โซ่เสน่หา

บทที่ 3 ตุ๊กตาหน้ารถ



บทที่ 3 ตุ๊กตาหน้ารถ

ปรารถนาเถียงอยู่ในใจ ก็พอรู้อยู่ว่าบุคลิกและส่วนสูงก็เป็น ส่วนสำคัญในการทำงาน แต่คนเตี้ยกว่าเธอก็ยังได้งานทำดีๆ ถมไป

“งานของฉันใช้ความสามารถไม่ใช่เวทีนางสาวไทย ฉันเห็น แววเธอตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายจะพูดถึงเธอทำไม

กรภัทรตอบเสียงนุ่ม รู้ว่าได้เวลาที่ปรารถนาจะต้องมาเก็บของ เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว ไม่คิดว่าญาติหนุ่มจะพูดเรื่องเธอขึ้นมา พอดี จึงถือโอกาสแก้ต่างให้ และเปรยเรื่องที่ตั้งใจจะชวนเธอ ทํางานไปด้วยเสียเลย

เด็กเรียนของเขา คงแอบอยู่หลังล็อกเกอร์นั่นล่ะ เพราะเห็นเงา แว้บๆ

“ก็ยังดีที่แค่จีบไปทำงาน ถ้าขืนจีบเป็นแฟนฉันคงรับไม่ได้ที่จะ มีญาติเฉิ่มๆ แบบนั้น แล้วก็…บอกตรงๆ ชื่อปลั๊กชื่อยังกับหมา ฉันไปละ ถ้านายไม่ไป ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน น้องสาวฉันก็คงไม่ ไปเหมือนกัน”

ปรารถนารอจนเสียงเท้าของผู้ชายคนนั้นเงียบไป และเสียง ประตูห้องของผู้จัดการปิดลง เธอจึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อ ปรับสภาวะจิตใจให้เป็นปกติ
ชายแท้ๆ เลยวันนี้ นอกจากจะได้ทิปน้อยแล้วยังมาเจอผู้ชาย เฮงซวยแบบนั้นอีก ใครจะค่อนขอดว่าเธอขี้เหร่ จน เฉิ่ม อย่างไร เธอไม่เคยเก็บมาใส่ใจ แต่เอาชื่อเธอไปเปรียบเทียบกับพันธุ์ สุนัขนออกจะเกินไปหน่อย

เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วก็ตกใจเพราะเกินเวลาไปกว่าสิบ ห้านาที กำลังก้าวขาออกจากตู้ล็อกเกอร์ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นกร ภัทรยังยืนอยู่ที่หน้าประตู

“ปลั๊ก! นึกว่าไปแล้วเสียอีก”

แม้อีกฝ่ายจะร้องทักเหมือนประหลาดใจ แต่ปรารถนาก็รู้ว่า คุณชายแกล้งถามไปอย่างนั้น เพื่อมิให้เธอกระอักกระอ่วนใจ ที่มาได้ยินอะไรร้ายๆ เข้า

“กำลังจะไปค่ะ งั้นปลั๊กไปเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอกระอักกระ อ่วนจริงๆ นั่นล่ะ

“เหรอ…ผมก็กำลังจะกลับพอดีไปธุระที่ไหนต่อล่ะ ติดรถไป กับผมก็ได้” เขายืดตัวขึ้น ล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถออกมา พร้อม

“เอ่อ…ปลั๊กว่าไปรถไฟฟ้าเร็วกว่านะคะ แค่สามสถานีเองค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมว่าผมเร็วกว่านะ กว่าปลั้กจะเดินไปถึงบีทีเอส สิบห้านาทีแล้ว ผมวิ่งไปแป๊บเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว ไป เถอะ…อยากขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย ที่พูดจาเสียมารยาทแบบ
ปรารถนาจึงต้องเดินตามผู้จัดการออกไปอย่างเสียไม่ได้ เมื่อ เขาเดินนำไปโดยที่ยังไม่ได้อ้าปากปฏิเสธ เธอต้องหลบสายตา เพื่อนร่วมงานและเดินห่างๆ อย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าใคร จะเอาเรื่องที่เธอกลับกับผู้จัดการไปนินทาหรือพูดในทางไม่ดี

อย่างน้อยก็ป้องกันมิให้เขาเป็นผู้เสียหายล่ะ

พนักงานที่แอบปิ้งผู้จัดการมีมาก เพราะหล่อมาก รวยมาก และเป็นคนดีมาก คนขี้เหร่ชื่อเหมือนหมาอย่างเธอมีควรบังอาจ แหยมไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พวกนางๆ เหล่านั้นได้เห็น เพราะ อาจถูกกลั่นแกล้งจนชีวิตหาความสงบสุขไม่ได้

ไปถึงที่จอดรถส่วนตัว เธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูรถด้านคนขับ เมื่อเขากดกุญแจรีโมทและไฟหน้ารถกระพริบขึ้นมา แถมยัง ทำท่าจะเปิดประตูรถให้ตามหน้าที่สุภาพบุรุษ

คนอย่างเธอมสมควรได้รับเกียรตินั้น

“ปลั๊กจะขับให้ผมนั่งหรือ?”

“ปลั๊กเป็นลูกน้อง ต้องเปิดประตูให้เจ้านายค่ะ เชิญค่ะ” เธอ ผายมือ แล้ววิ่งอ้อมมาด้านที่นั่งของตนเอง ขณะที่เขาเองก็เดิน สวนไปยังด้านคนขับเหมือนกัน

พระเจ้า! ตั้งแต่เกิดมา เพิ่งเคยได้นั่งรถสปอร์ตเป็นครั้งแรกใน ชีวิต เธอเคยเห็นในโชว์รูม สนนราคาของมันไม่ต่ำกว่าสิบล้าน เงินเก็บที่เธอหามาได้ทั้งชีวิตยังซื้อไม่ได้แม้กระทั่งกระจกข้าง หนึ่ง
เธอผ่อนลมหายใจโล่งอก เมื่อรถแล่นออกจากร้าน โดยที่ไม่มี ใครเห็น แล้วก็รีบสำรวมมารยาท เมื่อคิดได้ว่ากำลังนั่งอยู่กับเจ้า นาย

“ผมคิดแล้วว่าปลั๊กจะต้องไม่ถามเรื่องของเพื่อนผม ว่าตกลง แล้วเขาเป็นเพื่อนหรือเป็นญาติของผมกันแน่”

“เอ๋?” ปรารถนางงในตอนแรก แล้วก็เข้าใจในเวลาต่อมา จึง ต้องแสดงความสนใจเพราะเขาอุตส่าห์ชวนคุยด้วย “ค่ะ เขา บอกปลกว่าเป็นญาติกับผู้จัดการ แล้วตกลงเขาเป็นเพื่อนหรือ ญาติกันแน่คะ”

“ทั้งสองอย่าง แม่ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่เขา เราเกิดปี เดียวกัน ตอนเด็กๆ ก็สนิทกันเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป แต่พอโต ขึ้นก็ต้องแยกย้ายกันไปร่ำเรียน นี่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก เพิ่ง ได้เจอกันไม่กี่ครั้ง ปลั๊กอาจจะตกใจ แต่เขาเป็นคนพูดตรงๆ แบบนี้ล่ะ อาจระคายหูบ้าง แต่ไม่มีเจตนาร้ายอะไร

หญิงสาวยิ้มบางๆ กับคำพูดปลอบโยนของกรภัทร ซึ่งบอกได้ เป็นอย่างดีว่าเขารู้ว่าเธอได้ยินสิ่งที่เพื่อนของเขาพูด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องส่วนสูงที่เป็นปมด้อยของเธอ และที่ถูกเอาชื่อไปเปรียบ เทียบกับสุนัข

“ปลั๊กไม่ใส่ใจหรอกค่ะ”

“แต่เรื่องที่จะจีบปลั๊กมาเป็นผู้ช่วยผมที่บริษัทเป็นเรื่องจริงนะ ผมอยากให้รับไว้พิจารณา

หัวใจของเธอกระตุกเล็กน้อยเมื่อเขาพูดคำว่า “จีบ” ซึ่งแม้จะรู้ว่าเป็นคนละความหมาย แต่ก็อดดีใจไม่ได้ นี่ถ้ายศสินีมาได้ยิน หวังร้องกรี๊ด

ครั้นแล้วใจของเธอก็ห่อเหี่ยวลง เมื่อคิดว่าเธอจะไม่ได้เข้า ทำงานด้วยความสามารถ แต่เป็น “เด็กเส้น” ที่ต้องถูกมองด้วย สายตาจับผิดของผู้ร่วมงาน คุณชายก็จะถูกนินทาไปด้วย

แม้จะรู้ว่าเท่กินไม่ได้ ในยุคนี้สมัยนี้ ที่งานดีๆ หายากยิ่งกว่า งมเข็มในมหาสมุทร แต่มันก็เป็นอุดมการณ์และความหยิ่งทะนง อัน้อยนิดของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งเธออยากใช้ความ สามารถของตัวเองมากกว่า

“ปลั๊กกําลังลำบากใจใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องห่วง ผมจะทำทุกอย่าง ให้ถูกต้องตามระเบียบ และจะไม่ยุ่งกับบอร์ดของฝ่ายบุคลากร ในการสอบคัดเลือก เพราะฉะนั้นถ้าปลั้กได้รับเลือกจริงๆ ก็อย่า เข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นเด็กเส้น แต่เป็นเพราะความสามารถของ ตัวเองล้วนๆ”

“ค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นปลั้กจะได้ไปสมัครอย่างสบายใจ

“ดีแล้ว…อ้อ…ถึงที่หมายแล้ว จะให้ผมรอเป็นเพื่อนไหมล่ะ จะ ได้สวัสดีคุณแม่ปลั๊กด้วย”

“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน “เดี๋ยวปลั๊ก โทรหาแม่เองค่ะ น่าจะอยู่ในห้างแถวๆ นี้ เธอรีบก้าวลงจากรถ ยกมือไหว้งามๆ พร้อมปิดประตูฉับ กลัว

ว่าเขาจะลงมาจริงๆ แค่นี้ก็รบกวนเวลาของเขามากแล้ว
เธอกดรับสายเมื่อมารดาโทรเข้าอย่างถูกจังหวะ ก้มหน้างุด เมื่อกรภัทรเลื่อนกระจกรถลงมองเธออยู่

“จะแม่…ปลกมาถึงแล้ว….แม่เห็นปลั๊กแล้วเหรอจ๊ะ…จะ…จะ เดินเข้าไปเดี๋ยวนี้จะ” แล้วเธอก็กดวางสาย ก่อนจะยกมือสวัสดี ชายหนุ่มอีกครั้ง

“แม่นั่งรออยู่ในร้านกาแฟชั้นล่างนี่เองค่ะ ขอบคุณผู้จัดการ มากค่ะที่มาส่ง

“ถ้าอย่างนั้นผมไปนะ พบกันวันพรุ่งนี้

“ค่ะ” แล้วเธอก็ยกมือไหว้เป็นหนที่สาม ก่อนที่กรภัทรจะขับ ออกรถไป

ปรารถนาแหงนมองตึกระฟ้าเพื่อหาร้านที่มารดานั่งรออยู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเป้าหมาย โดยไม่รู้ว่าคนที่ เธอรอนั้น อยู่กับใครอีกคนหนึ่งซึ่งมองเห็นเธอผ่านกระจกเงาอยู่ ก่อนแล้ว

“เพิ่งเคยเห็นตัวจริง เป็นเด็กดีอย่างที่เธอพูดจริงๆ ด้วย”

สุภาวดียิ้มบางๆ กับคำชมอันอ่อนโยนของอีกฝ่าย ยามมอง บุตรสาวของเธอ แม้ในใจจะยังกังวลในเรื่องที่ต้องบอกกล่าวกับ ปรารถนาและเกรงว่าเธอจะไม่ยอมรับ

“ลูกของคุณมากันแล้วหรือคะ?” เธอถาม เมื่อเขายังมองไปที่ ถนนไม่ละสายตา
“ผมอาจจะตาฝาด” เขาพิมพ์ ถอนสายตาจากท้องถนนและ รถสปอร์ตหรูที่เพิ่งขับออกไป ก่อนจะหันมาสนใจฝ่ายตรงข้าม เมื่อเห็นเด็กที่เขาเพิ่งกล่าวคำชมเชยเดินเข้ามาในร้าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ