คัมภีร์เหนือเวท

กุญแจดอกที่ 2 : นักล่าหญิงผู้เหมือนปีศาจ (บทต้น)



กุญแจดอกที่ 2 : นักล่าหญิงผู้เหมือนปีศาจ (บทต้น)

ปีศาจคือศัตรู คือทุกสิ่งทุกอย่างของความชั่วร้ายและคือสิ่งที่ พวกเราต้องไล่ล่า

ทว่าสิ่งที่พวกเราหวาดกลัวยิ่งกว่าปีศาจ…

กลับเป็นตัวของพวกเราเอง…

ดอกกุหลาบสีขาว แลดูบริสุทธิ์และงดงาม แต่ฉากหลังของ ดอกไม้ที่แสนสวยงามนั้นกลับเต็มไปด้วยหนามแหลมคม พร้อม จะทิ่มแทงทุกคนและทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้

พวกเราที่เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีขาวก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ทุก คนต่างมองพวกเราอย่างชื่นชมและบูชาในพลังเวทที่พวกเราได้ รับมาตั้งแต่เกิด พลังเวทที่สามารถใช้ได้ทุกธาตุ ทว่าเบื้องหลัง ที่สวยงามของพวกเรากลับไม่แตกต่างจากดอกกุกลาบขาวที่ งดงามนั่น เพราะยิ่งมีพลังมากเท่าไหร่ พวกเรา…ก็ยิ่งหวาดกลัว ตนเองมากขึ้นเท่านั้น

พวกเราซึ่งเกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีขาวจะต้องเติบโตขึ้น เป็นนักล่า และสิ่งที่พวกเราต้องไล่ล่าคือเด็กผู้เกิดมาพร้อมดอก กุหลาบสีม่วง เพราะยามที่พวกเขาโตขึ้นคนพวกนี้จะกลับกลายเป็นปีศาจร้ายที่หันกลับมาทำลายทุกคน นั่นคือชีวิต ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ไม่ว่าพวกเราจะชอบหรือไม่ ก็ตาม

แต่ยิ่งพวกเรามีอำนาจและพลังมากเท่าไหร่ปีศาจที่หลับอยู่ใน ส่วนลึกของร่างกายก็จะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น พวกเรากลัวว่า สักวันมันจะมีอำนาจเกิดกว่าที่พวกเราจะควบคุมได้ และถ้าวันนั้น มาถึง พวกเราก็จะกลับกลายไปเป็นปีศาจเสียเอง…กลับกลายไป เป็นสิ่งที่พวกเราไล่ล่ามาโดยตลอด

ใช่…ปีศาจคือศัตรู คือทุกสิ่งของความชั่วร้ายที่นักล่าอย่างเรา ต้องไล่ล่า แต่สิ่งที่พวกเราหวาดกลัวยิ่งกว่าปีศาจกลับเป็นตัวของ พวกเราเอง…

แต่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานมีส่วนน้อยที่นักล่าจะกลับกลาย เป็นปีศาจ นั่นทําให้รูปดอกกุหลาบสีขาวที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สําหรับคนบางคนแล้วมันถือเป็นของขวัญล้ำค่าจากฟากฟ้าที่ ประทานมาให้พวกเขา

ยกเว้นตระกูลของราชวงศ์แห่งโซเวีย เพราะสําหรับพวกเขาแล้ว รูปดอกกุหลาบสีขาวที่พวกเขาได้รับกลับเป็นเสมือนตราบาปที ทรมานพวกเขาอย่างแสนสาหัส เป็นตราบาปที่ตามหลอกหลอน รุ่นแล้วรุ่นเล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้น ในเมื่อพวกเขาทุกรุ่นต่างมี อำนาจและพลังที่แข็งแกร่งมากจนไม่อาจจะสะกดปีศาจในตัวไว้ ได้ตลอดเวลา
ในเวลากลางคืนยามใดที่ได้เห็นหรือสัมผัสเลือด ปีศาจที่อยู่ ภายในกายก็จะร่ำร้องแล้วผลักพวกเราเข้าไปอยู่ด้านใน ก่อนมัน จะดันตัวเองออกมาแทนที่เพื่อจะเข่นฆ่าและทำลายทุกสิ่งที่ขวาง หน้า

พวกเราต้องทรมานขณะมองดูปีศาจที่เข้ายึดครองร่างอย่างทำ อะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่อ้อนวอน…อ้อนวอนขอให้มัน หยุดมืออยู่ภายในโดยที่รู้ว่าต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนแค่ไหนพวกมัน ก็ไม่มีวันที่จะรามือ

มีเพียงตระกูลเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเราได้ นั่นคือ ตระกูลของราชวงศ์แห่งดาร์กเซส ซึ่งเป็นเพียงตระกูลเดียวใน โลกที่เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีดำ

ในแต่ละครั้งที่คนในราชวงศ์แห่งโซเวียเกิดมาก็จะมีเพียงคนๆ เดียวเท่านั้นในตระกูลดาร์กเซสที่จะหยุดปีศาจร้ายในร่างได้ ราวกับว่าคนหนึ่งในราชวงศ์แห่งดาร์กเซสจะเกิดมาเพื่อคนหนึ่ง ในราชวงศ์แห่งโซเวีย เหมือนกับพวกเขาเกิดมาเพื่อกันและกัน และมันก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมา…

วันนี้พระราชวังแห่งโซเวียที่เคยเงียบสงบกลับต้องตอนรับพระ ราชอัคตุกะจากประเทศข้างเคียง รถลากที่เทียบเพกาซัสได้จอด ลงบนพื้นในวังโซเวียอย่างนุ่มนวลตั้งแต่เช้าก่อนบุรุษผมดำทรงอำนาจจะก้าวลงมาจากรถเป็นคนแรก ดวงตาสีนิลคู่นั้น สงบนิ่งทว่าคมกริบ ไอสังหารบางๆที่ล้อมรอบร่างสูงอยู่นั้นขับให้ บุรุษคนนี้ดูน่าย่าเกรงขึ้น

สตรีคนที่สองที่ก้าวลงจากรถม้าแม้จะดูยิ้มแย้มแต่ก็ไม่ละทิ้ง ความสูงศักดิ์อย่างราชนิกุลไว้ ดวงตาสีนิลกวาดไปมองตรงนู้นที ตรงนี้ที่ทำให้เส้นผมสีดำยาวสะบัดไปตามแรงหันหน้าของเจ้าตัว

สองคนที่เพิ่งลงมาจากรถคือคนสำคัญมากที่สุดในดาร์ดเซส องค์ราชาเอรีส เดริอัสกับองค์ราชินีมาอาน่า เดริอัสแห่งดาร์ดเซส แต่ไม่นานเด็กอายุห้าขวบเจ็ดคนก็เดินตามลงมาจากรถ

ดวงตาสีนิลขององค์ราชินีหันไปมองเด็กรุ่นลูกที่มีทั้งเด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชาย แต่ละคนต่างเรียบร้อยและสง่างามสมกับที่เป็น คนในตระกูลของราชวงศ์แห่งดาร์ดเซส ซึ่งคนที่นี้รู้ดีว่ากลุ่มคน ตรงหน้าทั้งหมดคือผู้ที่เกิดมาพร้อมกับรูปดอกกุหลาบสีดำ

“วันนี้แล้วสินะ” องค์ราชาเอสพึมพำเบาๆกับพระองค์เองแต่มี หรือจะรอดหูขององค์ราชินีที่ยืนอยู่ข้างๆไปได้ ซึ่งมาอาน่าก็ยิ้ม ออกมาพลางพยักหน้าให้

“ใช่…วันนี้แล้ว อยากรู้จังเลยว่าเด็กคนไหนจะได้เป็นผู้ถูกเลือก เสียงหวานพูดอย่างตื่นเต้นผิดกับเอรีสที่ค้านขึ้นมาในใจ

มาครั้งนี้มันไม่ได้สนุกอย่างที่คิดหรอกนะมาอาน่า มาครั้งนี้เธอ จะได้เห็นถึงความเจ็บปวดของคนในตระกูลราชวงศ์แห่งโซเวีย และพอถึงตอนนั้นเธออาจจะไม่อยากจะรับรู้ถึงมันอีก

ภายในราชวังแห่งโซเวียอันยิ่งใหญ่ ของทุกอย่างในนี้ล้วนแต่ ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและหรูหราซึ่งแน่นอนว่าของแต่ละชิ้น ล้วนมีราคาแพงลิบลิ่วจนแม้แต่คนร่ำรวยหลายคนยังไม่อาจหามา ครอบครอง เหล่าผู้มาเยือนจากดาร์ดเซสเดินตามทางที่ปูไปด้วย กระเบื้องขัดเงาวับแล้วทับด้วยพรมแดงเนื้อดีมาจนถึงห้องโถง ใหญ่ซึ่งมีหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีรออยู่ก่อนแล้ว

บุรุษคนแรกมีเรือนผมสีทองยาวมัดไว้ด้านหลัง ดวงตาสีทองคู่ นั้นดูทรงอ่านาจจนสามารถสะกดทุกคนเอาไว้กับที่ได้ ทว่าใครจะ รู้ว่าภายใต้ท่าทางทรงอำนาจนั้นมันกลับซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ มากมาย

สตรีคนข้างๆก็ดูสง่างามไม่แพ้กัน ผมสีชมพูยาวถูกรวบไว้ข้าง หลังเป็นอย่างดี ดวงตาสีชมพูที่ทอดมองทุกอย่างคู่นั้นยังคง อ่อนโยนไม่เปลี่ยน การแต่งกายของเธอบ่งบอกถึงความสุภาพ เรียบร้อย แต่ภายใต้ท่าทางแบบนั้นเธอคนนี้เคยเป็นถึงนักล่าอันดับหนึ่งผู้มีรูปดอกกุหลาบสีดำมาก่อน และอดีต นักล่าอันดับสองก็ไม่ใช่ใครนอกจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอในเวลา นี้ องค์ราชาคาเรียส เอน่อนกับองค์ราชินีวาเนชา เอน่อนแห่งโซ เวีย

“ไม่เจอกันนานเลยนะ” องค์ราชาคาเรียสทักออกมาเป็นคนแรก ทำให้องค์ราชินีมาอาน่าพยักหน้าพร้อมยิ้มให้

“แล้วลูกชายของพวกนายไปไหนล่ะ” องค์ราชาคาเรียสยังคง ถามพลางหันไปมองรอบๆเพื่อหาลูกของเพื่อนสองคนตรงหน้า

“บอกว่าติดงาน แต่จะมาตอนเย็น” เสียงคนเป็นแม่ของเด็กชาย ผู้ไม่อยู่บ่น เพราะยังไงการทดสอบก็จะเริ่มหลังทิวากรลาลับจาก ขอบฟ้าอยู่แล้ว ไอ้ลูกคนนั้นก็เลยบอกว่าจะไปล่าปีศาจเสียก่อน ค่อยกลับมาตอนดึก

“งานอะไรหรือคะ” องค์ราชินีวาเนชาถามด้วยความอยากรู้ ทั้งที่ ยังเป็นเด็กน้อยไม่ต่างจากเด็กทุกคนในห้องนี้แต่กลับมีงานรัดตัว

“ล่าปีศาจ” คำตอบขององค์ราชินีมาอาน่าทำเอาทุกคนในห้อง เงียบสนิท อันที่จริงผู้เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีดำสามารถ ใช้ได้ทุกธาตุเหมือนผู้เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบขาว แต่พวก เขาไม่จำเป็นต้องเติบโตขึ้นเพื่อเป็นนักล่าและไม่ต้องหวาดกลัวตนเองแม้จะมีพลังและอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม

เพราะแบบนี้มันถึงทำให้พวกเราอิจฉา…ทั้งที่มีพลังและอำนาจ มากมายเหมือนกันหากพวกเราก็ยังต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ผิดกับ พวกคนที่เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีดำ มันทำเอาพวกเราอด คิดไม่ได้ว่าผู้เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีดำนี่แหละที่เป็นของ ขวัญอันล้ำค่าจากฟากฟ้าจริงๆ พวกเราเฝ้ามองพวกเขาที่ใช้ชีวิต ได้อย่างเสรีโดยที่รู้ว่าพวกเราไม่มีวันทำแบบนั้นได้…แม้สักครั้ง ในชีวิต

“อันดับอะไรละ” คาเรียสเอ่ยถามออกมาอีกเหมือนชวนคุยและ พยายามลบร่องลอยความเจ็บปวดในใจออกไป เรื่องพวกนี้เขา ยอมรับมันมาได้ตั้งนานแล้ว แต่คงไม่ผิดใช่ไหมที่ยังคงเจ็บเมื่อ นึกถึง

“สิบสอง” คําพูดที่หลุดออกมาจากปากองค์ราชาแห่งดาร์กเซส ทําเอาคนถามผิวปากเพราะตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่ใหญ่จริงๆ เด็กขนาดนั้นแต่สามารถก้าวขึ้นมาอยู่เหนือนักล่ามากมายได้ พลังขององค์ชายแห่งดาร์กเซสไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ใช่แล้ว…พลังไม่ธรรมดา และความโหดเหี้ยมเองก็คงไม่ ธรรมดาด้วยเหมือนกัน เพราะนักล่าลำดับต้นๆ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ โหดเหี้ยมไร้ความปรานี
“กะเอาอันดับสามเลยหรือไง” เสียงเพื่อนรักแซว ที่เขาไม่บอก ว่ากะจะเอาตำแหน่งอันดับหนึ่งหรืออันดับสองเพราะว่าอันดับสอง จะถูกเก็บไว้ให้คนในตระกูลโซเวียที่มีพลังและอำนาจเหนือใคร หรือก็คือคนในตระกูลโซเวียที่เกิดมาพร้อมรูปดอกกุหลาบสีขาว คือเด็กพิเศษที่จะยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของนักล่าผู้มีรูปดอก กุหลาบสีขาวนั่นเอง

ส่วนนักล่าอันดับหนึ่งจะถูกเก็บไว้ให้เด็กผู้มีรูปดอกกุหลาบสีดำ ซึ่งเป็นคนที่สามารถควบคุมปีศาจในร่างของนักล่าลำดับสองได้

อย่างในกรณีนี้ที่คนในตระกูลแห่งโซเวียเกิดมาเป็นผู้หญิง ถ้า เด็กในตระกูลผู้ครอบครองรูปดอกกุหลาบสี ที่สามารถสยบ ปีศาจร้ายได้เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทั้งคู่จะต้องกลายมาเป็นเพื่อน สนิทที่แยกจากกันไม่ได้ไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากเด็กคนนั้นเป็น ผู้ชายทั้งสองก็ต้องหมั้นกันและต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล

“ไม่รู้สิ…ในเมื่อเบื้องบนถนัดการกลั่นแกล้ง” มันเป็นคําตอบของ องค์ราชาเอรีสแต่ไม่ต้องบอกทุกคนก็สามารถรับรู้ได้ว่าในอนาคต เด็กชายคนนั้นจะต้องสามารถคว้าตำแหน่งนักล่าอันดับสามมา ได้อย่างแน่นอน ในเมื่อทุกคนต่างก็เล่าลือถึงความร้ายกาจและ ความโหดเหี้ยมของเจ้าชายรัชทายาทแห่งดาร์กเซส แถมเพิ่ง ออกล่าได้เพียงแค่สามวันเจ้าตัวก็คว้านําแหน่งนักล่าอันดับสิบ สองมาได้เสียแล้ว
เจ้าชายผู้เป็นความหวังของดรากเซส เก่งกาจถึงขนาดนี้แล้วจะ ไม่ให้ประชาชนนักเทิดทูนได้ยังไง

“เอาละ…พวกนายไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดินทางมาไกลๆคงจะ เหนื่อย ยังไงงานก็เริ่มตอนกลางคืนอยู่แล้ว” องค์ราชาคาเรียส เอ่ยออกมาก่อนจะหันไปสั่งพวกนางกำนัลให้รองรับแขก

พระอาทิตย์สีสันในยามที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าช่างสวยเหมือนภาพ วาด ท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มบ่งบอกเวลายามเย็นที่ใกล้จะค่ำก็ ดูงกงาม ทว่าแม้จะสวยแค่ไหนเธอก็เกลียดมัน….เกลียดมันเหลือ เกิน เกลียดแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะมันหมายถึงยามราตรี ที่กำลังจะมาเยือนและยามราตรีก็คือตัวพันธนาการอิสระภาพ ทั้งหมดของเธอ

เด็กน้อยผมสีชมพูยาวที่นั่งอยู่ในห้องนอนของตนเองคิดพลาง ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดมองออกไปไกลแสนไกล ทอดมองไปในที่ที่เธอไม่เคยมีสิทธิก้าวออกไปเหยียบแม้แต่ครั้ง เดียว

ช่างน่าอิจฉาคนที่มีอิสระทั้งในยามกลางวันและกลางคืนเสีย จริง คิดมาถึงตรงนี้มือเล็กๆก็ยกขึ้นแตะไหล่ซ้ายที่มีรูปดอก กุหลาบสีขาว มันคือสิ่งที่ผู้คนมากมายยกย่องและกล่าวขานว่ามันคือสมบัติอันล้ำค่าจากฟากฟ้า ทว่าสำหรับเด็กน้อยแล้ว สิ่งนี้กลับเป็นทั้งตราบาปและเป็นตัวพันธนาการอิสรภาพทั้งชีวิต ของเธอ ต่อให้อยากหนีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ในเมื่อมันจะ ติดตัวเธอไปชั่วชีวิต

เกาะ…เสียงเคาะประตูตามมารยาทด้งขึ้นขีดความคิดทั้งมวล ของเด็กน้อย

“แม่เข้าไปนะเซน” เสียงหวานของท่านแม่ดังมาก่อนประตูจะถูก เปิดออก ผู้มาใหม่มองเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างด้วยแววตา อ่อนโยน เด็กคนนี้คือเซนาเรียส เอน่อนเจ้าหญิงแห่งโซเวีย ซึ่ง ทุกคนที่สนิทต่างก็เรียกเด็กหญิงสั้นๆว่าเซน

“วันนี้แล้วนะลูก ถ้าลูกโชคดีลูกคงจะได้เป็นอิสระ” เสียงหวาน ของผู้เป็นแม่เอ่ยปลอบเด็กน้อยพลางลูบผมสีชมพูโดยไม่รู้เลยว่า เด็กหญิงขมขื่นกับคําพูดนั้นมากเพียงใด

“แต่ถ้าโชคร้ายลูกคงถูกขังอยู่แบบนี้ตลอดไปใช่ไหม” เสียง หวานของเด็กน้อยถาม ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกจากปากผู้เป็น แม่ทว่าความเงียบนั้นมันคือคำตอบให้เด็กน้อยได้ดียิ่งกว่าคำพูด ใด สิ่งที่เด็กน้อยพูดมาถูกต้องทั้งหมด

“ในชีวิตลูก…แค่ต้องการเพียงอิสรภาพอย่างที่ท่านพ่อได้รับเมื่อ มีท่านแม่อยู่ข้างๆ… เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ในเมื่อลูก…สามารถ วาดฝันได้แค่นั้นจริงๆ” เสียงใสของเด็กน้อยเอ่ย
ออกมาพร้อมรอยยิ้มทำให้องค์ราชินีวาเนชานิ่งเงียบไป

เธอไม่รู้ว่าควรจะสรรหาคำไหนมาปลอบลูกสาวตัวน้อยของเธอ ดี ความเจ็บปวดที่ลูกคนนี้กำลังแบกรับ มันคือความเจ็บปวดที่ คนในตระกูลแห่งโซเวียแบกรับมารุ่นแล้วรุ่นเล่าและไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย

“ลูกรัก อดทนอีกนิดเถิด ขอเพียงลูกอดทนมากกว่าใครๆ ขอ เพียงแค่ไล่ตามความหวังอย่างไม่ย่อท้อ สักวันลูกจะได้รับมัน เอง” สําหรับคนที่เกิดมาในตระกูลโซเวียแล้วอิสรภาพคือทุกสิ่ง ทุกอย่างของพวกเขา ในเมื่อมันคือสิ่งที่คนตระกูลนี้โหยหามา ตลอด

เด็กหญิงเพียงแค่เหยียดยิ้มออกมาวูบหนึ่งราวกับจะเยาะเย้ย ตนเอง ท่านแม่…เธอน่ะหวังมานานแล้ว…หวังจนความหวังนั้นริบ หรี่ลงเรื่อยๆ…หวังจนไม่อยากจะหวังมันอีกต่อไป ปรารถนาจน เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเมื่อเอื้อมมือออกไปสิ่งที่ไขว่คว้า เอาไว้ได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า หรือว่าลูกกําลังปรารถนาใน สิ่งที่ไม่มีวันจะเป็นจริงกัน

“ขอแค่ได้ออกไปนอกรั้ววังยามกลางคืนได้โดยไม่ต้องหวาด กลัวสิ่งใด แม้ไม่ใช่อิสรภาพที่สมบูรณ์แต่ตอนนี้ขอเพียงแค่นั้น ก็ยังดี..” ใช่…ขอเพียงแค่นั้นเอง เพราะทุกครั้งที่กลับกลายเป็น ปีศาจมันช่างทรมานเหลือเกิน ดวงตาสีทองทอดมองไปยังฝาก ฟ้าที่พระอาทิตยใกล้จะหายไปเต็มที เด็กน้อยนั่งเหม่อมองฝูงนกกาที่พากันบินกลับรัง

“ท่านแม่ลูกอิจฉานก…แม้ไม่ต้องมีพลังแกร่งกล้าแต่ก็มีปีกเพียง คู่เดียวเท่านั้นที่จะสามารถพาเราไปได้ทุกที่โดยที่ไม่มีใครหรือ อะไรขวางกั้น ลูกจึงอิจฉาพวกมัน….อิจฉาพวกมันมาตลอด…” นก ที่บินอยู่บนฟากฟ้าช่างสวยงาม…

มีคนเคยบอกว่าทุกคนมีปีกของตนเองที่สามารถท่องไปในโลก กว้างอย่างอิสระ ถ้าหากนกพวกนั้นคือคนที่สามารถโผบินขึ้น ไปไขว่คว้าความฝันของตนได้ และนกที่อยู่ด้านล่างซึ่งกำลัง หัดบินคือผู้ที่พยายามกางปีกบินไปหาความฝันแล้วละก็… เธอ คงเป็นเพียงนกที่มีปีกแต่ไม่สามารถบินขึ้นไปได้ สิ่งที่ทําได้คือ มองนกพวกนั้นกางปีกออกจนสุดและบินขึ้นไปเพื่อให้ได้สิ่งที่ ตนเองปรารถนาโดยที่เธอได้เพียงแค่มองอยู่บนพื้นดินตลอดไปก็ เท่านั้นเอง…

เพียงไม่นานท้องฟ้าสีแดงก็กลับกลายเป็นดำมืดเมื่อราตรีกาล มาเยือน หมู่ดาวมากมายพากันออกมาแต่งแต้มท้องฟ้าให้ดูสดใส ดวงจันทราค่อยๆเผยโฉมอวดความงดงามของมันท่ามกลางความ มืดมิดบนท้องนภาซึ่งเธอก็สามารถดูมันได้แค่ในรั้ววังเท่านั้น อยากรู้เสียจริงว่าการมองดาวที่อื่นจะอ้างว้างเหมือนกับดูดาวอยู่ที่ นี่หรือเปล่า

องค์ราชินีวาเนชามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันกลับมา มองลูกสาวคนเดียวของเธอ มีหรืออย่างเธอจะไม่เข้าใจความปรารถนาของลูกน้อย เธอเข้าใจซ้ำยังอยากช่วยลูก แต่เธอ ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ต่างหาก เธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลย จริงๆ

“ได้เวลาแล้วเซน” เมื่อผู้เป็นแม่เอ่ยเรียก เด็กหญิงลุกขึ้นจาก เก้าอี้แล้วเดินตามแม่ของเธอออกไปจากห้อง ทิ้งทั้งภาพของหมู่ ดาวและดวงจันทราบนท้องฟ้าอันมืดมิดไว้ด้านหลังอย่างเงียบงัน

เธอเกลียดเลือด…เกลียดเลือดสีแดงฉาน ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ ปลุกปีศาจร้ายในตัวเธอให้ดิ้นรนออกมาสู่โลกภายนอก แต่เหนือ สิ่งอื่นใดเธอเกลียดรูปดอกกุหลาบสีขาวและพลังของตนเอง หากไม่มีมันเธอก็คงไม่ต้องทรมานและถูกกักขังอยู่แบบนี้

การถูกพันธนาการมันช่างทรมานเหลือเกิน… ทั้งที่ไม่ได้ทำ อะไรผิดเพียงแค่เกิดมามีพลังและอำนาจมากมายจนไม่อาจ ควบคุมปีศาจร้ายในยามกลางคืนเมื่อเห็นเลือดได้ ถ้าหากสามารถ เลือกได้ เธอก็ไม่อยากจะเกิดมาเป็นแบบนี้หรอก

เพราะแบบนี้เธอจึงเกลียดตนเองและเฝ้าถามว่าเธอเกิดมาเพื่อ อะไร

ใช่…จะเกิดมาแล้วมีลมหายใจไปเพื่ออะไรกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ