โซ่เสน่หา

บทที่ 1 เทพบุตรกับมาร



บทที่ 1 เทพบุตรกับมาร

“เสร็จหรือยังคะ แหม…ไม่ต้องตรวจดีนักก็ได้ การบ้านช่วงปิด เทอมป้าไม่ค่อยฟิกซ์เท่าไหร่ ออนมีนัดกินข้าวกับเพื่อนนะคะ”

เสียงจีบปากจีบคอของอนิษการ์ มิได้ทำให้สมาธิของคนที่ กําลังขะมักเขม้นกับการตรวจคำตอบในกระดาษเสียไป ดวงตา กลมโตภายใต้กรอบแว่นยังคงหลุบ มือซ้ายจับกระดาษ มือขวาจับปากกาสีแดงทําเครื่องหมายถูกและวงกลมตามจุด ต่างๆ ในกระดาษคำตอบวิชาคณิตศาสตร์ของอีกฝ่ายอย่าง

จนกระทั่งหมดหน้าที่สาม เธอก็กดนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือดู และคลี่ยิ้มบางๆ อย่างพอใจ ที่สามารถทำทุกอย่างให้เสร็จตาม กําหนดเวลาได้อย่างพอดีเป๊ะ และกิริยาของเธอทำให้เด็กสาวที่ กำลังจะก้าวเข้าสู่สนามสอบแอดมิดชั่นอย่างอนินการส่งค้อน

ก็แหม…คนจนๆ อย่างปรารถนา ทำเหมือนเวลาแต่ละนาทีทำ เงินเป็นล้านให้กับตัวเองอย่างนั้นแหละ

แต่ก็ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่า ตั้งแต่บิดาของเธอจ้างผู้หญิง จืดๆ คนนี้มาเป็นครูสอนพิเศษ ผลการเรียนของเธอก็ดีขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง และพ่อก็ไว้ใจยอมปล่อยเธอออกไปพบปะเพื่อนฝูงตาม ลำพังมากขึ้น

“ได้เงินจากป้าตั้งเยอะ ก็ซื้อนาฬิกาสักเรือนสิคะ แบบถูกๆ ก็มี พวกของเลียนแบบนะ ไม่มีใครรู้หรอก แต่ที่ออนใส่อยู่ของแท้นะคะ แล้วทํางานทั้งหลายอย่างไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”

“เงินค่าจ้างสอนพิเศษที่ได้จากคุณท่าน ไม่พอสำหรับใช้จ่าย แต่ละเดือนหรอกค่ะ แต่ก็ช่วยเรื่องค่าเทอมได้เยอะ ถ้าได้ทราบ สคริปต์แล้วก็คงหางานประจำทำได้ ไม่ต้องวิ่งรอกทำงานพิเศษ หลายๆ ที่แล้วล่ะค่ะ”

เธอตอบ พร้อมลงลายมือชื่อในสมุดบันทึกการสอน แล้วยื่น ให้เด็กสาว ก่อนจะเก็บหนังสือคู่มือ ตำราต่างๆ ที่ขนมาจากบ้าน ใส่กระเป๋าสะพายแล้วคล้องไหล่ทั้งสองข้าง เตรียมพร้อมสำหรับ งานพิเศษที่สองในช่วงบ่ายแก่ๆ

ไม่มีเวลาไปเที่ยวเดินเล่นเหมือนกับอนิษการ์ ที่เป็นถึงลูกสาว ประธานห้างสรรพสินค้า มีคฤหาสน์หลังใหญ่ พร้อมรถยนต์อีก นับสิบคัน เมื่อเรียนจบปริญญาก็พร้อมจะรับต่อกิจการหมื่นล้าน ของครอบครัว

เธอพบกับเจ้าสัวทรงชัยตอนไปเฝ้าบูธแนะแนวการศึกษาต่อ ให้กับทางมหาวิทยาลัย พร้อมอาจารย์และเพื่อนๆ ซึ่งมีการ บันทึกลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างห้างสรรพสินค้าและ มหาวิทยาลัย เรื่องการส่งนักศึกษามาฝึกงาน ทำให้มีโอกาสได้ พบท่านโดยบังเอิญ จับพลัดจับผลูได้มาเป็นครูสอนพิเศษให้กับ อนิการ์ ได้รับค่าจ้างพอเหมาะพอควรจนส่งตัวเองเรียนจบ มหาวิทยาลัยนี่ล่ะ

แต่นั่นก็ไม่เพียงพอสำหรับความฝัน เธออยากมีบ้าน…หลัง เล็กๆ ที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารายเดือนอย่างทุกวันนี้ มีพื้นที่เล็กๆ ให้แม่ได้ตั้งแผงขายอาหารจานด่วนหน้าบ้าน จึงต้องวิ่งรอกทำงาน พิเศษเท่าที่สภาพร่างกายจะอำนวย

“ยังไงช่วยดูวิชาที่จะสอนในวันพรุ่งนี้ด้วยนะคะ ถ้าเราเตรียม ตัวล่วงหน้าก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาดูเนื้อหามากนัก จะได้เจาะลึก เรื่องยากๆ กันเลย”

“ค่า…แหม…ระวังนะเคร่งมากจะหาแฟนไม่ได้ ถ้าเป็นคนสวย

ก็ว่าไปอย่าง”

“เรียนให้จบก่อนเถอะค่ะค่อยคิดหาแฟน พบกันพรุ่งนี้นะคะ”

ปรารถนาไม่ถือสาที่จะถูกค่อนขอดจากเด็กสาวรุ่นน้อง เพราะ รู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนสวยโดดเด่น ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่เธอไม่เคย เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ไม่เคยถูกคัดให้ไปในขบวนแห่ประเพณี ต่างๆ ที่ๆ เหมาะกับเธอคือแสตนเชียร์ หรือไม่ก็สนามตอบปัญหา ทางวิชาการ เพราะผลการเรียนที่ได้เกรดสี่เกือบทุกวิชา และผล จากการอ่านหนังสืออย่างคร่ำเคร่งทุกคืน ก็ทำให้เธอกลายเป็น คนสายตาสั้น โดยปริยาย

และถึงแม้จะเรียนเก่งแค่ไหน แต่งานบางอย่างที่ไม่ได้ใช้เพียง ความรู้ แต่ใช้ความสูงด้วย จึงทำให้เธอต้องเบนเข็มจากอาชีพ เหล่านั้น มาเรียนด้านภาษาต่างประเทศแทน

เพราะความสูงเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบสามเซนติเมตร บวกกับ บุคลิกของเด็กเรียนเต็มขั้น ตั้งแต่เด็กกระทั่งโตเป็นสาว จึงไม่ เคยมีผู้ชายย่างกรายเข้ามาในลักษณะชู้สาว เรียกว่าตั้งแต่เกิด มาไม่เคยถูกจีบก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ไอ้เรื่องจะมีฟงมีแฟน อาจต้องรอกันถึงชาติหน้าโน่นล่ะ

ปรารถนาไม่ได้ขึ้นรถเมล์ เพราะการเดินในช่วงเวลารถติด เร็ว กว่าเป็นไหนๆ ถัดจากคฤหาสน์ของเจ้าสัวทรงชัยไปสามซอย เดินพอเหงื่อตกประมาณสิบห้านาทีก็ถึงร้านอาหารอิตาเลียน อ ดัง ที่เธอทำงานพิเศษอยู่ ซึ่งเธอก็ได้เผื่อเวลาไว้ในตารางงาน แล้ว

ตรื้ดๆๆๆๆๆ

เธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดรับเมื่อเห็น ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

“จ้ะแม่! เลิกงานแล้วหรือ…ปลูกยังเหลืออีกงานจ้ะ คือ? อะไร นะ? เรื่องสำคัญเหรอจ๊ะ ทำไมไม่พูดที่บ้านล่ะแม่ ร้านนั้นน่ะกินมื้อ เดียวเราจนทั้งเดือนเลยนะจ๊ะ เหรอจ๊ะ…งั้นเดี๋ยวเลิกงานแล้วปลั๊ก จะโทรหานะจ๊ะ”

เธอวางสาย ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าในซอย แล้วเข้าประตูด้าน หลังของร้าน ยัดกระเป๋าและสัมภาระใส่ในล็อกเกอร์ แล้วผูกผ้า กันเปื้อนเตรียมพร้อมปฏิบัติงาน

“มาแล้วเหรอปลั๊ก!”

เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นเป็นนิจทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ทำให้ ปรารถนารีบหันไปพนมมือไหว้ผู้จัดการหนุ่มที่ผูกผ้ากันเปื้อน แปลกตา พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้เช่นเคย

“สวัสดีค่ะผู้จัดการ ทำไมถึงได้ใส่ชุดนั้นล่ะคะ หรือว่ามีคนลาคะ”

บอกว่าอยู่กันสองคนให้เรียกว่าพี่เล็ก

“ไม่หรอกค่ะ ผู้จัดการเป็นหม่อมนี่คะ ต้องเรียกคุณเล็ก ถึงจะ” ปรารถนาคล้อยตาม เพราะอีกฝ่ายเป็นหม่อม ราชวงศ์กรภัทร หรือ คุณชายเล็ก” ซึ่งธุรกิจร้านอาหาร อิตาเลียนเมืองนอก เสาร์อาทิตย์ เท่านั้น

ก็แปลกนะ…รอบตัวว่าจะเป็นเด็กที่เรียนพิเศษ หรือแม้แต่เจ้านายในที่ทำงาน โชค ดีคุณชายเล็กใช่คนตัว และอนิษการ์ก็เชื่อฟัง ในฐานะลูก ศิษย์ แม้จะชอบจิกกัดเธออยู่เนืองก็เถอะ

ถ้างั้นเรียกผู้นำหญิงสาวเข้าไปในห้องเก็บวัตถุดิบ แล้วแบ่งกระดาษกับ ปากกาเธอชุดหนึ่ง ตัวเองอีกชุดหนึ่ง

เดี๋ยวปลั๊กของเองค่ะ

“ไม่เป็นไร ขี้เกียจว่าชาวต่างชาติจะโทรมาจองโต๊ะเยอะเป็นพิเศษ ต้องปลั๊กช่วยรับออเดอร์แล้วล่ะ

ได้ค่ะ เดี๋ยวปลั๊กเช็คล็อตเสร็จแล้วจะออกไป” เธอรีบรับคํา เพราะแววว่าคืนนี้ได้ทิปจากชาวต่างชาติ
กรภัทรยิ้มบางๆ กับท่าทีตื่นเต้นดีใจของหญิงสาว ซึ่งตั้งหน้า ตั้งตาเช็ควัตถุดิบอย่างตั้งอกตั้งใจ

ตอนที่รู้ว่าต้องกลับมารับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว เขา เกือบจะทิ้งความฝันเรื่องร้านอาหารอิตาเลียนทิ้งไปแล้ว แต่เมื่อ ได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยและพบกับปรารถนา ความฝันของเขาก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

เธอพูดได้ห้าภาษา และยังขยันเรียนอย่างยิ่งยวด แต่สิ่งที่เขา ประทับใจที่สุดคือการที่เธอสามารถบริหารจัดการเวลาได้อย่าง ลงตัว โดยที่เธอไม่ได้เรียนบริหารมาเลย

เขาคิดจะชวนเธอไปทำงานที่บริษัท ตอนนี้เธอคงกำลังรอ ทรานสคริปต์ และเขาเองก็กำลังให้ฝ่ายบุคลากรกําหนดกรอบ อัตราเงินเดือนรองรับเธออยู่ คิดว่าเธอคงไม่ปฏิเสธ

“ครบทุกรายการค่ะ” ปรารถนารายงาน เซ็นต์และแขวนใบ เช็คสต็อกไว้กับกระดานบอร์ด ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ก็เริ่ม ทยอยเข้ามาในห้องเก็บกระเป๋ากันแล้ว

“ขอบใจมาก”

“เอ่อ…ผู้จัดการคะ วันนี้ปลั๊กไม่ทำโอทีนะคะ พอดีแม่โทรมาบ อกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วยน่ะค่ะ กลัวจะไปไม่ทัน

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวพนมมือไหว้ แล้วจัดการล้างมือ เตรียมอุปกรณ์สําหรับบันทึกรายการอาหาร ทั้งจัดการหนุ่มรุ่นไว้ในห้อง เพียงลําพัง

พนักงานมากันครบและร้านพร้อมเปิดบริการแล้ว เปิด ประตูได้ไม่ถึงนาที กลุ่มลูกค้าทยอยเข้ามากันพรึบ

ถึงแม้เป็นร้านอาหารอิตาเลียน ใช่จะมีอิตาเลียน เท่านั้นที่นิยมมาทานกันนี่ ย่านธุรกิจบริษัทและทำธุรกิจมากมาย พวกเขาจะเลี้ยงหรือนัดแนะ มาเรื่องงานเบาๆ จนกลายประจำ จะยังท่อง เที่ยวจร และคนไทยนิยมอาหารฝรั่ง ชาติมาก ผู้จัดการก็จะให้เธอไปช่วยรับออเดอร์

พนักงานใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ เธอพูดภาษา เยอรมัน เสปน อิตาลี อังกฤษ และญี่ปุ่น บ่อยครั้งพนักงานมักกระซิบและต้องคอยช่วยเหลือพวกเมื่อแขกหลายเชื้อชาติเข้ารับประทานอาหาร

ปลั๊กจ๋า

“…อะไรหรือท้วมเดินหน้าตื่นเข้ามา หลังจากเดินไปเตรียมรับออเดอร์จาก แขกชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่าสิบคนเดินเข้ามาในความช่วยเหลือ

“เห็นนั้นแท้เลยนะ ไม่มีพูดภาษาอังกฤษสักเราหน้าแตก ปลั๊กช่วยไปรับออเดอร์ให้หน่อยสิจ๊ะ”

“จริงหรือ?”

ปรารถนาเลิกคิ้ว รบสอง ก่อนจะเขย่งตัวชะโงกหน้าข้าม ไหล่เพื่อนซึ่งนอกจากจะยืนบังแล้ว ยังสูงกว่าเธออีกฟุตหนึ่ง

เธอไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะสวมสูทของอาร์มานี่ เพราะย่านนี้ มีแต่นักธุรกิจ แม้แต่นักศึกษาที่เข้ามาในร้านก็เป็นพวกไฮโซ หรือแม้แต่ดาราก็ยังนิยมมาที่นี่ แต่กำลังตั้งใจมองริมฝีปากของ แต่ละคนที่กำลังพูดคุยกัน เพื่อจับใจความให้ได้ว่าพวกเขาพูด ภาษาอะไร

“มอง…อะ…ไร…ยัย……..เหร

ต๊ะ!

ปรารถนาตกใจ ดึงแว่นออกมาเช็ดเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ ตาฝาด เพราะคำที่อ่านจากปากของผู้ชายคนนั้น เป็นภาษาไทย ล้วนๆ

ยศสินีเบี่ยงตัวหลบ เธอจึงไม่ต้องเขย่งขาหรือชะโงกหน้าอีก ที่ สำคัญมันทำให้เธอเห็นคนๆ นั้นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม

เขาเป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ท่ามกลางชาวต่างชาตินับสิบ และนั่งหันหน้ามาทางนี้ เขาไม่ได้สวมสูทสำหรับนักธุรกิจ แต่เป็น คนเดียวที่สวมกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดคอวีสีเทา ผมดกดำแสก ข้างใส่มูสเสยขึ้นจนเห็นโครงหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสัน อายุน่า จะอยู่ราวๆ เบญจเพส ทว่าริมฝีปากหยักสวยนั้น เจ้าของกลับดุนขึ้นข้างหนึ่ง ในลักษณะยิ้มเยาะ ดวงตาคมกล้าก็ส่องประกาย ราวกับกำลังเย้ยหยัน

เธอเหลือบมองซ้ายขวา คิดว่าเขาอาจจะพูดกับคนอื่น ทว่าเมื่อ สบกับดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง ก็เห็นริมฝีปากเขาเผยอขึ้นพร้อมกับ พูดค่าที่อ่านจากปากได้ว่า

“ไป…ตาม…คุณ…ชาย…เล็ก…มา…ซิ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ