คัมภีร์เหนือเวท

กุญแจดอกที่ 4 : ภารกิจครั้งใหม่ (บทต้น)



กุญแจดอกที่ 4 : ภารกิจครั้งใหม่ (บทต้น)

ทั้งที่พยายามเหลือเกินที่จะไม่ให้ตนเองถูกปีศาจซึ่งอยู่ภายใน ร่างกลืนกิน

ทั้งที่พยายามจะมีชีวิตในฐานะมนุษย์ซึ่งไม่ใช่ปีศาจ

ทั้งที่พยายามขนาดนั้นแท้ๆ

แต่พวกเขาที่อยู่ตรงหน้ากลับบอกว่า…

พวกเขาต้องการปีศาจในร่างมากกว่าเธอที่เป็นมนุษย์ แล้วเธอควรจะทำยังไงดี…

สมาพันธ์นักล่าเป็นที่ที่รวบรวมนักล่าจากทั่วทุกทิศเอาไว้และยัง เป็นที่ส่งมอบภารกิจสำคัญให้กับพวกนักล่าในระดับต่างๆ เมื่อใด ที่มีเรื่องเกี่ยวกับปีศาจคนจากทั่วอาณาจักรก็จะขอความช่วยเหลือ มาที่นี่และทางสมาพันธ์จะจัดหาคนออกไปจัดการปัญหาทันที

เป้าหมายเดียวของสมาพันธ์นักล่าคือการกำจัดปีศาจให้หมดไป จึงไม่แปลกที่ทางสมาพันธ์จะยอมทำทุกอย่างเพื่อกวาดล้างปีศาจ คัมภีร์เหนือเวทก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทางสมาพันธ์ ค้นหามาตลอด และในปีนี้เองที่พวกเขาค้นพบว่ามันอยู่ที่ไหน หลังจากตามหามันมายาวนาน

สำหรับนักล่าแต่ละคนของที่นี่ล้วนแต่มีสมญานาม นกสื่อสาร และตราสัญลักษณ์ประจำตัว เหล่านักล่าธรรมดาจะสามารถไต่ เต้าขึ้นไปสูงสุดได้แค่อันดับที่สามเท่านั้น ส่วนอันดับหนึ่งและ อันดับสองจะถูกเก็บเอาไว้สำหรับผู้ที่คู่ควรกับมันมากที่สุด

อันดับสองจะเก็บไว้ให้คนในตระกูลโซเวียที่แข็งแกร่งและมีพลัง เวทมากที่สุด เหนือผู้มีรูปดอกกุหลาบสีขาวทุกคน ส่วนอันดับ หนึ่งจะถูกเก็บเอาไว้ให้กับผู้มีรูปดอกกุหลาบสีดำซึ่งเป็นผู้ถูก เลือกจากคนในตระกูลราชวงศ์แห่งดาร์กเซส

นักล่าอันดับหนึ่งและอันดับสองล้วนเป็นตำนานมีชีวิตของที่นี่ เลยก็ว่าได้ พวกเขามีสิทธิเหนือนักล่าทั้งมวล ถ้าหากพวกเขาคิด จะทำสงครามกับประเทศใดประเทศหนึ่งและสั่งให้นักล่าทุกคน มารวมกัน นักล่าทุกคนก็ต้องทำตามเพราะวาจาของสองคนนั้น คือประกาศิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องปฏิบัติ

แต่น่าเสียดายที่มีนักล่าเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นนักล่าอันดับหนึ่ง และอันดับสองในแต่ละรุ่น เพราะแม้นักล่าอันดับหนึ่งจะเคยถูกจับ คู่กับนักล่าคนอื่นทว่าก็น้อยมากจนนับครั้งได้และส่วนมากคนที่ ถูกจับคู่กับนักล่าอันดับหนึ่งจะเป็นนักล่าอันดับต้นๆทั้งนั้น

ส่วนนักล่าอันดับสองนอกจากจับคู่กับนักล่าอันดับหนึ่งแล้วก็ไม่ เคยออกล่าคนเดียวหรือจับคู่กับคนอื่นโดยที่ไม่มีนักล่าอันดับหนึ่ง เลยสักครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการอาระวาดของปีศาจร้ายภายใน ตัวของนักล่าอันดับสองที่ควบคุมไม่ได้

นักล่าทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ประจำตัว เหมือนหรือคล้ายของนักล่าอันดับหนึ่งหรืออันดับสองเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแอบอ้าง ถ้าใครฝ่าฝืนกฎข้อนี้โทษมีสถานเดียว คือความตาย นั่นคือกฎเหล็กในสมาพันธ์ที่ต้องทำตามอย่าง เคร่งครัดและกฎนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

สําหรับพวกนักล่าแล้วยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องเก่งกาจ และแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นแถมอำนาจภายในสมาพันธ์ก็ยัง มีมากขึ้นไปด้วย จึงไม่แปลกเลยสักนิดถ้าจะเห็นการปะทะกัน ภายในสมาพันธ์บ่อยๆ

วันนี้ในปราสาทหลังยักษ์ที่ถูกสร้างเป็นสมาพันธ์นักล่ายังคง เป็นเหมือนทุกวันอย่างเช่นที่มันเป็น สายลมเบาๆพัดพาทำให้ อากาศภายในสมาพันธ์กำลังเย็นสบาย แต่อากาศที่เย็นลงนั้น กลับไม่ได้ทําให้คนภายในสมาพันธ์เย็นลงตามไปด้วยเลยสักนิด
การปะทะกันของเหล่านักล่าเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไปสู่จุดที่สูงที่สุด ยังคงมีให้เห็นเรื่อยๆจนเป็นที่ชินตา เสียงการปะทะกันของอาวุธ และเวทมนตร์ยังคงดังลอยเข้าหูเป็นระยะจนคนที่เดินอยู่ภายใน สมาพันธ์ชักจะรำคาญ ดวงตาสีนิลเย็นชาเริ่มฉายแววหงุดหงิด ออกมาจางๆทำเอาคนที่เดินมาด้านข้างต้องรีบปลอบให้ใจเย็นลง

“เอาน่าเร…อย่าไปคิดมาก ยังไงนายก็ไม่ได้เข้าสมาพันธ์แบบ นี้ทุกวันสักหน่อย ทนๆไปสักนิด อย่าลดตัวลงไปหาเรื่องกับเจ้า พวกนั้นเลยมันไม่คุ้มกันหรอก” เสียงเพื่อนคนข้างๆตัวปลอบเสีย ยืดยาวเพราะกลัวใจร่างสูงทําเอาเรฟานอฟชักอยากเปลี่ยนเป้า หมายมาที่เพื่อนคนข้างๆแทนเพราะความรําคาญ

เพื่อนคนนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาคือสิบห้าปี เด็กหนุ่มคน นี้มีผมสั้นสีเขียวใบไม้และดวงตาสีมรกตที่เต้นระริกบ่งบอกว่าเจ้า ตัวเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ

“ถ้ายังพูด นายจะตายแทนพวกนั้น” เสียงเย็นเยียบดังมาพร้อม ดวงตาสีดำสนิทที่บอกว่าเอาจริงไม่ได้ขู่ทําเอาฟรอส ธันเดอร์ ก ล่าอันดับสามแห่งสมาพันธ์นักล่าเจ้าของสมญาดาบมรณะอดจะ หวั่นๆขึ้นมาไม่ได้ หมอนี่มันเป็นพวกพูดจริงทําจริงเสียด้วย

“นายนี่มันเป็นพวกอำมหิตไม่เปลี่ยนเลยแหะ ขนาดเพื่อนยังฆ่าได้ลงคอ” ดวงตาสีนิลของเรเหลือบไปมองคนที่พูดออกมา เต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพื่อนของเขาได้หน้าตาเฉยก่อนจะแสยะยิ้ม ออกมา

“เพื่อนไร้ประโยชน์” คำพูดที่ตอกกลับทำเอาฟรอสถึงกับชะงัก ไปทันทีเพราะมันช่างแทงใจสุดๆในเมื่อฝีมือของคนตรงหน้ามัน ดันทิ้งห่างเขาไปแบบไม่เห็นฝันว่าได้เจ็บมากเร

ฟรอสรีบสาวเท้าออกเดินอีกครั้งเมื่อทําใจได้แต่ก็เกือบจะโดน ทิ้งเพราะนักล่าอันดับหนึ่งนั้นเดินนำไปไกลมากโดยไม่หันมา เหลียวแลเขาเลยสักนิด

มันก็น่าอึ้งอยู่หรอก เขาที่เป็นถึงนักล่าอันดับสามซึ่งอยู่อันดับ สูงสุดของพวกนักล่าธรรมดาที่ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเหมือนคนตรง หน้า แต่ถูกกล่าวหาว่าไร้ประโยชน์อย่างที่ตนเองก็เถียงไม่ขึ้น เลยสักนิด น่าเศร้าใจจริง ต่อให้เขามีฝีมือมากขนาดนี้แต่คนตรง หน้ากลับเก่งกว่าจนเขาเทียบไม่ติด

เมื่อไหร่นายจะหัดพูดดีๆกับฉันบ้างเนี่ย” ฟรอสพูดออกมาเมื่อ ไล่ตามร่างสูงของนักล่าอันดับหนึ่งทัน ตามทางที่พวกเขากำลัง เดินอยู่มีพวกนักล่ามากมายที่เดินสวนกันไปมา แต่เมื่อเขาเดิน ผ่านทุกคนก็จําต้องหลบทางให้และก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่อง เลยสักคนเดียวในเมื่อไม่มีใครกล้าจะมีเรื่องกับนักล่าอันดับสาม หรอก ซึ่งเรที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนักล่าอันดับหนึ่งก็พลอยได้ผล ประโยชน์ไปด้วย
เรฟานอฟอยากจะถอนหายใจออกมาเพราะความรำคาญก่อนจะ เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเช่นเคย

“นายไม่ใช่เซน” ง่ายๆสั้นๆและได้ใจความชัดเจน ในเมื่อเขา ไม่ใช่เซนาเรียสก็ไม่มีวันที่คนข้างๆจะพูดดีกับเขาหรอก ไอ้พวก หลงคู่หมั้นตนเองจนโงหัวไม่ขึ้น

“เออ…พูดถึงเซนแล้วนึกขึ้นได้ เซนไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” ฟ รอสถามเพราะเรกับเซนจะไม่ค่อยแยกจากกัน จึงเป็นเรื่องปกติ หากว่าเห็นเรที่ไหนก็จะเห็นเด็กสาวที่ชื่อเซนที่นั่น

“เซนมาก่อน” เรพูดแค่นั้นไม่ได้บอกเหตุผลว่าเหตุใดเซนาเรียส ถึงมาก่อน แต่ไม่เป็นไรเอาไว้ถามฝ่ายหญิงก็ได้ในเมื่อเขาไม่กล้า ง้างปากฝ่ายชาย มันน่ากลัวขนาดนี้เพราะฉะนั้นจะมาหาว่าเขา พลาดไม่ได้นะ ฟรอสได้แต่คิดแบบนั้นในใจอยู่เงียบๆ

แต่พอเดินไปสักพักคนทั้งสองก็ต้องหยุดลงเพราะตรงทางเดิน ที่พวกเขาต้องผ่านกลับมีพวกนักล่ามากมายพากันมุงดูอะไร บางอย่างอยู่ ฟรอสอยากจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางแบบนี้คงมีเรื่องกันล่ะสิ

นักล่าอันดับสามตัดปัญหาโดยการจะเดินเลี่ยงออกมาจากแถว นั้น เขาไม่อยากหาเรื่องใครโดยเฉพาะในตอนที่มีเรฟานอฟอยู่ ด้วย ไม่ใช่ว่ากลัวนักล่าอันดับหนึ่งจะโดนลูกหลงหรอกนะแต่กลัวไอ้คนหาเรื่องและพวกที่มุงจะตายแทนน่ะสิ

แต่เรกลับจ้องเข้าไปด้านในไม่วางตา ดวงตาสีนิลคู่นั้นหรื ลงอย่างน่ากลัวพร้อมๆกับจิตสังหารที่ถูกปล่อยออกมาอย่าง เงียบเชียบทว่าคมกริบและรุนแรงจนฟรอสยังอดกลัวไปด้วยไม่ ได้ ท่าทางแบบนี้เรคงหงุดหงิดไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฟรอสขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะใช้สัมผัสของนักล่ามองเข้าไป ด้านใน สัมผัสของพวกนักล่าจะสามารถทำให้เห็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเราได้ชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม สัมผัสของนักล่า เองก็มีหลายระดับตามความสามารถของผู้ใช้ ถ้าหากมีระดับไม่ สูงมากสัมผัสนักล่าก็จะฉายเป็นเพียงเส้นร่างของสิ่งแวดล้อมร อบๆตัว ต่อให้ปิดตาเดินแล้วใช้สัมผัสนักล่าระดับนี้ก็ไม่มีทางที่จะ เดินชน แต่สำหรับสัมผัสนักล่าของฟรอสนั้นเป็นสัมผัสระดับสูงที่ สามารถเห็นได้ทั้งรูปร่างและสีเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะได้ถึงขั้นนี้ก็ ต้องผ่านการฝึกมามากมายแถมยังต้องใช้พลังมากอีกด้วยทำให้ คนที่ใช้สัมผัสนักล่าระดับนี้ได้จะเป็นพวกนักล่าอันดับต้นๆเสียเป็น ส่วนใหญ่

เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟรอสก็หน้าซีดไปทันตา ดวงตาสี เขียวหันไปมองเพื่อนคนข้างๆแล้วได้แต่กลืนน้ำลายลงคอดัง เฮือก ก็ว่าทำไมมันดูโกรธนัก ดูท่าพวกเขาคงไม่ได้เดินผ่านไป เฉยๆเสียแล้ว เขาต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนที่หมอนี่จะ โกรธไปมากกว่านี้ ใครจะไปรู้มันอาจจะลุกขึ้นมาทำลายสมาพันธ์ เลยก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นนักล่าอันดับสามก็รีบเบียดเหล่านักล่าที่มายืน มุงเข้าไปทันที รีบเดินเบียดเข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะ เอื้ออำนวยเพื่อจะได้เข้าไปให้ถึงก่อนคนข้างหลังที่สาวเท้าตาม มาติดๆ

หลายคนที่ถูกฟรอสเบียดต่างหันขวับมามองอย่างหาเรื่องแต่ก็ ต้องรีบหลบสายตาไปเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือนักล่าอันดับ สาม ในสมาพันธ์นักล่าแห่งนี้ไม่มีใครอยากจะเป็นศัตรูกับคนๆนี้ หรอก

ฟรอสรีบแหวกผู้คนจนกระทั้งถึงใจกลางเหตุการณ์ ที่นั่นเขา พบชายคนหนึ่งกําลังยืนหาเรื่องเด็กสาวผมชมพู ดวงตาสีทอง ของของเด็กสาวฉายแววเสียใจออกมาในขณะใกล้ๆกันนั้นก็มีนัก ล่าหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาอีกคนกำลังช่วยไกล่เกลี่ย สถานการณ์ให้

เด็กหนุ่มที่พยายามช่วยเหลือมีผมสีฟ้าและดวงตาสีน้าเงิน ถ้าฟ รอสจําไม่ผิดหมอนี่น่าจะเป็นนักล่าอันดับหก คาไมเคิล เอดีนรีส เจ้าของสมญาอินทรีแห่งหายนะ

ต้องจําไว้สักหน่อยแล้วจะได้ไปขอบคุณ หลัง ยังยึด สถานการณ์ไม่ให้เกิดเรื่อง ไม่งั้นคงจบแบบต้องมีใครศพไม่สวย แน่

“มีอะไรกัน” ฟรอสถามออกไปด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจและท่าทางองอาจสมกับเป็นนักล่าอันดับสามที่ทุกคนต้องเคารพและ ยำเกรง คนทั้งสามที่ทะเลาะกันอยู่รีบหันมามองทันทีและเมื่อเห็น ว่าคนตรงหน้าเป็นใครเด็กสาวผมชมพูก็ยิ้มออกมาให้อย่างน่ารัก

ใช่…น่ารักเสียจนฟรอสอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ว่าเพื่อนหนุ่มที่เดิน ตามหลังมาติดๆจะควักลูกตาของนักล่ารอบด้านที่จ้องเด็กสาว อย่างเคลิ้มๆหรือเปล่า

“สวัสดีฟรอส” เด็กสาวทักทายคนที่เดินนำมากก่อนแล้วจึงรีบวิ่ง ไปหาคนที่เดินตามมาทีหลังอย่างร่าเริง

“กลับมาแล้วหรือเร” ไม่พูดเปล่าเด็กสาวผมชมพูยังกระโดดกอด เจ้าชายแห่งดาร์กเซสซะแน่นจนฟรอสอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเด็ก อายุสิบห้าหรือห้าขวบกันแน่

“คุณฟรอส พอดีว่าผู้หญิงคนนี้เดินชนเขาน่ะครับ แล้วไปทำ กล่องพันธนาการของเขาเสีย คณคนนี้เขาก็เลยไม่พอใจ” คา ไมเคิลตอบคําถามของนักล่าอันดับสามให้อย่างสุภาพตามนิสัย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอยู่ดี

“ฟรอส…ฉันบอกแล้วนะว่าจะชดใช้ให้ ถ้าเป็นกล่องพันธนาการ ตอนนี้ฉันก็มีติดตัว เอาของฉันไปก่อนได้ไหม” เซนถามคําถาม นี้มาตั้งหลายรอบแล้วแต่อีกฝั่งก็ไม่เชื่อว่าเธอมีแถมยังตั้งท่าหา เรื่องเธอท่าเดียว
อันที่จริงอีกฝ่ายจะไม่เชื่อว่าเธอมีกล่องพันธนาการก็ไม่แปลก เพราะกล่องพันธนาการไม่ได้หาง่ายเลยแถมยังแพงชนิดที่ ทำเอานักล่าชั้นกลางๆต้องทุ่มเงินเดือนสามเดือนของตนเองซื้อ กล่องพันธนาการที่พูดถึงมีไว้สำหรับพันธนาการศัตรูแต่เซนก็พก มันติดตัวเอาไว้เสมอเผื่อว่าเมื่อใดที่เธอกลายเป็นปีศาจร้ายที่ไม่ อาจควบคุมกล่องพันธนาการจะเป็นตัวกักขังเธอเอาไว้ ถึงจะได้ เพียงไม่นานก็ตาม แต่แค่นั้นก็จะสามารถซื้อเวลาให้คนอื่นได้

“อย่างเธอน่ะหรือจะมีมัน ฉันว่ามาแก้ปัญหาแบบที่พวกเราใช้กัน อยู่เป็นประจำดีกว่า” นักล่าชายคนนั้นพูดพลางจ้องหญิงสาวผม ชมพูที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มผมดาผู้มาใหม่

คาไมเคิลส่งสายตาให้ฟรอสเหมือนกับจะบอกว่าอีกฝ่ายก็ไม่ ยอมปล่อยไปเฉยๆเช่นกัน อันที่จริงเพียงแค่คาไมเคิลเอ่ยปาก สั่งค่าเดียวการทะเลาะในครั้งนี้ก็ต้องยกเลิกทันทีเพราะเขาเป็น นักล่าอันดับหก ย่อมมีสิทธิใช้อำนาจกับคนที่มีลำดับต่ำกว่าอย่าง ชายที่จ้องหาเรื่องเด็กสาวอยู่ แต่เขาไม่ใช่คนบ้าอำนาจและคิดว่า สถานการณ์แค่นี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายซึ่งเป็นความคิดที่ผิด สุดๆเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยก็ว่าได้

แต่สําหรับคําทํานั้นเด็กสาวผมชมพูก็ได้ปฏิเสธมาตลอดพร้อม ให้เหตุผลว่าต่อให้ท้าสู้กันมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอยู่ดี ตรงนี้ แหละที่คาไมเคิลไม่เข้าใจ อย่างน้อยการประลองก็ต้องมีการลด หรือเลื่อนขั้นกันบ้าง ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปซะหมด

“ก็ได้” เสียงหวานตอบผิดกับที่ปฏิเสธมาทุกครั้ง เซนยิ้มออกมา นิดๆก่อนจะสะกิดให้เรคลายอ้อมกอด ถ้ามีเรอยู่ด้วยละก็…เรต้อง หยุดเธอได้แน่หากเธอพลาดพลั้งจนลงมือสังหารชายตรงหน้า แค่มีเรเท่านั้นก็พอ

แต่เรกลับไม่คลายอ้อมแขนแถมยังรัดแน่นกว่าเดิม เขาไม่เห็น ด้วยหากจะประลองกัน เขาไม่เห็นประโยชน์ในการต่อสู้ครั้งนี้ อีก อย่างพวกเขามีธุระที่สมาพันธ์และนี่ก็จะสายแล้วด้วย

“เซนไปเถอะ เอาของให้หมอนั่นแล้วเราไปทำธุระกัน” เสียงนุ่ม ที่แตกต่างกับตอนพูดกับคนอื่นเอ่ยบอกเซนาเรียสท่าเอาฟรอส แอบเบ้หน้า หลายหน้าเหลือเกินนะไอ้เจ้าชายแห่งดาร์กเซส

เด็กสาวพยักหน้าให้ทำให้เรคลายอ้อมกอดเพื่อจะให้คู่หมั้นของ ตนเองเดินเอากล่องพันธนาการไปให้อีกฝ่าย ฟรอสกับคาไมเคิ ลอยากจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างกำลังจะจบ ลงด้วยดี…

“จะหนีหรือไง” คำยั่วยุสั้นๆที่ดังมาทำเอาเซนชะงักกึก เธอไม่ได้ โกรธคนตรงหน้าแต่กําลังกลัวแทนต่างหาก
พูดแบบนี้เดี๋ยวก็… ยังไม่ทันคิดต่อร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเธอกลับ มาปรากฏตัวตรงหน้าเสียแล้ว เรฟานอฟยืนหันหลังให้เธอเพื่อ กันให้ร่างบางอยู่ด้านหลังของเขาราวกับจะปกป้องคุ้มครองและ ปกปิดสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไป

คาไมเคิลอยากจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ไม่ใช่เพราะโล่ง อกแต่เป็นเหนื่อยใจต่างหาก ทำไมเรื่องทะเลาะนี่มันไม่จบๆไป เสียที ทว่าฟรอสนี่สิลมจะใส่ เขาอุตส่าห์ป้องกันการวิวาทได้แล้ว แท้ๆ แต่นี่เรฟานอฟกลับลงมือเองเลยเนี่ยนะ บ้าชะมัด

“อ่อนหัด” เสียงไร้อารมณ์เอ่ยออกมาขณะดวงตาสีนิลเย็นเยียบ จนน่าขนลุก จิตสังหารอันคมกริบถูกแผ่ออกมากดดันคนตรงหน้า ให้รู้สึกหวาดกลัวต่อผู้ที่มีอำนาจมากกว่า

“แก…” คนตรงหน้าเค้นเสียงออกมาเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก อากาศทั้งหมดกําลังถูกช่วงชิงราวกับว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังกดดัน ให้เขาตายอย่างช้าๆ รอยยิ้มเย็นชาถูกเหยียดออกทาบใบหน้า หล่อเหลาแต่ดวงตาสีนิลกลับบอกว่าต่อให้ลงมือฆ่าเขาคนตรง หน้าก็คงไม่รู้สึกอะไร

น่ากลัวนัก…ทั้งน่ากลัวและอำมหิต ไอสังหารยิ่งหนักหน่วง ทําเอานักล่าชายทรุดลงไปกองกับพื้นทั้งๆที่เรยังไม่ทันได้ขยับ ตัว ดวงตาของผู้หาเรื่องเบิกกว้างมองคนตรงหน้าที่กำลังฆ่าตน เองช้าๆด้วยความหวาดกลัว ปากอ้าออกเพื่อพยายามจะหายใจแต่ก็ไม่มีอากาศเข้าปอดเลยสักนิด

อีก…ทรมานแค่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็หายใจไม่ได้

กดดันให้หวาดกลัวแทบสิ้นสติ และช่วงชิงลมหายใจ เรกำลัง ทำให้คนที่หาเรื่องเขาตายอย่างช้าๆและต้องตายอย่างทรมาน ที่สุด

“ฉันขอสั่งพวกนายในฐานะนักล่าอันดับสาม ให้พวกนายเลิก สู้กัน แล้วนายรับกล่องพันธนาการของเซนาเรียสไปซะ” เสียง ดังก้องของฟรอสแทรกขึ้นเพราะเห็นว่าเรตั้งใจจะฆ่าจริงๆ เขา จะต้องหยุดการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ตรงหน้าก่อนที่จะต้องมีใคร สังเวยชีวิตอย่างสูญเปล่า อีกอย่างทุกคนที่นี่ก็รู้ดีว่านี่คือคำเด็ด ขาดสูงสุดที่พวกนักล่าลำดับล่างกว่าต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้ แย้งใดๆ ใช่…ถ้าเป็นนักล่าลำดับล่างกว่าล่ะก็นะ

“นายไม่มีสิทธิสั่งฉันหรือเซน…ฟรอส” เสียงเย็นเอ่ยออกมา พร้อมดวงตาสีนิลที่ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างหันไปมอง คนสั่ง จิตสังหารและความกดดันอีกส่วนหนึ่งพุ่งเข้าหานักล่า อันดับสามราวกับจะเตือน และฟรอสเชื่อว่าหากหมอนี่ไม่พอใจ สุดๆก็คงสามารถสังหารเขาได้อย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน

เรไม่ยอมลดจิตสังหารแถมยังเพิ่มเข้าไปอีก ใครใช้ให้เจ้านี่มาหาเรื่องเขาทั้งที่ตอนแรกเขาคิดจะปล่อยไปแล้ว ใครคิดให้ฟ รอสออกคำสั่งยั่วโมโหต่อและใครคิดให้หาเรื่องคนของเขา แต่ ในที่สุดเรก็ยอมรามือเมื่อมือของเด็กสาวผมชมพูคนต้นเรื่องจับ เข้าที่แขน

“พอเถอะเร นายบอกว่ามีธุระไม่ใช่หรือ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนจะกระตุกแขนเสื้อร่างสูงอย่างที่ไม่มี ใครกล้าทำ ดวงตาสีนิลลดความเย็นชาลงก่อนหันไปสบดวงตาสี ทองคำที่เขาชอบแล้วจะถอนหายใจออกมา

ไม่เคยชนะเซนได้เลย เช่นที่เซนก็ไม่เคยชนะเขาเหมือนกัน เรื่องนี้เรตระหนักได้ดีและครั้งนี้ก็เช่นกัน จิตสังหารมากมายหาย วับไปกับตาแต่ก่อนที่จะเดินออกมาจริงๆร่างสูงของเด็กหนุ่มผม คํากลับย่างเท้าเข้าหานักล่าที่นอนหอบอยู่บนพื้น

ฉวะ!!

เสียงของบางสิ่งบางอย่างแหวกเนื้อดังลั่นพร้อมเสียงร้องของ นักล่าชายคนนั้นที่รีบยกมือกุมแก้มของตนเองที่อาบไปด้วยเลือด ผู้กระทํายังคงยืนมองนิ่งอยู่ตรงหน้าปล่อยให้เลือดสีแดงสดไหล ลงจากนิ้วมือก่อนจะหยดลงบนพื้น พวกนักล่ารอบด้านต่างผละ ออกไปอย่างตกใจ เมื่อกี้หมอนี่ใช้นิ้วที่ไร้ความคมเฉือนเข้าที่แก้ม ของคนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างนั้นเหรอ
“ไปกันได้แล้ว” เสียงเย็นเอ่ยสั่งแล้วเดินนำออกมาพร้อมเด็ก สาวผมชมพูที่รีบวิ่งเอากล่องพันธนาการไปวางไว้ข้างๆนักล่าดวง ซวยคนนั้นก่อนจะรีบวิ่งตามเรออกไป

ฟรอสส่ายหน้าให้อย่างระอาขณะมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่าง สมเพช สัญชาตญาณของหมอนี้มันด้านไปแล้วหรือไงถึงไม่ยอม เตือนว่าอย่าไปเล่นกับเรฟานอฟ ทั้งๆที่ตอนแรกเรก็กะจะไม่ยุ่ง แล้วแท้ๆแต่ก็ดันไปหาเรื่องเอง

ฟรอสหันหลังให้เหตุการณ์ทั้งหมดแล้วเดินออกมาโดยที่ไม่ลืม เรียกนักล่าอันดับหกให้ตามมาด้วย

“คาไมเคิลตามมาส


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ