คัมภีร์เหนือเวท

กุญแจดอกที่ 9 : ความน่ากลัวของเซนาเรียส (บทต้น)



กุญแจดอกที่ 9 : ความน่ากลัวของเซนาเรียส (บทต้น)

เหล่าคนในราชวงศ์แห่งโซเวียล้วนแต่เกลียดตนเองยิ่งกว่าสิ่ง

เพราะไม่อาจควบคุมร่างของตนเองได้เมื่อเห็นเลือดในยาม

พวกเราจึงใฝ่หาอิสรภาพ…

แต่ต่อให้พยายามเอื้อมมือไปจนสุดแขน ทั้งที่คิดว่าจะคว้ามันเอา ไว้ได้…..

ทว่าสิ่งที่คว้าได้กลับเป็นความว่างเปล่า

อิสรภาพที่พวกเราไขว่คว้าคือความว่างเปล่า

หรือความจริงแล้วอิสรภาพที่สมบูรณ์ มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นกัน แน่…

เมื่อตกกลางคืนเด็กหนุ่มผู้เป็นนักล่าทั้งสามคนก็เดินไปส่งเซนา เรียสและคามิเลียที่หอหญิงก่อนจะตรงกลับเข้าห้องแทบจะใน ทันที
“ให้ตายสิเหนื่อยจริงๆเลย” ฟรอสบ่นออกมาก่อนจะล้มตัวลงบน เตียงของตนอง ดีนะที่เรกางเขตอาคมเอาไว้ไม่ให้ใครหรือสิ่งใด เข้ามาได้ไม่งั้นป่านนี้พวกเขาคงยังไม่หลุดออกจากพวกวิญญาณ ที่ตามติดยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะฝาผนังหรอก

“ยังพักไม่ได้” เสียงเย็นเยียบของเรเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปยัง โต๊ะหนังสือส่วนตัวแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา

คาไมเคิลมองเตียงนอนที่ตนเองกำลังจะล้มตัวลงไปด้วยสายตา อาลัยอาวรณ์ ยังไม่ทันได้แตะเลยผมก็ต้องโบกมือลาเตียงของ ผมเสียแล้ว

ฟรอสอยากจะดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงแล้วครวญครางออกมา เหมือนเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ถ้าทำแบบนั้นนอกจากเรจะไม่สนใจ การประท้วงแบบนี้แล้วคงจะชักดาบออกมาฆ่าเขาทิ้งตรงนี้เลย แน่ๆ เพราะฉะนั้นยอมลุกจากเตียงแต่โดดดีดีกว่า

“ทางสมาพันธ์บอกว่าถ้ามาถึงก็ให้ไปร้านนี้” เรพูดพลางเดินเข้า มาหาพวกเขาพร้อมกระดาษที่อยู่ในมือ เมื่อมาถึงก็ยื่นกระดาษ แผ่นนั้นให้ฟรอส นั่นหมายความว่านักล่าอันดับสามจะต้องเป็นคน ไป

“มันจะทําให้งานของเราง่ายขึ้น ฟรอสอยากจะถอนหายใจออก มาเมื่อได้ฟังคำพูดของเร นักล่าอันดับสามเปิดกระดาษในมือออก
เฮ้ย…ไอ้ร้านบ้านี่มันไม่ได้อยู่ในรัฐโซนเดียนี่หว่า นี่เขาต้องเดิน ทางข้ามรัฐภายในคืนเดียวเลยเหรอเนี่ย แกจะใช้คนโหดไปไหน เนี่ยไอ้นักล่าอันดับหนึ่ง ฟรอสได้แต่โวยวายอยู่ในใจเพราะไม่ กล้าจะประท้วงออกมาตรงๆ

“แล้วพวกนายละ” ประท้วงไม่ได้ของถามสักหน่อยก็ยังดี ถ้า ไม่ได้ทำอะไรเลยเขาจะลากคาไมเคิลไปด้วย เรื่องอะไรจะยอม เหนื่อยคนเดียว

“ฉันกับคาไมเคิลจะออกล่าปีศาจ” ทว่าเสียงเย็นของนักล่าอันดับ หนึ่งที่ตอบกลับมาทำเอาเขาคอตก สรุปยังไงเขาก็ต้องทำคน เดียวใช่ไหมเนี่ย

คาไมเคิลอยากจะถอนหายใจออกมาขณะไล่ล่าปีศาจตนสุดท้าย ที่อยู่ตรงหน้า ภายในมือนักล่าอันดับหกมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง ด้าม จับมีสีน้ำตาลเข้มและคมดาบมีสีเงินคมกริบที่พร้อมจะฟาดฟันทุก อย่าง ที่ด้ามจับมีสายโซ่สีน้ำตาลยึดเอาไว้กับแผ่นโลหะกลมๆรูป พญาอินทรีที่กำลังโผทะยานขึ้นฟ้าอย่างสวยงาม แผ่นโลหะอัน นั้นคือสัญลักษณ์ประจำตัวเขา ดาบเล่มนี้คืออินทรีถลาลม

เลือดสีแดงฉานหยดไปตามพื้นเป็นทาง มันไม่ใช่เลือดของคา ไมเคิลแต่เป็นเลือดของพวกปีศาจที่เขาเพิ่งฆ่าไป อยู่ที่นี่มาคืนหนึ่งก็ไม่นึกเหมือนกันว่าปีศาจแถวนี้จะมีเยอะจนเขาต้อง แยกกับเรเพื่อไล่ล่ามัน เรไปทางตะวันตกของโรงเรียนส่วนเขา ลงมาทางใต้ ซึ่งตอนนี้นักล่าอันดับหกนึกเสียใจนิดๆเสียแล้วที่ ปล่อยให้ปีศาจตรงหน้าหนีมาได้แบบนี้ ในเมื่อมันเปลืองพลังงาน ในการไล่ล่าอย่างมาก

คาไมเคิลกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านตามร่างสีดาที่วิ่งน่าอยู่ ข้างหน้าแต่เขาก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้มโชยมา มันเป็นกลิ่นเหมือนกองเลือดขนาดยักษ์ไม่ใช่กลิ่นเลือดที่ติดอยู่ที่ ดาบของเขา

คาไมเคิลหันไปมองรอบๆแล้วก็ตระหนักได้ว่าเขาตามปีศาจตรง หน้ามาถึงเขตตะวันตกซึ่งเป็นเขตที่เรรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้น เขาจะขอให้นักล่าอันดับหนึ่งดักทางปีศาจที่กำลังปลบหนีเอาไว้ ให้ได้ไหมนะ คิดพลางหยิบคอลออกมาจากกระเป๋ากางเกงแต่ ยังไม่ทันกรอกเสียงบอกหมายเลขคอลของเร ปีศาจตรงหน้า ก็กระโดดลงจากหลังคาบ้านหวังจะเข้าไปหลบในมุมมืดเพื่อใช้ ความมืดในการอำพรางตัว

คาไมเคิลรีบเพิ่มความเร็ววิ่งตามไปเมื่อเห็นว่าร่างนั้นกระโดดลง จากหลังคาลับสายตาของเขาไปแล้วแต่…

ช่า… เสียงที่ดังมาพร้อมเลือดสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นมาจนถึง หลังคาบ้าน เลือดอุ่นๆที่กระเด็นโดนหน้าของนักล่าอันดับหก ทําเอาเจ้าตัวแข็งทีออย่างตื่นตะลึง สีแดงของมันแต่งแต้มรอบตัวเขาให้แดงฉาน กลิ่นคาวของมันเข้มจนเขามึนหัว มันเกิด อะไรขึ้นกันแน่!!

เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่ตกตะลึงเมื่อมองไป ด้านล่าง ภาพตรงหน้าคือการสังหารหมู่ขนาดใหญ่ ซากของพวก ปีศาจมากมายนอนระเกะระกะ เลือดสีแดงของพวกมันสาดย้อม กันเองอย่างน่ากลัว กลิ่นคาวของมันเหม็นจนคาไมเคิลต้องปิด จมูกและดวงตาสีน้าเงินของเขาก็มองเลยไปเห็นปีศาจตัวที่เขาไล่ ล่าอยู่นอนข้างๆมุมมืด

ร่างสีดำสนิทถูกผ่าครึ่งตัวตั้งแต่หัว ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเพราะ ความหวาดกลัว เลือดสีแดงกระจายอยู่รอบตัวมันและรัศมีของ เลือดที่กระจายออกไปก็สูงขึ้นมาถึงหลังคาบ้านที่นักล่าอันดับหก ยืนอยู่

“ชาจริง” เสียงเย็นเยียบของใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางยาม ราตรีอันเงียบสงบเรียกดวงตาสีน้าเงินให้หันไปมอง ใบหน้าหล่อ เหลาและเส้นผมสีดำาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด ดวงตาสีนิล ยังคงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันหลอมละลาย ไอสังหาร มากมายกดดันจนคาไมเคิลอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ แม้ไม่อยากจะ ยอมรับแต่ตอนนี้เขากลัวคนตรงหน้าจริงๆ

มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มผม กําดาบสีนิลไว้มั่นโดยตัวดาบมี โซ่สีเงินคล้องกับใบมีสีเงินรูปจันทร์เสี้ยวที่มีดวงดาวแต่งแต้มอยู่ทำให้รู้สึกถึงราตรีกาลอันยาวนาน และนั่นคือสัญลักษณ์ ของนักล่าอันดับหนึ่งคนปัจจุบัน ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาราจันทรา แห่งราตรี

“ขอโทษด้วยครับที่ปล่อยให้มันรอดมาได้” เสียงคาไมเคิลเอ่ย ออกมาแต่ในใจอดคิดไม่ได้ว่านักล่าอันดับหนึ่งก็น่ากลัวสมคำเล่า ลือจริงๆ เขาเคยคิดว่านักล่าอันดับหนึ่งและนักล่าอันดับสองล้วน แล้วแต่สบาย พวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนก็ได้ตำแหน่งมา แถมยังเป็นตำแหน่งที่สูงเสียจนไม่มีใครอาจเอื้อมและไม่สามารถ สั่นคลอนได้ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว

“เราจะไปตะวันตก ที่นั่นยังมีปีศาจ” เสียงเย็นเยียบเอ่ยตัดบททุก อย่างและเป็นเหมือนคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตามโดนไม่มีข้อแม้

คาไมเคิลอยากจะทรุดลงไปกับพื้น นี่กะจะทำงานโต้รุ่งกันจริงๆ หรือ แบบนี้ผมก็ต้องเอ่ยลาเตียงนุ่มๆอีกแล้วน่ะสิ แต่ใครจะกล้า ขัดคำสั่งของคนๆนี้กันเล่าเขาไม่ใช่เซนนะที่หมอนี่จะยอมละเว้น ให้

“แต่ทางนั้นมีกลิ่นปีศาจเบาบางมากเลยนะครับ” ถึงจะขัดไม่ได้ แต่แย้งสักหน่อยก็ยังดีละนะ

“คงมีคนจัดการให้” คำพูดของเรทำเอาคนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ใครกันที่จัดการให้

“คุณเรพอจะรู้ไหมครับว่าใคร” นักล่าอันดับหกยิงคำถามทันทีแต่ เรฟานอฟไม่ตอบ ดวงตาสีนิลคู่นั้นไม่มองมาที่เขาเลยสักนิด เจ้า ตัวปล่อยดาบสีนิลในมือให้มันหายวับไปกับตา เรหันหลังให้คา ไมเคิลที่ยังยืนอยู่บนหลังคาก่อนจะอดพิมพ์ากับตนเองเบาๆไม่ได้

“หวังว่าคงจะไม่ใช่เธอหรอกนะ…เซน” เรไม่อยากให้มันเป็น อย่างที่คิดเพราะหากเป็นอย่างที่คิดจริงคืนนี้อาจจะเป็นคืนมรณะ ที่ยาวนานอีกคืนเลยก็ได้

เพียงพริบตาเดียวร่างที่ยืนอยู่ด้านล่างของเรก็หายวับไปกับ ตาทำเอาคาไมเคิลแทบอ้าปากค้าง ถึงนักล่าอันดับหนึ่งไม่ได้ พูดอะไรแต่ก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาต้องตามไป แต่ต้องให้เขาตาม ความเร็วของนักล่าอันดับหนึ่งเนี่ยนะ อย่างน้อยก็รอกันบ้าง …

.**.

หายไปแล้ว คาไมเคิลร้องบอกตนเองทั้งๆที่เมื่อกี้เขาว่าเขาตาม เรฟานอฟมาติดๆแล้วนะ ดวงตาสีนําเงินของคาไมเคิลกวาดมอง ไปรอบๆ

ทีนี่เงียบมาก…เงียบจนผิดปกติ ให้ตายสิเขารู้ดีว่าตนเองไม่มีทางตามความเร็วของนักฆ่าอันดับหนึ่งได้ทันอยู่แล้วแต่ก็ไม่ เคยคิดว่าจะห่างกันมากมายขนาดนี้

พลันเขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นจนน่าขนลุกไม่ต่างจากที่ เขาพบกับเรเมื่อกี้ ประสบการณ์สอนให้เขาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่งเพื่อใช้สัมผัสของนักล่าตรวจดูสิ่งที่เกิดขึ้นเสียก่อน แต่ สิ่งที่ฉายชัดเข้ามาในหัวทำเอาคาไมเคิลแทบทรุดลงไปกองกับ พื้น ภาพที่เห็นในหัวไม่แตกต่างจากภาพที่เขาเจอเรเมื่อกี้เลย แม้แต่น้อย

ซากศพมากมายของปีศาจนองจมกองเลือดของตนเองอย่าง น่ากลัว เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่ว หากคนที่ยืนอยู่ ท่ามกลางซากศพแทนที่จะเป็นเรฟานอฟอย่างที่เขาคิดแต่กลับ กลายเป็นร่างของเซนาเรียสแทน นักล่าสาวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะ สมกับตำแหน่งนักล่าอันดับสองมาก่อนกลับทําในสิ่งที่เขาไม่คาด คิด

ร่างบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพราวกับมัจจุราชที่ไม่เห็นค่าสิ่ง ใด ใบหน้า เส้นผม เสื้อผ้าและดาบในมือของเธอชุ่มไปด้วยเลือด สดๆ คาไมเคิลไม่เคยคิดว่าเขาจะเห็นเด็กสาวคนนี้จับดาบสังหาร ปีศาจมากมายขนาดนี้

กึก… เสียงบางอย่างที่ดังขึ้นเหนือหัวเขาทําเอาคาไมเคิลเง หน้าขึ้นไปมองและสิ่งที่เขาเห็นคือร่างสูงของเด็กหนุ่มผมสีนิล ซึ่งยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่เขาใช้หลบซ่อน ดวงตาสีนิลยังคงมองไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพมากมาย แต่คาไมเคิลบอกกับตนเองว่าเขาเห็นรอยหวาดหวั่นแวบหนึ่งใน ดวงตาคู่นั้น แต่อย่างนักล่าอันดับหนึ่งน่ะหรือจะมีความหวั่นเกรง ราวกับคนด้านบนจะรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้เมื่อเรพูดออกมา

“เข้าไปเถอะ” เจ้าตัวชวนแล้วกระโดดลงจากต้นไม้ที่ตนเองใช้ หลบซ่อน

ดวงตาสีน้ำเงินของคาไมเคิลมองตามหลังเข้าไป สัญชาติญาณ นักล่าในตัวเขากำลังเตือนอย่างรุนแรงว่าอย่าได้เข้าไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องมานึกเสียใจทีหลัง ทว่าความอยากรู้ มันมีมากกว่าและก็เห็นเรเดินนำเข้าไปแล้วคาไมเคิลจึงเดินตาม เข้าไปอย่างไม่คิดอะไร ทว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มันผิดสุดๆเลยก็ ว่าได้

ร่างสองร่างของเด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยืนอยู่ ท่ามกลางซากศพมากมายกายกอง กลิ่นคาวเลือดที่ลอยตลบ อบอวลไปทั่วกดดันคาไมเคิลจนรู้สึกอึดอัด

ร่างบางยังคงยืนอย่างสง่างามท่ามกลางแสงจันทร์และร่างเนื้อ ของพวกปีศาจ ผมสีชมพูที่ปลิวไปกับแรงลมยามดึกเต็มไปด้วย เลือด ดวงตาสีทองคู่นั้นดูเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ ทว่าเด็ดขาดและ เยือกเย็นดุจนางพญาที่อยู่สูงกว่าผู้ใด นี่หรือคือนักล่าอันดับสอง ที่ฟรอสพูดถึง
เด็กสาวสาวย่างเท้าก้าวข้ามซากศพอย่างไม่สนใจพวกมันแม้แต่ น้อยเพื่อเข้ามาหาพวกเขา ดาบสีขาวทั้งเล่มในมือลากไปตามพื้น โดยที่เจ้าของไม่สนใจว่ามันจะลากผ่านซากศพสักกี่ศพ สายโซ่สี ขาวยึดไว้กับด้ามจับร้อยต่อกับรูปดวงอาทิตย์อันคมกริบ ดาบเล่ม นี้คือทิวาแห่งรุ่งอรุณและรูปดวงอาทิตย์นั่นคือสัญลักษณ์ของนัก ล่าอันดับสอง

“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงหวานแต่เย็นเยียบเอ่ยถามออกมาขณะ ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ คาไมเคิลแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อสัมผัส ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามากดดันเขา ทว่านักล่าอันดับหกก็กัดฟัน เอาไว้พยายามพยุงตัวไม่ให้ตนเองล้มลงไป

“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นเยียบที่แทรกเข้ามาในความคิดของ เขาอีกครั้งทําให้เขาพยายามสงบสติอารมณ์

“ถ้าคุณหมายถึงคุณฟรอส คุณฟรอสไปทำงานให้คุณรครับ” คา ไมเคิลเค้นเสียงตอบขณะเรที่ยืนอยู่ข้างๆเขายังคงเงียบ เจ้าตัว ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาเลยสักนิดปล่อยให้เขาเป็นคนตอบ คําถามของนักล่าอันดับสองคนเดียว

“ข้าไม่ได้ถามถึงเจ้าคนไร้ประโยชน์นั่น” เสียงเย็นเอ่ยออกมา อย่างไม่เหลียวแลแม้คนที่ตนพูดถึงอยู่นั้นจะเป็นถึงนักล่าอันดับ สามแห่งสมาพันธ์นักล่าที่เหล่าปีศาจเกรงกลัว ร่างบางย่างเท้า เข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขา จิตสังหารที่ปล่อยออกมากดดันจนคา ไมเคิลเริ่มหายใจไม่ออก
“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นยังคงดังมา ดวงตาสีทองลุกวาวด้วย ความต้องการฆ่า

“เจ้านั่น…ไหนครับ เพราะความกดดันที่มากเกินไปทำให้คา ไมเคิลเริ่มพูดไม่ชัด ในสถานการณ์แบบนี้ครจะเป็นเหมือนเขา หรือเปล่า จะหวั่นเกรงในพลังอำนาจที่นักล่าอันดับสองถือครอง จะยอมจํานนในความกดดันนี้หรือไม่ แต่ทั้งๆที่ยืนอยู่ข้างเขา ทำไมถึงไม่เอ่ยปากช่วยเขาละเหตุใดจึงได้ขยับถอยห่างออกไป

“ข้าถามว่าเจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นเอ่ยออกมาอีกในขณะที่คาบ สีขาวในมือหวัดฉับอย่างเงียบเชียบทวารวดเร็วเสียจนแม้แต่เขาที่ เป็นนักล่าอันดับหกยังมองตามไม่ทัน

ฉวะ!!

เสียงที่ดังขึ้นข้างๆทําเอาหัวใจของคาไมเคิลเต้นรัว ดวงตา สีน้าเงินเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เลือดอุ่นๆสีแดงสดสาด กระจายโดนใบหน้าของเขา มองไม่เห็นวิถีดาบเลยแม้แต่น้อย

เร็ว…เร็วชะมัด…เร็วจนเขาไม่อยากเชื่อ

ตบ… แต่ที่เขาไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าคือร่างของคนข้างๆเขาที่ทรุด ลงไปกองกับพื้น
เซนฆ่าไรงั้นหรือ!!

เขาไม่เชื่อ…เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะจับดาบฆ่า คู่หมั้นของตนเองได้ ดวงตาสีน้ำเงินของคาไมเคิลหันไปมองตาม ร่างของนักล่าอันดับหนึ่งที่นอนจมกองเลือดไร้ลมหายใจอยู่บน พื้นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เซนเป็นคนลงมือและตอนนี้คนลงมือก็ยังคงทอดมองมาทางพวก เขาราวกับว่าทั้งเขาและคนที่เธอเพิ่งจะสังหารไปเป็นเพียงสิ่งไร้ ค่าที่ไม่สมควรจะมีชีวิต


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ