บทที่ 14 เข้าใจผิดไปเอง
เพราะความกล้าหาญชาญชัยที่ไปตบเพื่อนของคุณชายเมื่อ สามวันก่อน ทำให้ช่วงหลังสิบเจ็ดนาฬิกาที่กำลังจะมาถึง เป็น ช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นของปรารถนา
พักหลังนี้ คุณชายไม่มีกำหนดเข้าร้านที่แน่นอน จากที่เคยมา แค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ วันธรรมดาก็เริ่มมาบ่อยขึ้น
สามวันที่แล้ว เธอหายใจได้สะดวกหน่อย เพราะคุณผู้ช่วย บอกว่าเขาไปทำธุระสำคัญที่ต่างจังหวัด และจะเข้ามาที่ร้านใน ช่วงวันหยุด
ซึ่งก็คือวันนี้
เธอนอนไม่หลับมาสองคืนติดๆ กัน เพราะมัวแต่คิดถึงวินาทีที่ ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของติณณ์ โดยที่อีกฝ่ายได้แต่อึ้งตะลึง ตาค้าง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในร้านอาหาร
เหมือนละครที่นางเอกตบพระเอก ทว่า ในชีวิตจริง คนๆ นั้น
คือสัตว์ร้าย
เธอไม่เคยขาดสติถึงเพียงนั้น แม้ที่ผ่านมาจะถูกล้อเลียน เหยียดหยาม ถูกบูลลี่แค่ไหนก็ตาม
แล้วนี่ก็ต้องมานั่งเสียใจกับการกระทำของตัวเองทีหลัง ไม่รู้ ปานนี้เรื่องจะถึงหูผู้จัดการหรือยัง
“เป็นอะไรปลก? ถอนหายใจเฮือกๆ”
เธอเหลือบมองยศสินี แล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก มือก็ล้างผัก ใส่ตะกร้าไม่หยุด
“ฉันไปทำเรื่องไม่ดีเข้าน่ะสิ”
“ว้าย!” ยศสินีเอามือทาบอก “อย่าบอกนะว่าท้อง!”
“เธอนี่!” ปรารถนาหลับตาค้อนเพื่อน “จะให้ท้องกับผักหรือ
ไง”
“ล้อเล่น ถ้าเธอท้องฉันก็ลูกสามล่ะ อิอิ แล้วกลุ้มเรื่องอะไร?
“ฉัน…ทําร้ายร่างกาย” เธอกระซิบ
“ต๊ะทำร้าย…ไหน…เธอถูกทำร้ายตรงไหน เมื่อไหร่ แจ้งความ หรือยัง?” ยศสินีถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อได้ยินคำว่า แจ้งความปรารถนาก็หูผึ่ง แล้วก็ตกอยู่ใน
อาการที่เรียกว่าตกใจสุดขีด ตายจริง! เธอลืมไปเลยว่าติณณ์อาจจะไปแจ้งความจับเธอ
ข้อหาทำร้ายร่างกาย แล้ววันนั้นก็มีพยานอยู่เต็มร้าน
“สินี ข้อหาทําร้ายร่างกาย โดนค่าปรับเท่าไหร่นะ?”
“ห้าร้อยมั้ง จะเอาแค่นั้นเหรอ ฟ้องเลยสิ เรียกเงินล้านเป็นค่า ทำขวัญ คดีอาญาเลยนะ”
เงินล้าน ค่าทําขวัญ คดีอาญา!
มือของเธอตกลงข้างตัวอย่างหมดแรง นึกถึงตัวเลขในบัญชีที่ มีแค่หลักหมื่น กับการต้องเป็นนักโทษคดีอาญาแล้วใจหาย
“…เธอคิดว่าเธอเป็นใคร พวกฉันเป็นใคร ลมหายใจของพวก
ฉันคือธุรกิจร้อยล้านพันล้าน… คำพูดของติณณ์ดังขึ้นในใจ รู้ซึ้งในวินาทีนี้เองว่า นั่นคือความ
แตกต่างที่เขาพูดถึง
เขาไม่ได้ต้องการเงินล้านเป็นค่าทำขวัญหรือทำแผล แต่ เหตุการณ์ในวันนั้น กระทบต่อภาพลักษณ์ของเขา ภาพลักษณ์ ของคนที่เป็นตัวแทนขององค์กร หากมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น แน่นอน ว่า…เธอจะต้องถูกฟ้องอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้จัดการก็คงไม่จ้างคนที่มีประวัติไม่ดีไว้แน่ งานพิเศษเงิน เดือนดีแบบนี้ หาไม่ได้ที่ไหน
“ปลั๊กๆๆๆ”
คุณผู้ช่วย ซึ่งเป็นหญิงร่างท้วมวัยเฉียดสี่สิบโผล่หน้าเข้ามาใน ห้องผัก
“คะ? มีอะไรหรือคะพี่ปลา
“ผู้จัดการขอพบจ้ะ”
“ผู้จัดการ!” ปรารถนาหน้าซีดเผือด “ปลั๊กไม่เห็นรถผู้จัดการ เลยค่ะ”
“คุณกรภัทรไม่ได้เอารถมาจ้ะ”
“ค่ะ…ปลกจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เธอรับคำกับคุณผู้ช่วย หรือ พี่ปลา แล้วหันไปหาเพื่อนสาว “สินี…ถ้าพรุ่งนี้ไม่เห็นฉันก็ไม่ต้องตกใจ นะ”
“อะไรของเธอเนี่ย? เพี้ยนไปแล้วหรือไง” ยศสินีซึ่งไม่รู้อะไร เลยบ่นตามหลัง
ไม่รู้ทำไม ปรารถนาจึงรู้สึกว่า ระยะทางระหว่างห้องผักกับ ห้องของกรภัทร ถึงได้ยินเข้ามาใกล้กันนัก ทั้งทางเดินก็มืดสลัว เหมือนไม่ได้เปิดไฟ
เขาเป็นคนใจดี แต่การที่เธอทำร้ายร่างกายญาติและเพื่อน สนิทของเขา ก็คงจะทำให้เขาผิดหวังในตัวเธอไม่น้อย
เธอเคาะประตูเสียงเบา ไม่ถึงอึดใจก็ได้ยินเสียงอนุญาตจาก คนข้างในห้อง
“เชิญครับ”
หญิงสาวเปิดประตูเข้าไป แล้วปิดลงเบาๆ ก่อนจะเดินไปหา เขาตัวลีบ กรภัทรหมุนตัวกลับมาจากเคาท์เตอร์ด้านหลัง สีหน้า เขาดูอึดอัดจนเธอนึกกลัว
“นั่งสิปลั๊ก ผมมีเรื่องจะพูดกับปลั๊กยาวเลย”
“ค่ะ” เธอเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงาน แม้ เขาจะพูดด้วยเสียงนุ่มทุ่มกังวานเหมือนเคย แต่เนื้อความนั้น ทําให้ขนคอของเธอตั้งชันอย่างช่วยไม่ได้
หมายความว่า…คุณชายรู้เรื่องนั้นแล้ว?
“ก่อนอื่น…ผมต้องขอถามว่า ปลั๊กทำงานที่นี่มีความสุขหรือ
เปล่า?”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว สังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทำไร
“นั่นสินะ ปลั๊กทำที่นี่มาตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง ถ้าเป็นผมก็คงจะ ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว สำหรับงานพิเศษ
“ปลั๊ก” เธอก้มหน้า ไม่รู้จะตอบอย่างไร สำหรับเธอ…หากเป็น งาน ไม่มีคำว่าอิ่ม ไม่มีคำว่าพอ เธอต้องทำงานเพื่อตัวเอง เพื่อ แม่ และความฝัน
คุณชายอาจจะต้องการรักษาน้ำใจ จึงได้เกริ่นถามแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็คงทำงานที่นี่ไม่ได้อีก
“ผมเดาว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า ปลั๊กก็คงจะได้ทรานสคริปต์ แล้ว” กรภัทรก้มลงเปิดลิ้นชัก แล้วดึงซองเอกสารสีขาวออกมา วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนมันไปไว้ตรงหน้าเธอ
“ของปลั๊ก”
“” ปรารถนาน้ำตาคลอเบ้าพูดไม่ออก แขนขาของเธออ่อน # แรงถึงขนาดที่ว่า หากเธอยืนอยู่ ก็คงจะล้มพับลงไปกองกับพื้น “ปลั๊ก เป็นอะไรหรือเปล่า?” กรภัทรขมวดคิ้ว ถามด้วยความ
สงสัย เมื่อเห็นดวงตาที่ชื้นหลุบต่ำลง
“ปลั๊กต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่ทำให้ผู้จัดการผิดหวัง ปลั๊กไม่มี คำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ และต้องขอบคุณในความกรุณาที่ผู้ จัดการมีให้ปลั๊กมาตลอด”
“ปลั๊ก ร้องไห้ทำไมครับ?” ชายหนุ่มผวาขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อปรารถนาบ่อน้ำตาแตกร้องไห้สะอึ้นโดยไม่มีสาเหตุ
เขาไม่ได้ติดผ้าเช็ดหน้า ในกระเป๋า หรืออาจจะติดมาแต่มือไว กว่าอยู่ดี ดังนั้น….เมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เขาก็ลุกขึ้นแล้วชะโงก ตัวเข้าไปหา แล้วดึงแว่นตาของเธอออกไป
น้ำตาของเธอหยุดไหลกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้างคล้ายตกอยู่ ในมนต์สะกด เมื่อปลายนิ้วของคุณชาย ปาดน้ำตาบนแก้มให้ อย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มจําต้องปล่อยมือจากใบหน้าเนียนนุ่ม เมื่อน้ำตาของ เธอเหือดแห้ง ถอยหลังกลับมานั่งบนเก้าอี้
“มีเรื่องอะไรหรือ บอกผมสิ หรือว่าปลั๊กลำบากใจกับข้อเสนอ ของผมถึงกับร้องไห้
“ข้อเสนอ?” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ
“ผมอยากให้ปลั๊กเปิดอ่านก่อน แล้วค่อยให้คำตอบผมวันหลัง ก็ได้”
ปรารถนาแกะซองเอกสารสีขาวที่ไม่ได้ปิดผนึก แล้วดึง กระดาษที่อยู่ข้างในออกมา ปรากฏว่ามันเป็นเอกสารที่เย็บติด กันหลายแผ่น และเมื่อคลี่ดู เธอก็เห็นว่ามันไม่ใช่หนังสือไล่ออก อย่างที่นึกกลัว
“ใบสมัครที่ผมเคยเกริ่นไว้ อยากให้ปลูกเอาไปพิจารณา หาก สนใจปลั๊กก็แนบหลักฐานแล้วเข้าไปสมัครที่ฝ่ายบุคคลได้เลยนับจากนี้อีกหนึ่งเดือน ผมคิดว่าปลั๊กก็คงจะได้ทรานสคริปต์ แล้ว”
หญิงสาวคลี่ออกอ่านคร่าวๆ แล้วกลืนน้ำลายด้วยความอาย สุดขีดที่เผลอร้องไห้อย่างหน้าไม่อายต่อหน้าเขา
“จะบอกได้หรือยัง ว่าร้องไห้ทำไม
“ปลก…เอ่อ…คือว่า…”
“ไม่เป็นไร…เอาไว้สบายใจค่อยเล่าให้ผมฟังก็ได้ อ้อ…ก่อน กลับช่วยเข้ามาหาผมหน่อยนะ”
“ค่ะ ปลั๊กขอตัวไปทํางานก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
ปรารถนารีบลุกขึ้นพร้อมซองเอกสาร กลัวเขาจะถามเรื่องน่า อายขึ้นมาอีก เธอเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์ กดรหัสปลดล็อคแล้วดึง กระเป๋าสะพายออกมา
เธอเก็บซองเอกสาร แล้วหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าออก มา กดดูเบอร์เผื่อว่ามารดาจะมีธุระด่วน
ตัวเลขที่ไม่ขึ้นชื่อ ทำให้เธอเกือบจะกดตัดสายเพราะไม่รู้จัก แต่สุดท้ายก็กดรับเพราะคนโทรมาอาจมีเรื่องสำคัญ
“สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวกรอกเสียงลงไป แล้วก็เกือบจะทำโทรศัพท์ตกพื้นเมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่ตอบกลับมา
“หึ…สวัสดี! นี่ฉันเอง”
“ซะ…ใคร…ใครคะ” แม้จะค่อนข้างแน่ใจ แต่เธอก็ยังภาวนา ว่าขอให้ไม่ใช่เขา
“ใคร? หึๆๆๆๆ ก็คนที่เธอทำร้ายร่างกายวันนั้นยังไงล่ะ เตรียมตัวตายได้เลยยัยยาจก!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ