โซ่เสน่หา

บทที่ 9 กล้าปฏิเสธฉันหรือ



บทที่ 9 กล้าปฏิเสธฉันหรือ

“สวัสดีครับ”

ติณณ์มิได้พนมมือไหว้ หากแต่ก้มศีรษะลงนิดๆ ตามมารยาท เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นว่าที่ภรรยาใหม่ของบิดา ทว่าดูจาก อายุแล้ว เธอก็ห่างจากเขาไม่ถึงยี่สิบปี ซึ่งไม่น่าจะนับเป็นแม่หรือ น้าได้

ประเมินด้วยสายตาแล้ว เธอมิได้แต่งตัวฉูดฉาดอย่างที่คาด การณ์ไว้ เสื้อผ้าเรียบๆ เชยๆ ผมมวยขึ้นด้านหลังผูกตาข่ายสีดำ เรียบร้อย หน้าตาผิวพรรณจัดว่าดีแม้ไม่ได้รับการแต่งแต้ม แถม ยังดูเงียบๆ ผิดกับที่คิดไว้อยู่มาก

นี่ล่ะ! เสปกพ่อ จืดๆ หงิมๆ อยู่ในโอวาท นกเป็นนก ชี้ไม้เป็น ไม้

“สวัสดีค่ะ” สุภาวดียิ้มตอบเกร็งๆ แม้จะเคยเห็นรูปถ่ายของ บุตรชายและบุตรสาวของว่าที่สามี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัว จริง ไม่รู้ว่าจะได้รับการยอมรับหรือต่อต้านเรื่องการแต่งงานใหม่

“ลนาล่ะ? ไม่ได้รับน้องมาพร้อมกันหรือ?” กุลธรถามหาบุตร สาวที่มักจะมาสายเสมอ

“เดี๋ยวก็คงถึงครับ รายนั้นไม่สวยออกจากบ้านไม่ได้

“จะแต่งไปแข่งกับใคร ไม่รู้จักรักษาเวลา” ประมุขแห่งเอ็มไพร์ กรุ๊ปบ่น
“เด็กผู้หญิงน่ะค่ะ ก็ต้องพิถีพิถันเป็นธรรมดา วันนี้วันสำคัญที่ คะ” สุภาวดีช่วยแก้ต่างให้ ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ เพราะดู สีหน้าของติณณ์แล้ว เขาก็ไม่ได้ดูยินดีนักที่ต้องมาดินเนอร์พร้อม หน้าพร้อมตา ในคืนนี้

“ลูกสาวคุณน่ารักกว่าอีก” กุลธรรีบพูดเอาใจ

ผู้เป็นบุตรชายมองภาพสวีทของคนแก่อยากมีเมียแล้วส่าย หน้า ค่อนขอดบิดาในใจที่ไม่รู้จักอายบ้าง ทั้งเริ่มจะมีอคติกับ ว่าที่แม่เลี้ยงขึ้นมาตงิดๆ

นี่คงจะแกล้งทำตัวหงิมๆ ให้พ่อตายใจ เพราะรู้ว่าพ่อชอบคน เรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือนล่ะสิ แถมยังมีเรือพ่วงเป็นลูกสาว มาอีกหนึ่ง คงถอดแบบแม่ออกมาแหงๆ

แล้วนี่อะไร ลูกสาวตัวเองก็สายเหมือนกัน ไม่เห็นพ่อจะตำหนิ อะไรบ้างเลย เขารีงานกองท่วมหัวต้องกลับไปสะสางยังสละเวลา มานั่งดูคู่รักวัยทองอยู่

ก็ยังดีทีบรรยากาศสงบๆ ของร้าน ช่วยไม่ให้เขาเบื่อมากนัก ในเมื่อไม่อยากมองภาพเลี่ยนๆ เขาก็กวาดสายตามองหาสาวๆ สวยๆ ในร้านแทน

ไม่ถึงอึดใจ ร่างบางระหงในชุดแซ็กรัดรูปของยลนาก็โผล่เข้า มา พร้อมกับลีลาการยักย้ายส่ายสะโพกราวกับกำลังเดินอยู่บน แคทวอล์ค

ยังไม่ทันที่ยลนาจะพนมมือไหว้ทายทัก เขาก็ชิงพูดขึ้นมาแบบเซ็งๆ
“แต่งตัวครึ่งวัน สวยได้แค่นี้!!!

“พี่ติณณ์!! ยลนาเม้มปาก ส่งท้อนให้พี่ชาย แล้วหันมายิ้ม หวานให้บิดาและเพื่อไปให้ว่าที่แม่เลี้ยง “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณ อา”

“นั่งลงเถอะ แต่งตัวแบบนี้กินข้าวเสร็จจะไปไหนต่อล่ะ?” กุล ธรถามเสียงด

“แหม…ลนาแต่งชุดนี้มาเพื่อวันแห่งครอบครัวเลยนะคะ ไม่ได้ จะไปเที่ยวต่อสักหน่อย

“ก็ดูเหมาะกับหนูลนาดีนะคะ หุ่นสวยๆ ใส่ขึ้นออกค่ะ” สุภาวดี รีบคลี่คลายสถานการณ์

“ตาย! คุณอาตาถึงนะคะ ใครๆ ก็บอกค่ะว่าลนาเหมาะจะ เป็นนางแบบ อา…แล้วนี่เรามากันครบแล้วใช่ไหมคะ สนาหิว

มากเลยค่ะ”

“หึ!” ติณณ์แค่นหัวเราะน้องสาว ที่ทำตัวระริกระรี้จนออกนอก หน้า

กุลธรหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามสุภาวดี แม้จะรู้แล้วว่า ปรารถนายังไม่เลิกงาน แต่ก็อยากจะรอให้พร้อมหน้าพร้อมตา กันก่อน

“เชิญเลยค่ะไม่ต้องรอ” สุภาวดีรีบบอก “ทานเถอะค่ะ คุณเอง ก็ต้องทานยาหลังอาหารเหมือนกัน”

กุลธรจึงพยักหน้า จากนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ทยอยยกอาหารมาวางจนเต็มโตะ

ทางด้านปรารถนากำลังเผชิญหน้ากับแขกกิตติมศักดิ์ของภัทร ต้องหัวหมุนไปหลายตลบ เพราะการสําแดงฤทธิ์เดชของ กวินตรา ตัวเอง

เธอต้องจดตรงนี้ เดี๋ยวแก้ เดี๋ยวก็เปลี่ยน ตามแต่ขึ้นได้ จนร่ำอยากวิ่งไปหยิบโทรศัพท์แทน

“จดไหม?กวินตรายืนกอดอกไขว่ห้าง ทำก้มหน้าลงถามคนกว่า ให้อีกลง

“ค่ะ นี่ค่ะปรารถนายื่นสมุดโน้ตไปให้ พลางเหลือบมอง นาฬิกาแขวนผนังที่เข็มสั้นใกล้จะแตะสิบเก้านาฬิกาแล้ว

“แบบนี้อ่านโน้ตบุ๊คไม่เหรอให้ช่วยคุณไปพิมพ์ให้เสร็จวันเลย กวิน รอ

เอ่อปรารถนาอีกอักๆ หน้ามองกรภัทร เธอบอกเลยว่าวันจะทำล่วงเวลา เพราะนัดสำคัญอยู่ แล้วเขายศก็กำลังวุ่นกับการต้อนรับแขก…

ปลั๊กธุระที่หรือเปล่า เห็นทำกรภัทรแสร้งถาม แม้จะเดาแต่เธอเหลือบมองนาฬิกาบ่อยๆ แล้ว ว่าปรารถนาจะต้องมีธุระสำคัญอะไรอีกแน่ เพราะคน อย่างเธอถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ จะไม่ยอมเสียค่าโอทีเด็ดขาด

“คือ…ปลกนัดกับแม่ไว้น่ะค่ะ ก็เลยจะขออนุญาตผู้จัดการไม่ ทําโอที”

“อ้าว! ปานนี้ไม่ใช่ท่านจะรอนานแล้วหรือ?” เขาทําเสียงเป็น เดือดเป็นร้อน

“ก็คงเริ่มไปแล้วค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ คิดว่าอาจจะถูกดุ ที่ไม่บอก ตั้งแต่แรก เพราะมันกระทบถึงการหาคนทำล่วงเวลาแทนด้วย

“กวินจะรอเอาแบบพิมพ์ใช่ไหม?” ชายหนุ่มหันไปถามกวน

ตรา

“ค่ะ ยังไงก็จะต้องได้ค่ะ” หญิงสาวทำท่าเป็นต่อ

“อืม…ถ้าอย่างนั้น….สินี” กรภัทรกวักมือเรียกยศสินี ซึ่งเหล่ๆ มองๆ อยู่ก่อนแล้ว จึงวิ่งปรู๊ดมาถึงโดยพลัน

“ค่ะผู้จัดการ” ยศสินีรีบเข้ามายืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างเพื่อน สาว

กรภัทรจึงดึงสมุดโน้ตจากมือของปรารถนา ยื่นให้ยศสินี

“เดี๋ยวเอาต้นฉบับไปพิมพ์ให้คุณกวินตรา ในห้องทำงานผมนะ เสร็จแล้วสั่งปริ้นท์ได้เลย คุณกวินตราต้องใช้คืนนี้ มือพิมพ์อย่าง สินีคงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงหรอกใช่ไหม?”

“สบายมากค่ะผู้จัดการ ครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อยค่ะ” ยศสินีที่ได้รับคําเยินยอยิ้มแฉ่ง พร้อมจะอุทิศเวลาทุกนาทีเพื่อคนที่แอบ ปลื้มอยู่แล้ว

“แต่ว่า…จะอ่านลายมือเพื่อนเธอออกหรือเปล่า?” กวินตรายัง ไม่ยอม เพราะตั้งใจจะให้ปรารถนาเห็นว่าตนนั้นสนิทสนมกับกร ภัทรแค่ไหน

“โอ๊ย! สบายมากค่ะ ลอกการบ้านกันบ่อยๆ

“ขอบใจนะ” ปรารถนาหันไปขอบคุณเพื่อน

“ปลั๊กไปเก็บของได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน โทรไปบอกท่านด้วยแล้ว กันว่าจะไปช้าหน่อย” กรภัทรเอ่ยอนุญาต

“ขอบคุณค่ะ”

“กวินอยากทานอะไรล่ะ?” กรภัทรหันไปถามกวินตรา หลัง ปรารถนาและยศสินีเดินออกไปแล้ว

“อะไรก็ได้ค่ะ” กวินตราจึงเริ่มยิ้มได้บ้าง เมื่อเขายังจำได้ว่า หล่อนเอ่ยปากอยากทานมื้อค่ำที่นี่ ถึงปรารถนาจะไม่อยู่ แต่ พนักงานคนอื่นๆ ก็ต้องเอาเรื่องของเธอและเขาไปซุบซิบให้ ได้ยินเองนั่นแหละ

พนักงานสาวๆ คงจะแอบละเมอเพ้อพกถึงคุณชายของเธออยู่ ไม่น้อย ยัยอ้วนปุ๊กลุ๊กอย่างยศสินีก็ด้วย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

ยัยเด็กชื่อประหลาดนั่นต่างหาก…ที่เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบาง อย่างที่กรภัทรมีให้ แม้จะเป็นแค่ผู้หญิงเชยๆ ตัวเตี้ยขาสั้น แถม ยังสวมแว่นเฉิ่มๆ ก็ประมาทไม่ได้
“เดี๋ยวผมจะสั่งเมนูอร่อยที่สุดไว้ให้ระหว่างกวินรอเอาเอกสาร ผมมีธุระด่วน กวินทานให้อร่อยนะ ขับรถกลับบ้านดีๆ ล่ะ”

“เอ๊ะ!?” กวินตราหน้าเหวอ เมื่อกรภัทรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมา ดู แล้วเดินพรวดพราดออกไปหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวก่อนเล็ก! แล้วดินเนอร์ของเราล่ะคะ?

“ผมยังไม่ได้รับปากด้วยเสียหน่อย ไปนะ อย่าลืมเอาแบบ พิมพ์กลับไปดูด้วยล่ะ

หญิงสาวได้แต่ยืนตาเบิกโพลงอยู่ที่ประตูหลังร้าน เมื่อกรภัทร อ้าวออกไปแบบไม่เหลียวหลัง โดยที่เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขา จะกล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว

อะไรกัน? นี่เธอถูกปฏิเสธอีกแล้วหรือ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ