคือง
“เราเก็บไว้คนละฉบับนะคะ” เธอรีบเก็บใบหนึ่งลงในกระเป๋า พร้อมกับอุปกรณ์ทั้งหลายที่หยิบออกมา ดูดโกโก้ที่เริ่มจืดชืด เหมือนน้ำเปล่าจนหมดแก้ว แล้วผุดลุกยืนขึ้น
“ถึงวันแล้ว คุณโทรบอกฉันนะคะ ฉันจะไปรับและไปส่ง เอกสารให้ถึงมือเพื่อนคุณเลยค่ะ ฉันกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
“เฮ้…เฮ้” ติณณ์เอ่ยปากจะทักท้วง เมื่อเธอพูดซะลิ้นรัวแล้วก็ เดินออกไป
เหมือนเธอจะได้ยินเสียงของเขา ยังไม่ถึงประตู เธอก็เดินกลับ มา ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าและควักแบงค์ยี่สิบกับเหรียญอีก กองหนึ่งออกมานับอย่างรวดเร็ว แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ
“เกือบลืม…” เธอยิ้มบางๆ ให้เขาเป็นครั้งแรก “ค่าน้ำในส่วนของฉันค่ะ”
คราวนี้หญิงสาวเดินออกไปแบบไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย
“เฮอะ…” ติณณ์แค่นหัวเราะ ไม่คิดว่าจู่ๆ แม่นั่นจะเผื่อแผ่รอย ยิ้มมาให้มองเหรียญบาทกว่ายี่สิบเหรียญที่ตั้งเรียงเหมือนตึกสูง ทับแบงค์ยี่สิบอย่างไม่เชื่อสายตา
“ผู้หญิงแบบนี้ก็มีด้วย”
เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าหลังน้อย ปรารถนาก็รู้ว่า เธอไม่ สามารถปลดแอกความไม่สบายใจออกไปได้อย่างที่คาดหวัง เพราะวันที่เธอจะบรรลุพันธะสัญญากับติณณ์นั้น ตรงกับวันจัดพิธี แต่งงานของกุลธรและสุภาวดี
จะว่าจัดพิธีแต่งงานก็ไม่เชิงนัก รูปแบบของงานที่มารดาเล่า ให้ฟังนั้น เป็นเพียงการรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างสอง ครอบครัวมากกว่า และก็อีกนั่นล่ะ…เธอกับแม่ไม่ได้มาจาก ตระกูลที่ร่ำรวย และญาติที่อยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่สะดวกใจที่จะมา ดังนั้น คุณกุลธรจึงเชิญเฉพาะญาติสนิทของเขา และจะไปกราบ ไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวเธออีกครั้งหนึ่ง
นั่นก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ทำไมต้องไปจัดพิธีแต่งงานที่ ดลวรรณรีสอร์ทในวันนั้นด้วยเล่า?
“ปลั๊กอย่าลืมไปลองชุดนะลูก เจ้าของร้านโทรมาว่ายังไม่เห็น ปลั๊กเข้าไปเลย เพื่อต้องแก้แบบแก้ขนาด ประเดี๋ยวจะไม่ทัน สุภาวดีเตือน ขณะช่วยกันพับผ้าใส่กล่องพลาสติกใบใหญ่
“อุ้ย! แม่จ๋า ถ้าแม่ไม่บอก ปลั๊กก็ลืมไปเลยนะจ๊ะเนี่ย” หญิง สาวอุทานตาโต เพราะลืมไปแล้วจริงๆ
“พรุ่งนี้แม่จะแวะไปรับชุดตอนเย็น ปลั๊กไปพร้อมแม่ไหมล่ะ เดี๋ยวคุณกุลธรส่งคนมารับ
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เธอรีบปฏิเสธ ไม่สะดวกใจจริงๆ ที่จะเป็นคุณ หนูนั่งรถที่มีพลขับ
“ปลั๊ก…ถ้าการที่เราย้ายเข้าไปอยู่กับครอบครัวคุณกุลธร ทำให้ปลั๊กไม่สบายใจ ปลั๊กบอกแม่นะ” สุภาวดีบอกกับบุตรสาว รู้ดีว่าปรารถนาเป็นเด็กที่ซื่อตรงและบริสุทธิ์เกินไปสำหรับโลกที่ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยวัตถุและค่านิยมแห่งการบูชาความมั่งคั่ง
เด็กคนนี้เรียนจบมัธยมศึกษาในโรงเรียนสตรี สวมแว่นและ มีเพื่อนที่อยู่ในระดับเดียวกันเพียงไม่กี่คน คนที่ไม่สวย ไม่รวย ไม่เป็นจุดเด่น สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและทำให้รู้สึกมีค่าทัดเทียม คนอื่น นั่นคือผลการเรียนที่เป็นเลิศ และเกียรติบัตรจากคะแนน ความประพฤติเท่านั้น
“ถ้าได้อยู่กับแม่ ที่ไหนปลั๊กก็อยู่ได้จ้ะ เดี๋ยวปลั๊กได้ทราน สคริปต์แล้ว ก็ต้องออกตระเวนสมัครงาน บางทีอาจจะได้งานที่ ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดก็ได้นะจ๊ะ”
“อย่างนั้นแม่ก็เหงาแย่สิ” สุภาวดียิ้มเพื่อนๆ ไม่กล้าบอกว่ากล ธรนั้น ต้องการให้ปรารถนาช่วยติณณ์ดูแลกิจการของบริษัท แล้วบุตรสาวของเธอ ก็ไม่เคยศรัทธาระบบเส้นสายเลยจริงๆ
ถ้าอย่างไร…คงต้องยืดเวลาออกไปก่อน เธอจะยังไม่บอกในตอนนี้
“จ๊ะ?”
“คือว่า…งานวันเสาร์ เราต้องทำอะไรบ้างจ๊ะ?
“ก็…ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากหรอกจ้ะ แค่นั่งกินข้าวกับ ครอบครัวและญาติๆ ของฝ่ายนั้น แล้วก็ให้ญาติผู้ใหญ่สวม แหวนให้แค่นั้นเอง แม่ก็ไม่อยากจัดนะเพราะเราก็ไม่ใช่หนุ่มสาว แต่คุณกุลธรต้องการรวมญาติๆ ด้วยน่ะจ้ะ ปลั๊กมีอะไรหรือ เปล่า?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ