คัมภีร์เหนือเวท

กุญแจดอกที่ 3 : พระคู่หมั้น



กุญแจดอกที่ 3 : พระคู่หมั้น

ทรมาน…การที่ได้แต่ร้องตะโกนเรียกใครสักคนอยู่ภายใน

ในขณะที่ต้องมามองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างห้ามอะไรไม่ ได้

หยุดไม่ได้…แม้จะอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่เกิดผล

มือเล็กนั่นเอื้อมไปจนสุดแขนหวังให้มีใครเห็นและฉุดออกไปหา อิสรภาพ

ทว่าไม่มีใครสักคนที่จะสังเกตเห็น…และไม่มีใครที่จะช่วยได้

อิสรภาพ…อิสรภาพที่เฝ้ารอ…

หรือว่าอิสรภาพที่แท้จริงนั้น…มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นกันแน่

ดวงตาสีนิลขององค์ราชินีมาอาน่ามองเด็กหญิงผมชมพูผ่าน กระจกใสไม่วางตา ภาพเด็กน้อยยามยิ้มให้เธอเมื่อพบกันครั้งแรก ยังคงติดตาไม่ลืม และเมื่อเห็นเด็กคนนั้นทำหน้าเศร้ายามมอง เข้าไปในนั้นเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรเหตุใดถึงทำท่าเจ็บปวดขนาดนั้น พระนางไม่เคยเข้าใจจนมาถึง เวลานี้

“เด็กคนนั้นทรมานแบบนี้มาตลอดเลยหรือ” ราชินีมาอาน่าคราง ออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันน่าเจ็บปวดยามเมื่อเห็นเด็กน้อย คนนั้นพยายามกระชากโซ่ให้หลุด และการกระทำนั้นมันทำให้ เลือดยิ่งทะลักออกมาจากข้อมือและข้อเท้ามากกว่าเดิม เลือดสี สดไหลลงมาเป็นสายก่อนจะหยดกระทบกับพื้นย้อมให้พื้นแดง ฉาน

หากไม่ได้เห็นและหากไม่เคยเป็นก็คงไม่เข้าใจความเจ็บนี้ หรอก…ไม่มีทางเข้าใจเลย

“เป็นแบบนี้มาตลอดและจะเป็นไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบผู้ถูกเลือก ของตนเอง ไม่ใช่แค่เด็กคนนี้แต่คนในราชวงศ์แห่งโซเวียทุกคน ล้วนต้องเคยเป็น เพราะนี่คือตราปาบที่ติดตัวพวกเรามาตั้งแต่เกิด” องค์ราชาคาเรียสพูดพลางหลับตาลงอย่างขมขื่น เพราะพวกเรา มีพลังมหาศาลและพลังมหาศาลก็ต้องแลกมาด้วยการที่ไม่อาจ ควบคุมปีศาจในร่างกายได้ และนี่ก็คือบทลงโทษของพวกเราที่ ไม่อาจควบคุมมันได้

ช่างเจ็บปวดและทรมาน พวกเราได้แต่ร้องเรียกขอให้ใครช่วย เหลืออยู่ข้างในในยามที่ปีศาจเข้ายึดร่าง ร่ำร้องอยู่คนเดียวในที่ มืดมิดและว่างเปล่า ขอแค่มือคู่เดียวเท่านั้น มือของใครก็ได้ที่จะ ฉุดพวกเราให้หลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ไปได้ แต่คำขอนั้นมันเป็นจริงยากเหลือเกิน พวกเราขอมากไปงั้นหรือ เหตุ ใดมันจึงไม่เป็นจริงเสียที ยิ่งร่ำร้องขอมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีแต่ ความว่างเปล่าจนพวกเราชักจะท้อ

แล้วจะเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่” มาอาน่ายังคงถามด้วยความ หวาดหวั่นและสงสารเด็กน้อยคนนั้น

“ตราบจนทิวามาเยือนขับไล่ความมืดแห่งราตรีกาลให้หมดไป องค์ราชินีวาเนชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น คนทั้งสามนั้นไม่มี ท่าทางหวาดหวั่นราวกับว่าเคยเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ามาแล้ว

เมื่อใดที่เห็นเลือดในยามกลางคืนก็จงอดกลั้นจนมาถึงห้องนี้ แล้วพันธนาการตนเองด้วยโซ่ก่อนที่ปีศาจร้ายในร่างกายจะหลุด ออกมา ที่นี่คือที่ปลดปล่อยปีศาจร้าย ไม่จำเป็นต้องอดทนเพราะ พยายามจะห้ามมันไม่ให้ออกมา ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่ามันจะ ไปทำร้ายใคร

แต่จงทรมาน…จงทรมานเมื่อยามตื่นขึ้นมาแล้วเห็นบาดแผลเต็ม ร่างของตนเอง จงทรมานเมื่อรับรู้ว่าไม่ว่าจะพยายามร้องเรียก ตะโกนเท่าไหร่ก็จะไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ต้องทรมานอยู่แบบ นั้นจนกว่าแสงแห่งวันใหม่จะมาเยือนเพื่อขับไล่ความมืดมิดของ วันเก่า

“นี่เอรีสเคยเห็นแบบนี้มาก่อนหรือ” เมื่อเห็นคนรักของตนเองยังนิ่งได้มาอาน่าก็อดจะถามออกมาไม่ได้

“เคยครั้งหนึ่ง ตอนนั้นฉันเป็นเด็กหนึ่งในเก้าคนที่มาให้คาเรียส เลือก และตอนหมอนั่นเป็นปีศาจ คาเรียสดันเลือกกระโจนเข้าหา ฉันตั้งใจจะฆ่า แต่เมื่อวาเนชาเดินเข้ามาหมอนั่นก็หยุดตัวเองลง แล้วปีศาจในร่างก็หายไปด้วย” องค์ราชาเอสบ่นออกมาผิดนิสัย ของตนเอง เพราะเขายังจำเรื่องในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี เด็กห้า ขวบที่เป็นถึงรัชทายาทเกือบจะถูกปีศาจร้ายฆ่าตาย ต่อให้เวลา ผ่านไปนานแค่ไหนพระองค์ก็ลืมไม่ลงหรอก เหตุการณ์เฉียดตาย แบบนั้นน่ะ

“เรื่องนานขนาดนั้นจะนําไปทําไม รกสมองเปล่าๆ” ผู้พยายาม ฆาตกรรมคนอื่นโบกมือไปมาเพื่อบอกให้ผู้เป็นเพื่อนลืมๆไปซะแต่ องค์ราชาแห่งดาร์กเซสกลับเค้นเสียงออกมาพลางสะบัดหน้าหัน กลับไปมองเด็กน้อยผมชมพูราวกับบอกว่าเรื่องเสี่ยงตายแบบนั้น ใครจะไปลืมลง

“เฮอะ คนอะไรบางแค้น” คาเรียส มนําออกมาราวกับหมั่นไส้ เพื่อนนักหนา ถึงเรื่องนั้นมันจะน่าแค้นจริงๆก็เถอะนะ

“สรุปว่าเด็กที่พวกนายเอามาไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือกสินะ” องค์ ราชาคาเรียสถามพลางปรายตาไปมองเด็กทั้งเจ็ดคนที่ยืนตัวสั่น ด้วยความหวาดกลัวอยู่ข้างหลัง

นี่ลูกสาวของเขาจะโชคร้ายหรือ ทั้งที่ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีแต่ลูกสาวของเขาจะเป็นคนแรกที่ไม่มีผู้ถูกเลือก นั้นแปล ว่าลูกของเขาจะต้องทรมานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทรมาน…และไร้ อิสรภาพไปทั้งชีวิต ผู้เป็นพ่อคิดทว่าเขาจะช่วยอะไรลูกสาวคน นี้ได้ ที่ทำได้มีเพียงแค่ยืนดูอย่างนั้นหรือ ยืนดูความทรมานของ ลูกสาวขณะที่เขาเจ็บปวดกว่าหลายเท่า

“เหลืออีกคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ตอนนี้หายหัวไปไหน ทั้งที่งานมันเริ่ม ไปตั้งนานแล้วแท้ๆ” ราชินีมาอาน่าบ่นออกมาแต่ก็ต้องสะดุ้งสุด ตัวเหมือนกับทุกคนเมื่อเสียงกระจกด้านในแตกดังลั่น

หน้าต่างที่เคยแข็งแกร่งและทนทานยิ่งกว่าเหล็กกล้าบัดนี้แตก ละเอียดไม่มีชิ้นดี สายลมพัดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างที่แตก ละเอียดอัดทุกอย่างที่ขวางหน้ารวมทั้งพัดเศษกระจกให้ปลิววอน สายลมยังคงกระชากตัวไปมาในห้องราวกับโกรธเกรี้ยว

ท่ามกลางสายลมที่พัดกระหน่ำ ท่ามกลางเศษกระจกที่ปลิวอยู่ ในอากาศกลับปรากฏร่างเล็กของเด็กชายคนหนึ่ง ท่าทางของ เด็กน้อยดูสุขุมเยือกเย็น ผมสีดำสั้นปลิวไปกับสายลมโดยรอบ ดวงตาสีนิลมองเด็กหญิงที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ทั้งๆที่เลือดสี แดงฉานยังคงไหลออกจากข้อมือและข้อเท้าไม่หยุด แม้ว่าเด็ก ชายจะมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชาแต่สายลมรอบด้านกลับทวี กำลังขึ้นเป็นเท่าตัวราวกับจะประกาศความโกรธเกรี้ยวของเด็ก ชายที่มากขึ้นไปด้วย
“เร!!” เสียงหวานของราชินีมาอาน่าเอ่ยเรียกเด็กชายที่อยู่ ท่ามกลางพายุ ทำไมเรถึงไปอยู่ตรงนั้น แล้วลูกเธอกำลังโกรธ อะไร องค์ราชินีมาอาน่าคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเธอไม่เคยเห็น ลูกชายโกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน

ดวงตาสีดำสนิทของเร หรือเรฟานอฟ เดริอัสเจ้าชายแห่งดาร์ก เซสหันไปมองรอบห้องเมื่อได้ยินเสียงเรียกของมารดา

“พวกท่านกําลังเล่นสนุกอะไรถึงเอาเด็กคนนี้มาขังแบบนี้” เสียง เย็นของเด็กชายเอ่ยถามช้าๆ ดวงตาสีนิลคมกริบกำลังจับจ้องผู้ สูงศักดิ์อย่างเอาเรื่อง

เรไม่เข้าใจ เด็กคนนี้ทำความผิดถึงขั้นอภัยให้ไม่ได้เลยงั้นหรือ ถึงต้องจับล่ามโซ่ไว้แบบนั้น เรไม่รู้แต่ที่ตอนนี้เขารู้คือความโกรธ ที่แทบจะปะทุออกมา ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มา ก่อนในชีวิต

องค์ชายออกห่างจากเด็กคนนั้นเถอะ เด็กคนนั้นมันปีศาจ” เสียง เด็กหนึ่งในเจ็ดที่เข้ารับการทดสอบตะโกนออกมาโดยมีเด็กคนอื่น สนับสนุนแต่องค์ชายที่ทุกคนพยายามห้ามกลับยืนนิ่งไม่ขยับไป ไหนแม้แต่น้อย

เด็กชายหันกลับไปมองเด็กหญิงที่หยุดอาระวาดแล้วหันมามอง เขาเช่นกัน เขาจำดวงตาสีทองคู่นั้นได้ แต่ดวงตาสีทองที่เขาจําได้มันไม่ได้เย็นชาและดูสูงศักดิ์ดุจนางพญาที่ยืนอยู่บน จุดสูงสุดอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ ดวงตาสีทองคำที่เขาจำได้คือ ดวงตาที่สดใสและพราวระยับราวกับดวงดาว ดวงตาที่เคยละลาย กำแพงอันแข็งแกร่งในใจของเขา

“ทําไมถึงเป็นเธอ…” เสียงเด็กชายพูดกับเด็กหญิงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เข้ามาอย่างไม่อยากเชื่อ รอยยิ้มเย็นชาเหยียดออกจาก ริมฝีปากของเด็กหญิงอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับที่ดวงตาสีทองทอ ประกายวาววับ

“สุดท้ายก็เจอจนได้นะ ผู้ถูกเลือก” เสียงใสเย็นเยียบเอ่ยขึ้นแทน คําทักทายเป็นค่าแรกแต่คําว่าผู้ถูกเลือกทําให้ทุกคนมีสีหน้ายินดี เพราะพวกเขากําลังรอคอยคําๆนี้อยู่

“งั้นก็เอาเด็กคนนั้นคืนมา เอาเงินคืนมา!!” เสียงเย็นกลับเข้มขึ้น จนเป็นตะโกน ความกดดันเริ่มทวีขึ้นอย่างน่ากลัว เขาต้องการเด็ก หญิงผมชมพูที่เขาเจอครั้งแรกคืน

ในตอนที่ทําแผลให้พอเขาถามชื่อ เด็กหญิงก็บอกเพียงแค่ชื่อว่า เซนแล้วรีบจากไปทำให้เขาแอบหวังลึกๆว่าจะได้เจอกันอีก แต่ไม่ นึกเลยสักนิดว่าจะต้องมาเจอกันในสภาพแบบนี้

เด็กหญิงของเขาควรจะมีรอยยิ้มร่าเริง มีดวงตาสีทองที่ทอ ประกายงดงามและมีท่าทางอ่อนโยนที่ทำให้คนรอบข้างเพียงได้ เห็นก็มีความสุข ไม่ใช่ท่าทางเยือกเย็นแต่อันตรายเหมือนปีศาจร้ายที่ชโลมไปด้วยเลือดแบบนี้

“ฮี ใจร้อนไปทำไม ยังไงก็ต้องคืนให้อยู่แล้ว” เสียงเย็นชาของ เด็กหญิงผมชมพูพูดขึ้นทว่าเจ้าตัวก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอเมื่อ ดาบเล่มหนึ่งของเรปักฉีกลงตรงพื้นเบื้องหน้า มองแทบไม่ทัน แม้แต่ตอนที่เด็กชายชักดาบออกจากฝัก

ดวงตาสีทองเย็นชาจับจ้องคนตรงหน้าที่แผ่ความกดดันออกมา เต็มเปี่ยมทำเอาปีศาจอย่างมันอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ สมกับเป็นผู้ถูก เลือก เด็กหญิงผมชมพูถอยหลังออกมานิดก่อนจะพูดออกมาเป็น ครั้งสุดท้ายด้วยน้าเสียงสมเพชเสียเต็มประดา แต่ทั้งหมดนั้นก็ เพื่อปกปิดความหวาดกลัวของตัวเอง

“ฮี… ช่างน่าสมเพช พวกตระกูลราชวงศ์แห่งโซเวียเฝ้าใฝ่ฝันถึง อิสรภาพที่สมบูรณ์ แต่ต่อให้เจอผู้ถูกเลือกมันก็ยังไม่ใช่อิสรภาพ ที่สมบูรณ์อยู่ดี จงจำไว้ตระกูลแห่งโซเวียเอ๋ยพวกเจ้าไม่มีวันได้ พบหรอก อิสรภาพที่แท้จริงน่ะ” เสียงใสของเด็กน้อยดังก้อง ราวกับว่าปีศาจคนนั้นกำลังตอกย้ำเซนาเรียสที่ยังคงรับรู้อยู่ ภายในจิตใจแต่ไม่สามารถออกมาทําอะไรได้ ทว่าคำพูดนั้นไม่ได้ แค่ตอกย้ำแค่เจ้าหญิงองค์เดียวแต่เสียดแทงใจขององค์ราชาคา เรียสด้วย

ปีศาจตรงหน้าพูดถูก แม้ตอนนี้ทั้งตนและลูกสาวจะไม่คลุ้มคลั่ง ยามเมื่อเห็นเลือดในตอนกลางคืนแล้วแต่นั่นก็ไม่ใช่อิสรภาพที่ใฝ่ หาอยู่ดี ในเมื่อถ้าต้องการสะกดปีศาจร้ายก็จำต้องมีผู้ถูกเลือกจากตระกูลราชวงศ์แห่งดาร์กเซสคอยอยู่ข้างๆ และที่ทำได้ก็เพียงแค่สะกดมันไม่ให้ออกมาอาระวาดเท่านั้น สุดท้ายปีศาจร้ายก็ยังจะอยู่ในร่างไม่หนีหายไปไหน รอเพียง แค่ไม่ได้อยู่กับผู้ถูกเลือกและได้เห็นเลือดมันก็จะดิ้นรนออกมา เหมือนเช่นเคย

ร่างเล็กของเด็กหญิงผมสีชมพูทรุดฮวบลงไปกับพื้นเมื่อปีศาจ ร้ายกลับเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของจิตใจและผลักเซนาเรียสออกมา แทนที่ เรฟานอฟรีบเอื้อมมือออกไปอย่างไม่ต้องคิดเพื่อรับร่าง ของเด็กหญิงเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง

เด็กชายวางเด็กหญิงลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบลงมือ ปลดโซ่ที่ข้อมือและข้อเท้าให้แล้วลงมือรักษาบาดแผลทันที เซน ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่บาดแผลของ ตนเอง

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงของเด็กชาย เซนจําได้ดีเอ่ยถามขึ้นก่อน ดวงตาสีนิลจะหันมามอง ถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอคิดว่าเธอเห็น ดวงตาสีนิลที่เคยเย็นชาฉายแววเป็นห่วงออกมาให้เห็น

“นายคนเมื่อวานนั่นเอง” เสียงใสเอ่ยออกมาพร้อยรอยยิ้มที่เร ชักจะหลงไปกับมัน และเด็กชายก็ต้องขยับยิ้มนิดๆเมื่อเขาเห็น ดวงตาสีทองสดใสร่าเริงเหมือนกับที่เขาเห็นครั้งแรก

เขาชอบดวงตาสีทองคู่นี้ เขาชอบรอยยิ้มของเด็กคนนี้และเหนือสิ่งอื่นใด เขาชอบเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกพบ

“ฉันเรฟานอฟ เดริอัสเจ้าชายแห่งดาร์กเซส จะเรียกเรก็ได้” คำ แนะนำตัวที่ได้ยินทำให้เซนาเรียสเอียงหัวด้วยความสนใจ ก็องค์ ชายแห่งดาร์กเซสน่ะขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาและโหดเหี้ยมจะ ตาย แต่คนตรงหน้าดูทางไหนก็ไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยสักนิด เพราะถ้าเย็นชาจริงคงไม่ช่วยเหลือเธอแบบนี้แน่ บางทีข่าวลือก็ เชื่อไม่ได้จริงๆ

“ฉันเซนาเรียส เอนอนเจ้าหญิงแห่งโซเวีย เรียกสั้นๆว่าเซนก็ได้” เสียงใสเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเช่นกันก่อนจะจับมือของ เด็กชายขึ้นมาแนบแก้มของตนเอง

“มือข้างนี้แหละ…” เสียง มหาเบาๆขณะดวงตาสีทองฉายแวว เศร้า

“มือข้างนี้แหละที่ฉันรอคอยให้มันฉุดฉันให้ตื่นขึ้นมา…” ใบหน้า น่ารักนั่นค่อยๆอาบไปด้วยน้าตาที่ไหลลงมาจากดวงตาคู่สีทอง ทำเอาเรถึงกับใจหาย

“ฉันรอมานานมากจริงๆ…” เซนพูดพลางยิ้มให้ทว่าน้ำตากลับ

ไหลนองเต็มหน้า

ได้แต่เฝ้ารอด้วยความทรมาน ได้แต่ดิ้นรนอยู่ในที่มืดมิดนั่น ขอ แค่มือเพียงคู่เดียว มือเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่จะฉุดเธอออกจากฝันร้าย แต่แม้จะพยายามกรีดร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีมือคู่ใดมาฉุด เธอออกไปได้เลยสักนิด

ขอแค่มือคู่หนึ่ง ขอแค่ใครสักคน เธอสัญญา เธอจะปกป้องคนๆ นั้นอย่างดี จะเชื่อเขา จะอยู่เคียงข้าง แม้เขาจะเป็นคนที่ทุกคน หวาดกลัว หรือแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ทั้งโลกเกลียดชังก็ตาม

“ขอบคุณนะ….ขอบคุณที่ปลดปล่อยฉันออกจากฝันร้ายนั่นเสียที” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆหลับไปในอ้อมกอด ของเรฟานอฟ กระชับให้แน่นขึ้น

ต่อให้ไม่ใช่อิสรภาพที่สมบูรณ์ก็ไม่เป็นไร สำหรับเธอเพียงแค่นี้ ก็ราวกับเป็นฝันที่กลายเป็นจริงแล้ว

เรมองเด็กหญิงในอ้อมแขนของตนเอง ต่อให้ใครบอกให้เขา ปล่อยคนในอ้อมแขนนี่เขาคงไม่มีวันปล่อยได้อีกแล้ว ได้โปรด มอบเด็กคนนี้ให้กับเขาเถอะ….ขอเด็กคนนี้ให้กับเขา เขาสัญญาว่า เขาจะดูแลเธอ เขาจะปกป้องเธอและเขาจะเป็นคนที่รักเธอเอง

“ฝันดีนะ…เพราะเมื่อใดที่ฝันร้าย ฉันจะเป็นคนฉุดเธอขึ้นมาเอง มันคือคําสัญญา วชีวิตของเจ้าชายเรฟานอฟ เดริอัสแห่งดาร์ก เซส
แสงแห่งทิวากรยามเช้าเริ่มแต่งแต้มบนท้องนภาขับไล่ความมืด มิดของยามราตรีกาลให้หมดไป เช้าของวันรุ่งขึ้นหลังจากผ่าน พันค่ำคืนอันโหดร้ายไปแล้วก็ยังคงเป็นเช้าที่สวยงาม เหล่านกกา พากันบินออกจากรังเพื่อออกหากินเช่นเดียวกับเจ้าหญิงแห่งโซ เวียที่ตื่นขึ้นมารับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า เด็กหญิงผมชมพูเด่น ออกจากห้องตรงไปยังห้องอาหารทันทีที่จัดการธุระส่วนตัวของ ตนเองเรียบร้อย

เซนค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องอาหารช้าๆ ดวงตาสีทองคํา สดใสกวาดไปมองทุกคนในห้องที่นั่งกันอยู่พร้อมหน้า

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เซนเอ่ยออกมาเสียงใสเรียกความสนใจของทุก คนได้ดี

“ตื่นแล้วหรือหนูเซน มานั่ง มา” เสียงหวานขององค์ราชินีมาอา น่าเรียกพลางตบเก้าอี้ข้างๆเรที่ว่างอยู่ตัวเดียวในห้อง

เซนทําหน้างงนิดหน่อย เพราะภายในห้องโต๊ะจะแบ่งออกเป็น สองฝั่ง คือฝั่งเจ้าบ้านและฝั่งของแขกผู้มาเยือน แล้วทำไมเธอถึง ต้องไปนั่นฝั่งดาร์กเซสละ แม้ในใจจะถามอย่างนั้นแต่เด็กหญิงก็ เดินไปนั่งตามคําชวนอย่างว่าง่าย

คนเป็นราชาและราชินีแห่งโซเวียมองลูกของตนอย่างเศร้าใจ พวกเขาเข้าใจความหมายดีว่าเหตุใดลูกสาวถึงต้องไปนั่งอยู่ ตรงนั้น

“พวกนายจะเอายังไงกับเซน” เมื่อเซนนั่งที่เรียบร้อยบทสนทนา พาเครียดบนโต๊ะอาหารยามเช้าก็ถูกองค์ราชาเอรีสเปิดประเด็น ขึ้นมาทันทีราวกับว่ากำลังรอให้เธอมานั่งฟังด้วย เจ้าของชื่อได้ แต่ทำหน้างง มันหมายความว่ายังไงกัน

“ก็ฉันไม่อยากให้เซนไปอยู่ดาร์กเซสนี่” องค์ราชินีวาเนชาเอ่ย ออกมาด้วยท่าทางเศร้าๆ ก็เธอไม่อยากให้ลูกสาวไปอยู่ไกลตา เธอ

“แต่มันเป็นกฎนี่นา เด็กที่ถูกเลือกจะต้องอยู่ด้วยกันโดยเฉพาะ เวลากลางคืน” ราชินีมาอาน่าแย้งเพราะเอสเคยเล่าให้เธอฟังว่า ขนาดวาเนชายังต้องย้ายมาอยู่ที่นี่เลย

“แต่ว่า…” องค์ราชินีแห่งโซเวียเถียงไม่ออกเพราะมันคือความ จริง แต่ว่าจะให้ส่งลูกน้อยออกจากอ้อมกอดงั้นหรือ…เธอทำไม่ ได้นี่

เซนที่ฟังมาแต่ต้นเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเหตุใดเธอจึงถูกจัดให้มา นั่งฝั่งนี้ เพราะต่อแต่นี้ไปดาร์กเซสต่างหากที่จะเป็นบ้านที่เธอ ต้องอาศัย พอคิดถึงเรื่องนี้เด็กหญิงกลับอดใจหายขึ้นมาไม่ได้
“ต้องไปจริงๆหรือ…” เสียงใสถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ ดวงตาสีทองฉายแววเศร้าๆจะร้องไห้ทำเอาทุกคนในห้อง ใจหายวาบพร้อมกับขยับตัวอย่างอึดอัด แต่เซนก็ต้องรีบหันไป มองเรเมื่อเด็กชายยกมือขึ้นลูบหัวเธอราวกับจะปลอบโยนแล้วพูด ออกมา

“เซนจะอยู่นี่ก็ได้ แล้วฉันจะมาหาเธอเอง” เสียงนุ่มปลอบทำให้ สีหน้าของเด็กหญิงดีขึ้น องค์ราชินีมาอาน่าแอบหันไปสบถอย่าง หัวเสีย ลูกคนนี้พูดออกไปแบบนั้นทำไม เธออุตส่าห์หาลูกสาวได้ ทั้งที อีกนิดเดียวก็จะดึงตัวไปอยู่ด้วยได้แล้วแท้ๆ

“ขอบใจ…ฉันชอบนายที่สุดเลยเร!!” เด็กหญิงผมชมพูพูดออกมา พร้อมกับกอดเด็กชายแน่น ทำเอาเรต้องหันหน้าไปทางอื่นเพื่อ ซ่อนใบหน้าที่แดง ของตนเองท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของผู้ เป็นแม่

“เอาเถอะ ยังไงก็ต้องหมั้นอยู่แล้ว หนูเซนจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่ดาร์ กเซสมันก็ไม่ต่างกันหรอก” ราชินีมาอาน่าพูดออกมาเหมือนจะ ปลอบตนเองไม่ใช่ใครอื่น

เอาเถอะถึงจะไม่ได้ถูกเรียกว่าแม่คะทุกวันแต่ยังไงเธอก็ได้ ลูกสาวเพิ่มมาหนึ่งคนตามใจอยากแหละนะ แต่ลูกเธอมันลงทุน มากเลยน่ะนั่น ให้หนูเซนอยู่กับครอบครัวตนเองส่วนเรฟานอฟจะ มาที่นี่ทุกวัน ในเมื่อเรคือรัชทายาทแห่งดาร์กเซสไม่ว่ายังไงก็จะมาอยู่ที่นี่แบบถาวรไม่ได้ คิดพลางมองเจ้าลูกชาย ของตนเองอย่างเซ็งปนหงุดหงิดเล็กๆ ก็เธออยากได้ลูกสาว อย่างหนูเซนมาเรียกแม่คะบ้างนี่แต่ไอ้ลูกชายตัวดีของเธอดังทำ พังไม่เป็นท่า

ขณะที่องค์ราชินีมาอาน่ากำลังหงุดหงิด องค์ราชินีวาเนชากลับ ถอนหายใจออกมาอย่างยินดีแล้วเริ่มนึกชอบลูกชายของเพื่อน คนนี้ขึ้นมาอีก ถ้าเซนถูกปกป้องโดยเด็กคนนี้ก็คงน่าวางใจอยู่ หรอก

องค์ราชาคาเรียสมองลูกสาวตนเองที่กอดลูกชายของเพื่อน สนิทพลางบอกว่าชอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วอยากจะไว้อา ลัยให้เรฟานอฟเสียเหลือเกิน

ฉันละสงสารลูกชายนายจริงๆเอส” คาเรียสพูดออกมาเสียง เบาให้เพื่อนสนิทได้ยินเพียงคนเดียว โดยสายยังไม่ละจาก ใบหน้าแดงเรืองของเรฟานอฟซึ่งไม่สมกับเป็นองค์ชายที่ถูกเล่า ถือว่าเย็นชาและโหดเหี้ยมที่สุด

ลูกชายนายคงหลงรักลูกสาวฉันเต็มเปาเลยสินะองค์ราชาคา เรียสพูดออกมาซึ่งองค์ราชาเอรีสก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“แต่ไม่เห็นจะน่าเสียใจเลย ลูกนายก็บอกชอบลูกฉันแล้วไม่ใช่ เหรอองค์ราชาเอรีสแย้งอย่างไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อนรักเลย สักนิด ไอ้เรื่องที่ลูกชายเขาหลงรักลูกสาวเพื่อนน่ะ เขาที่เป็นพ่อยอมมองออกอยู่แล้ว แต่ว่ามันน่าสงสารตรงไหน นี่สิที่เขายังมองไม่ออก

“ลูกสาวฉันรู้จักคำว่ารักที่ไหนกันเล่า คำว่าชอบที่พูดอยู่นั่น หมายถึงชื่นชมต่างหาก ฉันถึงบอกว่ากำลังสงสารลูกนายอยู่ไง องค์ราชาคาเรียสพูดออกมาทำเอาองค์ราชาเอรีสชักเห็นด้วยเสีย แล้ว

ให้ตายสิ ตระกูลราชวงศ์ดาร์กเซสของเขาจะต้องโดนคนใน ตระกูลราชวงศ์แห่งโซเวียปั่นหัวไปอีกนานเท่าไหร่กัน

และกว่าที่เรฟานอฟจะรู้ว่าคำว่าชอบของเซนแปลว่าชื่นชมก็ หลังจากนั้นอีกสักพักใหญ่ๆเลยทีเดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ