คัมภีร์เหนือเวท

กุญแจดอกที่ 7 : เพื่อนร่วมห้อง (บทต้น)



กุญแจดอกที่ 7 : เพื่อนร่วมห้อง (บทต้น)

เคยดีใจที่สามารถหลุดออกมาจากพันธนาการที่ทำให้ทรมานได้ เคยดีใจที่อย่างน้อยความหวาดกลัวตัวเองก็ลดลง เคยดีใจที่สามารถไปไหนมาไหนได้นอกจากในรั้ววัง เคยดีใจราวกับว่าสามารถหลุดออกจากพันธนาการทุกอย่างที่ ตามหลอกหลอน

แต่เปล่าเลย…

เธอไม่ได้หลุดจากพันธนาการ… ทว่าเธอเพิ่งร้อยรัดกับพันธนาการใหม่ต่างหาก เป็นพันธนาการที่แม้ไม่ทรมานเท่ากับพันธนาการแรก แต่พันธนาการนี้ร้อยรัดจนเหนียวแน่นและไม่อาจหนี พันธนาการที่ชื่อว่าผู้ถูกเลือก
พันธนาการของผู้ครองรูปดอกกุหลาบสีดำ

พันธนาการที่ผู้มีรูปดอกกุหลาบสีขาวไม่มีสิทธิเลือก…

สํานของเซนาเรียส จะเข้าหากว่าเยอะเมื่อเทียบกับความ สัมพันธ์ของนักล่าชายทั้งสามกับรุ่นพี่ ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาใน ตัวอาคารเซนก็บอกกับตนเองเลยว่าเธอไม่ได้มาพักหอพักของ โรงเรียนหรอกแต่มาพักโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งเลยต่างหาก แค่ ห้องโถงก็กว้างกินพื้นที่เข้าไปไม่รู้เท่าไหร่แล้วแถมยังถูกตกแต่ง อย่างสวยงามอีก น่าแปลกก็ตรงที่เห็นนักเรียนผู้หญิงเดินไปมา กันน้อยเหลือเกินแต่พอเอ่ยปากถามพี่ดาเลยก็ตอบกลับมาว่า

“เวลานี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ส่วนมากจะกินข้าวกันอยู่ที่ห้องอาหาร มากกว่า” รุ่นพี่สาวพูดพร้อมยิ้มให้กับคำถามของคนช่างสงสัยแต่ เซนไม่ได้ช่างสงสัยหรอก มันเป็นพื้นฐานของคนที่มีอาชีพเป็น นักล่า ไม่ว่าสิ่งใดน่าสงสัยก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน

“ว่าแต่ที่นี่ในแต่ละชั้นปีเขาจะใส่กระโปรงกับโบสีต่างกันหรือคะ แถมอักษรในป้ายสัญลักษณ์ยังไม่เหมือนกันอีก” เซนถามต่อด้วย ความอยากรู้ บอกได้เลยว่าเธอก็เป็นคนช่างสังเกตเหมือนกัน
“ใช่แล้ว สีของแต่ละชั้นปีมีความหมายแตกต่างกันออกไปด้วย คราวนี้คามิเลียที่เดินตามหลังเป็นคนตอบให้ก่อนจะพูดเสริมขึ้น มาอีก

“ของปีหนึ่งจะเป็นอักษร I ที่หมายถึงหนึ่ง ส่วนสีประจำปีหนึ่ง จะเป็นสีขาวเหมือนกับจะบอกว่าปีหนึ่งเพิ่งเข้ามายังไม่ได้เรียนรู้ อะไรก็ยังคงบริสุทธิ์เหมือนสีขาวของกระโปรงที่สวมใส่

ของปีสองใช้อักษร II ที่หมายถึงสอง สีของปีสองจะเป็นสี เหลืองที่หมายถึงคุณธรรม

ของปีสามใช้อักษร III ที่หมายถึงสาม สีของปีสามจะเป็นสีเขียว เข้มหมายถึงการปกป้องรักษา

ของปี อักษร IV อย่างที่พี่โนอาร์ใส่ หมายถึงสี่ สีของปี จะเป็น สีแดงหมายถึงความกล้าหาญเข้มแข็ง

ของปีห้าจะเป็น V ที่หมายถึงเลขห้า สีประจําปีห้าจะเป็นสีน้ำเงิน กรมท่าหมายถึงความรับผิดชอบ

ส่วนปีหก งเป็นปีสุดท้ายจะเป็น VI หมายถึงเลขหก พวกรุ่นพี่ ปีนี้จะมีสัญลักษณ์คือสีดำซึ่งหมายถึงราชา เป็นปีสุดท้ายก่อนที่ จะก้าวออกไปนอกรั้วโรงเรียนเพื่อทำชื่อเสียงในฐานะราชาที่อยู่ เหนือผู้อื่น” คามิเลียพูดออกมายืดยาวพร้อมทำสีหน้าภูมิใจกับโรงเรียนที่ตนเองอยู่

เซนยิ้มให้อีกฝ่ายทว่าไม่มีความภูมิใจเหมือนคนพูด เธอมา อยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีสิทธิจะไปคิดถึงชีวิตที่ต้องอยู่ใน โรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือเหมือนกับคนอื่น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ แค่ภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ เหมือนกับเวลาเล่นสนุก พอหมด เวลาก็ต้องทิ้งความสนุกนี้เอาไว้ข้างหลังเพราะฉะนั้นอย่าได้หลง ระเริงหรือผูกพันไปกับมัน

ดวงตาสีทองมองรุ่นพี่สาวที่เดินนำไปอย่างอยากรู้อยากเห็น รุ่น พี่คนตรงหน้าที่ใส่เครื่องแบบสีดำคือผู้ที่จะก้าวออกไปทำชื่อเสียง ในฐานะราชาที่ทางโรงเรียนเตรียมพร้อมให้ทุกอย่าง แต่ละคนที่ จบไปจากโรงเรียนนี้ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงที่โด่งดังและก้าวขึ้นไป อยู่เหนือใครๆด้วยกันทั้งนั้นเหมือนดัง….ราชา

“เอาละขึ้นลิฟต์ตรงนี้แหละ” รุ่นพี่ดาเลียพูดขณะที่ลิฟต์เปิดออ กช้าๆ คนทั้งสามก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนก่อนคา มิเลียที่เข้ามาคนสุดท้ายจะกดเลขสิบสองจากยี่สิบชั้น ลิฟต์แก้วที่ ตกแต่งอย่างงดงามเคลื่อนตัวขึ้นสู่ด้านบนช้าๆทำให้เซนสามารถ กวาดตามองออกไปด้านนอกได้และเห็นห้องโถงแทบจะทั้งหมด

“ที่นี่ไม่มีบันไดหรือ” เซนถามพลางมองไปรอบห้องโถงเพื่อหา สิ่งที่ตนเองต้องการ คนทั้งสองคนได้ยินคำถามนั้นชะงักไปหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาทำเอาเซนาเรียสเลิกคิ้วอย่างสงสัยจน รุ่นพี่สาวต้องโบกมือให้เหมือนกับบอกว่าขอโทษอย่าเก็บเอาไป คิดเลยนะ

“ขอโทษนะเพราะไม่มีใครถามถึงบันไดมานานแล้ว ต่างคนต่าง ก็ใช้ลิฟต์น่ะ ส่วนบันไดที่เธอถามอยู่มุมห้องตรงนูน” รุ่นพี่สาวพูด แล้วชี้มือไปที่มุมหนึ่งขอห้องโถงซึ่งตรงนั้นมีบันไดที่ปูด้วยพรม แดงเอาไว้แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเดินขึ้นตามที่รุ่นพี่สาวพูดจริงๆ

“ไม่มีคนใช้แบบนี้ก็น่าสนุก” เซนพึมพำเบาๆเมื่อเห็นว่าตรง บันไดออกจะลับตาคนไปสักหน่อยเหมาะกับการใช้เวทเคลื่อนที่ โดยไม่มีใครเห็น ในเมื่อลิฟต์ก็ยังเร็วไม่ทันใจเธออยู่ดี

เพียงไม่นานลิฟต์ก็มาจอดสนิทอยู่ที่ชั้นสิบสองก่อนประตูจะเปิด ออกอย่างนุ่มนวล คนทั้งสามเดินออกจากลิฟต์ รุ่นพี่สาวจะเดินนํา ไปที่ห้องพักโดยไม่ต้องเหลือบดูป้ายห้องเลยแม้แต่น้อยราวกับ ว่าเจ้าตัวเดินมาแถวนี้จนเคยชิน

ไม่นานคนทั้งสามก็เดินมาหยุดหน้าห้องหนึ่งทำเอาเซนขมวดคิ้ว อย่างสงสัย ทำไมห้องนี้ถึงดูกว้างและใหญ่มากกว่าห้องทุกห้อง ที่ผ่านมาละ

ป้ายที่ถูกสลักเลข 1212 อย่างสวยงามถูกประดับไว้ข้างๆประตูเพื่อบอกว่าห้องนี้คือห้องที่เท่าไหร่ ตรงใต้แผ่นไม้ที่เป็นเลข ห้องมีออคเล็กๆเอาไว้ใช้เรียกคนที่อยู่ในห้องและที่ขาดไม่ได้เลย คือตู้ใส่จดหมายที่เป็นช่องสามช่องเพื่อไม่ให้จดหมายบนกับของ เพื่อนร่วมห้องอีกสองคน

“นี่…พูดมาตั้งนานแล้วยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลย” คามิเลียถาม ขณะที่รุ่นพี่ดาเลียหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า

“เซนาเรียส เรียกว่าเซนก็ได้” เด็กสาวผมชมพูหันไปตอบพร้อม รอยยิ้มหากดวงตาสีทองคมกริบกลับเหลือบไปเห็นรายชื่อของ เจ้าของตู้จดหมายทั้งสองช่องเสียก่อน ดาเลีย เมเนส ส่วนอีก มีชื่อ คามิเลีย เดอาน่า

เซนเพียงแค่ขยับยั้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ดาเลียที่ใช้ กุญแจแตะกับประตูส่วนไหนก็ได้ประตูก็เปิดออกมาอัตโนมัติ ดู เหมือนว่าเธอจะได้นอนร่วมกับประธานและรองประธานหอหญิง เสียแล้ว เห็นจากตู้จดหมายแล้วเพื่อนร่วมห้องของเธอคงเป็นใคร ไปไม่ได้นอกจาก

“ลืมบอกไปอีกอย่าง เราสองคนนี่แหละเพื่อนร่วมห้องของเธอ

หลังจากที่แนะนำตัวกับรุ่นพี่อย่างห้วนๆมาแล้วนักล่าชายทั้งสามก็ได้ย้ายสถานที่เข้ามาในห้องพักสักที ห้องพัก 0902 เป็น ห้องพักที่ใหญ่พอควร ในตัวห้องพักมีทั้งห้องครัว ห้องน้าและ ก็ห้องนั่งเล่นครบครัน มันถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วนๆ แต่ที่น่า สนใจที่สุดคือเดียงสามเตียงที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่ริม หน้าต่างไล่มา

“เอาละคาไมเคิล นายหรือฉันจะนอนริมหน้าต่าง” ฟรอสถาม ออกมาพลางมองไปทางเตียงด้านในสุดที่ติดริมหน้าต่างขณะที่ เรฟานอฟเดินไปวางเขตอาคมทั่วห้องด้วยตนเองเพื่อกันผู้บุกรุก จากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ประสงค์ดีหรือไม่ดีก็ตาม

“แล้วไม่ถามคุณเรก่อนหรือครับ” คาไมเคิลถามกลับเพราะคน ที่มีตำแหน่งสูงสุดในนี้คือนักล่าอันดับหนึ่งและเจ้าตัวก็ควรจะได้ เลือกที่นอนก่อนคนอื่น

“หมอนั่นมันไม่ชอบนอนริมหน้าต่างหรอก ปกติไปทำงานกับฉัน ก็เป็นฉันนี่แหละที่นอนริมหน้าต่างทุกที” ฟรอสอธิบายในเมื่อคน ที่เคยออกไปทำงานกับนักล่าอันดับหนึ่งมาก็มีเพียงนักล่าอันดับ สองถึงแปดเท่านั้นแหละ แต่อาจจะต้องยกเว้นนักล่าอันดับหกไว้ คนเพราะมีเพียงคาไมเคิลเท่านั้นที่ยังไม่เคยออกไปทำงานกับเร

“แถมเหตุผลของหมอนั่นยังหน้าหมั่นไส้อีก หมอนั่นให้เหตุผล ว่าเพราะตรงหน้าต่างเป็นที่ๆโดนลอบทำร้ายได้ง่ายสุด” ฟรอสกระซิบด้วยสีหน้ามุ่ยๆเมื่อเห็นว่าเรไม่มีทางได้ยินแน่ เพราะมัวแต่วุ่นกับการลงเขตอาคม คาไมเคิลได้แต่ยิ้มแห้งๆ นี่เขา บอกเหตุผลกันแบบนี้เลยหรือ ทว่าต่อให้บอกมาโต้งๆแบบนี้แล้ว พวกเขาทำอะไรได้ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะต้องเอาตัวเองไป เสี่ยงชีวิตโดยการนอนริมหน้าต่างตามคำบัญชาของนักล่าอันดับ หนึ่ง

“งั้นผม… แต่ยังไม่ทันที่คาไมเคิลจะตัดสินใจ คนที่ฟรอสบอกว่า ไม่ชอบนอนริมหน้าต่างกลับก้าวฉับๆเข้าไปที่เตียงติดริมหน้าต่าง ก่อนจะเอาทั้งชุดนักเรียนและข้าวของของตนเข้าไปเก็บไว้ในตู้ ปลายเตียงเหมือนกับจะบอกนักล่าชายอีกสองคนว่าเจ้าตัวจอง และจะนอนเตียงนี้ ส่วนพวกนายก็เลือกเอาอีกสองเตียงที่เหลือ แล้วกัน

ฟรอสได้แต่เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก็หมอนี่มันเคยพูดกับเขาเอง นี่ว่าไม่ชอบนอนริมหน้าต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ร่วมงานกันแล้วต้องมี การค้างคืน แถมหมอนี่ยังไม่สนใจไยดีเขาเลยสักนิดเดียว

บางครั้งพอตกกลางคืนก็แอบดอดออกไปทำงานคนเดียว พอ งานเสร็จก็รีบกลับไปคืนนั้นเลยปล่อยให้เพื่อนร่วมงานอย่างเขา งงเป็นไก่ตาแตกเพราะเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่พบข้าวของของนักล่า อันดับหนึ่งแล้ว พบแต่กระดาษแผ่นเดียวที่เขียนข้อความเอาไว้ สั้นๆว่า ‘งานเสร็จแล้ว’ เท่านั้นเอง
พอเขากลับมาจากการทำงานครั้งนั้นเขาก็ลองถามนักล่าอันดับ สี่ที่เคยทำงานร่วมกับนักล่าอันดับหนึ่งมาก่อนและเขาก็ได้คำตอบ ว่าเรก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าอยากจะช่วยงานหมอนั่นก็ต้องตื่นให้ ทัน ซึ่งก็ต้องเดาอีกว่าหมอนั่นจะออกไปทำงานตอนไหน แล้วพอ เสร็จงานหมอนั่นก็จะรีบตรงกลับเลยไม่รอวันรุ่งขึ้น มันเป็นคําพูด ที่ฟรอสอยากจะถอนหายใจเพราะคําแนะนําพวกนั้นก็ต้องเป็นเขา นี่แหละที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อปรับตัวให้เข้ากับนักล่าอันดับหนึ่งให้ ได้

อีกหกเดือนต่อมาเขาก็ได้ทำงานคู่กับเรอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขา ตีนทนหมอนั่นอย่างเฉียดฉิวแล้วออกไปล่าแหล่งชุมนุมของ ปีศาจด้วยกัน ผลปรากฏว่าปีศาจทุกตนถูกกวาดเรียบ เขาเหนื่อย จนแทบลากเลือดแต่นักล่าอันดับหนึ่งที่ไปด้วยกันกลับไม่มีเหงื่อ สักหยด ทั้งทีเรจัดการปีศาจไปมากกว่าเขาตั้งเยอะ

เขาอยากรู้ชะมัดว่าครั้งที่แล้วมันบ้าเลือดล่าปีศาจทั้งโขยงนี้ คนเดียวไปได้ยังไง อันที่จริงไอ้พวกรอบๆที่นอนตายกันเกลื่อน กลาดไม่สมควรถูกเรียกว่าปีศาจหรอกเพราะว่าคำๆนี้มันสมควรจะ ให้นักล่าอันดับหนึ่งมากกว่า

พอเสร็จงานแล้วหมอนั่นก็เตรียมกลับทันทีเหมือนกับทุกครั้ง พอเขาถามว่าจะรีบไปไหนหมอนั่นก็ดันตอบกลับมาว่าไม่ใช่เรื่อง ของนาย มาตอนหลังๆนั่นแหละฟรอสถึงมารู้ว่าที่เรรีบร้อนกลับ เพื่อจะไปหานักล่าอันดับสองนั่นเอง
ว่าแต่ทำไมครั้งนี้หมอนี่ถึงเลือกที่จะนอนริมหน้าต่างเล่า…น่า แปลกใจจริงแหะ แต่ฟรอสก็คิดได้แค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจจัด ของใส่ตู้ของตนเองบ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ