โซ่เสน่หา

บทที่ 13 จนแล้วไง หนักส่วนไหนของคุณมิทราบ



บทที่ 13 จนแล้วไง หนักส่วนไหนของคุณมิทราบ

ปรารถนานั่งคอแข็ง กลั้นก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกอกด้วย ความลำบาก หลังมื้อเที่ยง ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากน้ำเปล่า ทั้งยังต้องวิ่งขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าเป็นว่าเล่น กลับต้องมาเจอกับผู้ชายพรรค์นี้อีก

“รินน้ำให้หน่อยสิ” เขาสั่ง มือยังตักอาหารเข้าปากแบบไม่ ทุกข์ร้อน

ไม่มีทาง หญิงสาวยังนั่งเฉย ทำเหมือนไม่ได้ยิน

“นี่! เป็นเด็กเสิร์ฟไม่ใช่หรือไง! หรืออยากจะกลับบ้านมือ เปล่า” เขาถลึงตาขู่ เมื่อเธอใช้ความเงียบเป็นการต่อต้าน

หญิงสาวจำต้องรินน้ำใส่แก้วให้เขาตามสั่ง

ชายหนุ่มฝืนกินไปอีกไม่ถึงสามคำก็วางซ้อน ความจริงเขาอิ่ม จนอยากจะอาเจียน เพราะกินมาแล้วถึงสองครั้งในสองชั่วโมง ทว่าอยากจะดูน้ำหน้ายัยลูกหมานสักหน่อย

เธอนั่งตัวตรง จนเขานึกว่ากำลังนั่งอยู่กับไม้บรรทัด ทำสีหน้า เฉยเมยเหมือนหุ่นยนต์เหมือนวันที่เธอไปรับออเดอร์ที่ร้านไม่มี ผิด

“ขอมือถือคืนด้วยค่ะ” เมื่อเขากินเสร็จแล้ว ปรารถนาก็หันมา เริ่มทันที เหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วถอนใจ เพราะใกล้จะ ทุ่มแล้ว
ให้ตาย! พูดเป็นอยู่ประโยคเดียวหรือไง เขาสบถในใจ “จะรีบร้อนอะไรนักหนา ฉันกำลังนั่งย่อยอยู่นี่เห็นไหม “ถ้า…ถ้าคุณไม่ให้คืน ฉะ…ฉันจะแจ้งตำรวจ

ติณณ์เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะออก มาราวกับขบขันเสียเต็มประดา

“ฮ่าๆๆๆๆ แจ้งตำรวจ? นี่เธอสติดีอยู่หรือเปล่า ตำรวจที่ไหน จะรับแจ้งความ ฮี? โทรศัพท์หาย? ไหนล่ะ? โอ้! โทรศัพท์เลี่ยม ทองหรือ? เครื่องละกี่แสน แล้วก็…เธอทำมันหลุดมือเองนะ ฉัน ไม่ได้ขโมยมันเสียหน่อย

“คุณ…” เธอจุกจนพูดไม่ออก เมื่อถูกพูดจาดูถูกดูแคลน น้ำตา ที่พยายามกลั้นไว้เอ่อล้นออกมาอาบแก้ม ป่านนี้แม่…คงจะเป็น ห่วง และกด โทรศัพท์หาเธอแน่ๆ

เจ็บใจเหลือเกิน! ที่ต้องมาร้องไห้เพราะคนพรรค์นี้ ต่อหน้าคน พรรค์นี้…

“ฉันจะบอกเธอให้นะ… ผู้หญิงที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมความสวย อย่างเธอ ถึงจะพูดได้สิบภาษาก็ไม่มีประโยชน์หรอก ที่คุณชาย เขาพูดว่าจะจีบเธอน่ะ มันก็แค่การล่อลวงเธอไปใช้งาน คิดว่าเขา จะพิศวาสลูกหมาอย่างเธอหรือ? …เธอคิดว่าเธอเป็นใคร พวก ฉันเป็นใคร ลมหายใจของพวกฉันคือธุรกิจร้อยล้านพันล้าน ไม่ ได้หาเงินโดยใช้ร่างกายเข้าแลก จะบอกให้นะ! ซินเดอเรลล่าน ะ…มันก็แค่นิทานหลอกเด็ก!”
สินค้าสบประมาทอันยาวเหยียดของเขา ปรารถนาก็ปาด น้ำตาที่ร่วงเผาะ สูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด

“พูดจบหรือยังคะ?”

“แต่ฉันจบแล้วค่ะ”

หญิงสาวลุกขึ้นยืน ทั้งทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คาดคิด

นั่นคือตบหน้าชายหนุ่มดังฉาด

ผลคือ…ติณณ์หน้าหัน ปรากฏสีแดงลายฝ่ามือขึ้นตรงแก้ม และคนหันมามองกันทั้งร้าน

ความเงียบปรากฏชั่วอึดใจ ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพสาว แว่นสุดเพิ่มที่น้ำตานองเต็มสองแก้ม กับหนุ่มหล่อในชุดสูทที่ถู กนอกด้วยฝ่ามือพิฆาต

แล้วเธอก็ทำให้โลกตะลึงอีกเป็นครั้งที่สอง ด้วยการเดินเข้าไป หาฝ่ายตรงข้าม แล้วจัดการล้วงกระเป๋าเขาจนหมด ทั้งสูท เสื้อ

โปโล รวมทั้งกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

ท่ามกลางเสียงฮือฮาเอ็ดอึง

เมื่อได้โทรศัพท์ ปรารถนาก็ยัดมันใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะ บริภาษเขาทั้งน้ำตานองหน้า

“คุณจะเรียกฉันว่าลูกหมาหรือหมาฉันก็ไม่สน ฉันจนแล้วไง! ฉันขี้เหร่แล้วไง! มันไปหนักส่วนไหนของคุณมิทราบ! รู้ไว้ด้วยนะ…ไม่ใช่แค่คุณที่เกลียดฉัน ฉันเองก็เกลียดคุณเหมือนกัน!” เธอหยุดหอบและปาดน้ำตา ก่อนจะทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายว่า

“ไอ้คุณตีนเอ๊ย!”

วังบดินทร์ภักดิ์

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องรับแขก กรภัทรก็ต้องถอนหายใจเฮือก อีกเป็นคำรบสอง เมื่อพบว่าความว่างเปล่าที่เคยคุ้น ถูกแทนที่ ด้วยเงาดาทะมึน

เงาดำที่ว่า คือหม่อมวิลาวัน และอีกคน…กวินตรา ไม่คิดว่า เธอจะตามมาถึงที่นี่

“คุณเล็ก!”

ทันทีที่เห็นเขา หม่อมวิลาวัณก็ร้องเรียกเสียงแหลม และทำให้ หญิงสาวอีกคนพลอยตื่นเต้นตามไปด้วย

“สวัสดีครับแม่” เขาหอมแก้มมารดาทั้งสองข้าง แล้วถอยห่าง ออกมา

“วันนี้ทำไมกลับดึกจังลูก?”

เขายังไม่ตอบคำถาม แต่หันไปมองกวินตรา ซึ่งพอเห็นเขาก็

หลบตาวูบ

เธอคงแจ้นมาฟ้องแม่ ว่าถูกเขาทิ้งไว้ที่ร้าน คิดแล้วก็สยองกับ คำพูดที่ติณณ์เตือนสติเมื่อตอนค่ำ

“ผมไปทานข้าวกับติณณ์มาน่ะครับ”
“อ๊ะ! หม่อมอาขา…นี่ก็ดึกแล้ว กวินคงต้องขอตัวกลับก่อนนะ คะ” กวินตราร้อนตัว เพราะดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ดีและไม่ อยากคุยกับเธอเท่าใดนัก และเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอตามเขามา จากที่ร้าน หลังจากที่เขาผลุนผลันออกไปตามหลังยัยแว่น

นึกว่าพายัยหน้าจืดหายไปไหน ที่แท้ก็มีนัดกับติณณ์นี่เอง

“แหม…กลับเร็วจัง ไว้วันหลังมาคุยกับแม่อีกนะ คุณเล็กไปส่ง กวินหน่อย ลูก”

“มะ…มะ ไม่เป็นไรค่ะ” กวินตรารีบปฏิเสธเสียงรัว

“ด้วยความยินดีครับ แม่เองก็ไปนอนได้แล้วนะครับ” เขาส่ง ยิ้มให้มารดา แล้วรุนหลังกวินตราออกไปทางประตู

ทว่าภาพที่หม่อมวิลาวัณเห็น คือบุตรชายของท่านกำลังโอบ เพื่อนสาวอย่างทะนุถนอม

กรภัทร ใช้มือเพียงข้างเดียวบังคับเพื่อนสาวให้เดินออกมาที่ โรงเก็บรถ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อพ้นหูพ้นตามารดา

“กวินแค่แวะมาเยี่ยมคุณแม่คุณนะคะ ไม่มีอะไรจริงๆ” กวิน

ตรารีบแก้ตัว

“กวิน….อย่าดูถูกผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และน้ำเสียงแบบนี้ล่ะ ที่กวินตรากลัวที่สุด

“ผมจะพูดตรงๆ อย่าให้ผมต้องเสียเพื่อนเลยนะ ขอร้อง…อย่า บีบบังคับผมทางอ้อม”
“ทำไมคะเล็ก? กวินไม่ดีตรงไหน เล็กถึงได้ปฏิเสธกวินตลอด ทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่หวังให้เราลงเอยกัน

“เราไม่รักกัน เหตุผลแค่นี้พอหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่เราค่ะ….เล็กก็รู้ว่ากวนคิดยังไง แต่ก็เย็นชากับกวิน ตลอด” กวินตราน้ำตารื้นด้วยความน้อยใจ

“ผมคิดว่าผมชัดเจนแล้วนะ และก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ให้ ความหวังกับคนที่ไม่ได้รัก คุณเป็นเพื่อนที่ดี และผมอยากให้ มิตรภาพของเราเป็นเช่นเดียวกับพ่อและแม่ของพวกเรา คุณกลับ ไปเถอะ…และอย่าตามมาจับผิดผมอีก ชีวิตผม…เป็นของผม

“แม้ว่าหม่อมอาจะขอร้องหรือคะ?” หญิงสาวยกหม่อมวิลาวัณ ขึ้นมาอ้าง

“คุณก็เคยเห็นผมดื้อ…” เขาไม่แคร์ “คุณกลับไปเถอะ อ้อ!

เวลาไปที่ร้าน กรุณาอย่านหัวพนักงานของผม พวกเขางานยุ่ง

ไม่ว่างจะมาปรนนิบัติคุณหรอก ราตรีสวัสดิ์”

กรภัทรทิ้งเพื่อนสาวไว้ข้างหลัง รวมทั้งความขุ่นข้องหมองใจที่ ได้รับในค่ำคืนนี้ เขาไม่โกรธกวินตรา เพราะเธอก็เป็นเช่นนี้มา แต่ไหนแต่ไร และตัวเขาเองก็ไม่เคยสัญญิงสัญญาให้ความหวัง กับเธอเลยสักครั้ง

หม่อมแม่อาจจะเคือง ที่ไม่ได้ลูกสะใภ้ตามที่ต้องการ แต่ท้าย ที่สุดแล้ว เขาก็ยังเป็นลูกของท่าน ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่เขาเป็นเด็ก ดี อยู่ในโอวาทของท่าน จะเกเรเรื่องหัวใจบ้างคงไม่ถือว่า อกตัญญูหรอก
เขาตรงดิ่งไปยังห้องนอน วางกระเป๋าแล้ว โถมตัวลงบนเตียง ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดดูภาพถ่าย

บาร์น้ำเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง อีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถ เปิดให้บริการได้ พนักงานที่รับสมัครไว้จะเริ่มงานในสัปดาห์ หน้า

เขาไล่ดูภาพในแกลอรี่ทีละภาพด้วยความพอใจ ก่อนจะหยุด อยู่ที่ภาพของปรารถนา ซึ่งขณะนั้นกำลังก้มหน้าจดคำพูดของ กวินตราลงในกระดาษโน้ต

ใจที่ร้อนรุ่มคลายลง ความวิตกกังวลที่แบกรับมาจากติณณ์ และกวินตรามลายไปสิ้น กลายเป็นความชุ่มฉ่ำ เยือกเย็น และ สงบ

“เธอคงไม่รู้สินะ ว่ามีเธอแล้ว…ฉันมีความสุขแค่ไหน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ