โซ่เสน่หา

บทที่ 6 คนที่ไม่เข้าพวก



บทที่ 6 คนที่ไม่เข้าพวก

“แต่ปลั๊ก!…” ปรารถนาผุดลุกขึ้นหน้าเสีย การได้ยินว่า ทำงาน ไม่ได้ ก็เหมือนกับได้ยินว่า จะไม่ได้เงิน นั่นล่ะ

“ให้ปลักล้างผักก็ได้นะคะ หรือให้ทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ สายตามากก็ได้”

“เอางั้นเหรอ…งั้นไปธุระเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” เขาปิดแฟ้ม เอกสาร เก็บปากกาและกระดาษเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย

เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เดินไปหยุดยืนอยู่ตรง หน้าพร้อมแบมือขอลูกกุญแจไขล็อกเกอร์

หญิงสาวล้วงกุญแจจากกระเป๋ากางเกงส่งให้เขา รอจนร่างสูง

เดินออกจากประตูไปจึงถอดชุดกันเปื้อนออกจากตัว

ตามัวๆ แบบนี้ จะไปช่วยเขาทำอะไรได้ล่ะ คุณชายคิดผิดหรือ เปล่า?

ขณะเดียวกัน ที่เอ็มไพร์กรุ๊ป

“คุณติณณ์ครับ เดี๋ยวก่อนครับรอสักครู่อย่าเพิ่งไปครับรอผม ก่อน”

เสียงเรียกของชายร่างท้วมวัยสี่สิบ ทำให้ขายาวๆ ที่ก้าวฉับๆอยู่ต้องชะลอฝีเท้าลง ก่อนผู้ถูกเรียกจะหันไปจ้องมองอีกฝ่าย เขม็ง

“คุณใช้คำพร่ำเพรื่อไปนะคุณวิชาญ ฟังแล้วปวดหู

“ขอโทษครับ” วิชาญ ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายผลิตโค้งคำนับ ขออภัย พร้อมกับยื่นแฟ้มเสนอเซ็นไปตรงหน้า

“อะไร? ผมก็ดูหมดแล้วนี่” แม้จะบ่น แต่ติณณ์ก็รับแฟ้มมาเปิด ดูแต่โดยดี ก่อนจะปิดลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นเอกสารหนาเตอะใน แฟ้ม

“รายชื่อสินค้าที่คุณติณณ์ต้องนำเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้ครับ ผม ทําให้เรียบร้อยแล้ว

“คุณจะเข้าด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ พรุ่งนี้ผมต้องพาคิวซีของบริษัทอิตาลีไปดูงานที่ ระยอง” วิชาญส่ายหน้า ก่อนจะทำตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “อ้อ! พวกคิวซีเอ่ยปากชมกันยกใหญ่เลยนะครับ ว่าคุณพาพวกเขาไป เลี้ยงต้อนรับด้วยอาหารอิตาเลียนที่อร่อยมาก เห็นว่าก่อนบิน กลับจะแวะไปทานกันอีกนะครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักร้านนั้นได้ยัง ไงครับ?”

“เฮอะ!” ชายหนุ่มเดาะลิ้นเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคมเป็นประกาย กล้า “ไม่รู้สิ…ผมก็เพิ่งเคยไปครั้งแรกเหมือนกัน ไปนะ…”

เขาเดินออกไปพร้อมกับหนีบแฟ้มกลับไปด้วย ผิดหวังเล็ก น้อยที่อะไรๆ ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เขารู้นานแล้วว่ากรภัทรเปิดร้านอาหารอิตาเลียนฆ่าเวลา เพราะเคยขับรถผ่านหลายครั้ง แต่ ก็ไม่เคยแวะเข้าไปสักที ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ประจำ

ที่พาคู่ค้าชาวอิตาเลียนไปวันนั้น ก็เพราะอยากให้ญาติหนุ่ม หน้าแตก หากรสชาติอาหารไม่อร่อย เพราะเจ้าของประเทศมา เอง เหมือนกับที่เขากินอาหารไทยในต่างประเทศไม่ประทับใจ นั่นล่ะ

ที่ไหนได้ นอกจากรสชาติจะถูกปากทั้งคนไทยและคนต่าง ประเทศแล้ว พนักงานเสิร์ฟยังพูดภาษาอิตาลีได้ไฟแลบ คิดว่า หมอนั่นคงคิดจะทำธุรกิจนั้นอย่างจริงๆ จังๆ เป็นแน่

พ่อเองก็คงจะมองดูอยู่เงียบๆ ถึงได้ชอบเปรียบเทียบเขากับ กรภัทร แม้หมอนั่นจะไม่ได้แสดงทีท่าว่าอยากจะเข้ามาช่วยงาน ที่บริษัท แต่หม่อมวิลาวัณผู้เป็นแม่ก็อาจจะเจ้ากี้เจ้าการบังคับเอา จนได้

เขาเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อสังเกตด้วยสายตาว่า สินค้าของบริษัทเป็นที่นิยมหรือไม่ เป็นการประเมินขั้นต้นก่อนที่ จะได้รับยอดขายจากฝ่ายการตลาด ทั้งยังได้ดูปฏิกิริยาของ ลูกค้าไปในตัว

เขาชะงักเป็นครั้งที่สอง เมื่อสายตาปะทะกับใบหน้าที่คุ้นเคย ที่กำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่ในช็อปตรงข้าม

“ไอ้คุณชาย มาทำอะไรอยู่ที่ร้านแว่นตา?”

ติณณ์ไม่ได้เดินเข้าไปหาหม่อมราชวงศ์ผู้เป็นญาติอย่างที่นึก ไว้ เพราะแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจเขาเดินเข้านั่งร้านกาแฟที่ฝั่งตรงข้าม และสั่งโกโก้เย็นมาดื่มแทน

ระหว่างจับตาดูกรภัทร เขาก็เปิดแฟ้มชื่อสินค้าไป พลางๆ เพราะพรุ่งครั้งแรกต้องเข้าประชุม ฐานะ ตัวแทนแผนก

ติณณ์

เสียงหวานข้างตัว ทำให้เขาต้องปิดแฟ้ม แล้วเงยหน้าขึ้นเจ้าของเสียงเยื้องเข้ามาหา ทันทีเห็นใบหน้าหวานภาย ใต้เครื่องสําอางแบรนด์ดัง เขายิ้มออกมา พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งตามวิสัยสุภาพบุรุษ

แน่นอนหล่อนเป็น ผู้หญิงกิตติมศักดิ์” เพราะถือของ บริษัทถึง

พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนสมัยหนึ่งตำแหน่ง

อ้าว…กวินนั่งสิ”

หญิงสาวถูกเรียกว่า กวิน หรือ กวินตรา หย่อนงอนของเธอลงบนตัว ส่งยิ้มหวานกว่า ใบหน้ากลับคืนชายหนุ่ม

เพิ่งเคยเห็นคุณมานั่งๆ ที่ว่าร้านของกวินต้อนรับทายาทเอ็มไพร์กรุ๊ปซะแล้วสิ

ช่วงศึกษางานน่ะ ก็เลยยุ่งคิดกวินจะมาตรวจกิจการ ด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงได้อัฐยายกาแฟยายเลี้ยงกาแฟแก้ว”

“โอ๊ย! ไม่ดีกว่าค่ะ” กวินตราโบกมือพัลวัน ทั้งหัวเราะอย่าง อารมณ์ดี “กวินเพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่เองค่ะ พอดีนัดกับเล็กไว้ จะ คุยเรื่องเมนูเครื่องดื่มที่ร้านอาหารอิตาเลียนกันน่ะค่ะ”

“อ้อ…” ชายหนุ่มถึงบางอ้อ ที่เห็นกรภัทรด้อมๆ มองๆ อยู่แถว นี้ ก็เพราะนัดกันไว้แล้วนี่เอง

ก็ไม่น่าแปลกหรอก…เพราะทั้งเขา กรภัทร และกวินตรา เป็น เพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาให้ โรงเรียนประจํา จึงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำไปด้วย

“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ขัดจังหวะ

“ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ….เดินมาโน่นแล้ว” กวินตราร้องขึ้นเมื่อชาย หนุ่มทำท่าจะลุกขึ้น พลาง โบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้คนที่ถูก พูดถึง

ติณณ์จําต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้

กรภัทรชะงักไปนิดที่เห็นญาติหนุ่มนั่งหน้าตั้งอยู่ในร้านพร้อม เพื่อนสาว ไม่คิดว่าติณณ์จะลงมานั่งจิบกาแฟอยู่ในร้าน

“มาถึงเร็วจังค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานตามแบบฉบับให้กรภัทร แล้วผายมือให้นั่งเก้าอี้อีกตัวที่ยังว่างอยู่ คนที่ดูดโกโก้พร่องไป แล้วครึ่งแก้วขยับไทท์ด้วยความอึดอัด เมื่อต้องมานั่งอยู่ ท่ามกลางคนทั้งสองโดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ดวงตาเป็นประกายวิ บวับขณะที่มองอีกฝ่ายตลอดเวลา
แล้วเขาก็แทบตาเหลือก เมื่อเห็นว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งมิได้มา คนเดียว ทว่าด้านหลังของชายหนุ่ม ยังมีใครอีกคนเดินตาม ต้อยๆ มาด้วย

ยัยลูกหมา!

ให้ตายเถอะ! เขาไม่เห็นจริงๆ ว่าหล่อนเดินอยู่ข้างหลังกรภัทร นี้มาตั้งแต่ตอนไหน?

เขาเหลือบมองกวินตรา แล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาเมื่อ หล่อนเองก็ทําหน้าสงสัยเหมือนกัน

“พอดีผมพาเพื่อนร่วมงานมาด้วย” กรภัทรกลับดึงเก้าอี้ที่ เพื่อนสาวเชื้อเชิญยกให้ปรารถนา ซึ่งยืนตัวลีบอยู่ข้างหลัง

“นั่งสิครับ”

“คะ…ค่ะ” ปรารถนาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ทรุดลงนั่งตัวเกร็ง หลังแว่นแตก คุณชายก็จูงมือเธอออกมานอกร้าน ระหว่างนั่ง รถก็ไม่ได้บอกว่าจะพาไปทำ “ธุระ” ที่ไหน กระทั่งมาถึงร้านแว่น นั่นล่ะ

เขาพาเธอมาตัดแว่นใหม่ ทั้งยังออกเงินให้ด้วย โดยบอกให้ เธอสบายใจว่า แว่นแตก ในร้าน เจ้าของร้านก็ต้องรับผิดชอบ

แต่ไม่คิดว่าจะพามาหาใครที่ร้านกาแฟ โดยเฉพาะหญิงสาว แสนสวยที่กำลังจ้องมองเธออยู่

หรือจะเป็นแฟนคุณชาย
เธอมิได้ร้อนตัว ทว่าก็พอจะรู้จากสัญชาติญาณของผู้หญิง ว่า อีกฝ่ายกำลัง “ประเมิน” เธออยู่ในใจ

“นี่กวินตราเพื่อนผม เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มที่เราจะมาคุยด้วย วันนี้” กรภัทรแนะนำอย่างเป็นทางการ “สวัสดีค่ะ” ปรารถนายกมือไหว้ ก่อนจะหันไปทางผู้ชายอีกคน

ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

หน้าตาคุ้นๆ แฮะ…

“นี่ติณณ์…ญาติผมเอง”

“สวัสดีค่ะ”

“ยอ” ติณณ์ทําเสียงในลำคอ แปลกใจครามครับที่หล่อน ทำท่าเหมือนไม่รู้จักเขามาก่อน แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขา เพิ่งไปที่ร้านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วนี่เอง

ไม่มีใครหรอก…ที่จะลืมผู้ชายอย่างเขาไปได้ แม้จะเห็นเพียง ครั้งเดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ