บทที่ 9 ข้าต้องการขึ้นไปยังหุบเขามาร
“เหตุใดท่านจึงจ้างคนหมุนเวียนกันไปเล่า” ฮวาเห์หยวน ถามอย่างสงสัย
“เพราะเป็นท่านเขียนข้าถึงบอกหรอกนะ” อาเซียนกระซิบ
เบาๆ ฮวาเย่ห์หยวนหูผึ่งตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“เพราะทุกคนจะมีวิชาที่แตกต่างกันในเวลาที่เขาแสดงข้าจะ ลอกเลียนวิชาของเขาแล้วเอามาค้นคว้าพลิกแพลงเพิ่มเติมเป็น ของข้าเอง”
“ท่านร้ายกาจมาก” ฮวาเห์หยวนอ้าปากคิดไม่ถึง
“ตัวข้าก็อยากเป็นหนึ่งในอาคมและเพลงยุทธแต่ไม่อยาก ฝากตัวเป็นศิษย์ผู้ใด ใช้วิธีนี้ง่ายกว่าเยอะ” เขาอธิบาย
“ข้าไม่คิดว่าจะมีผู้ใดฉลาดกว่าท่าน เพียงดูผู้คนก็สามารถ ลอกเลียนแบบวรยุทธ์ของคนผู้นั้นได้แล้วหรือ ยังมีคนเช่นนี้อีก หรือ” นางเอ่ยถามด้วยความฉงน
“แล้วเย่ห์หยวนจะบอกข้าได้หรือยังว่ามาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด อาเซียนเพียงยิ้มแล้วถามคำอื่นออกมา
ฮวาเย่ห์หยวนไม่อาจเปิดเผยเรื่องจริงให้เขารู้ได้ นางไม่กล้า สบตาเขาก้มหน้า แล้วตอบว่า
“ข้าอยากฝากตัวเป็นศิษย์จอมมาร เข้าสู่วิถีมารเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ของข้าที่ถูกพวกเซียนฆ่าตาย”
ฮวาเย่ห์หยวนรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน การโกหกถือเป็นบาปแต่จํา ต้องทําการหลอกลวงและยั่วยวนถือเป็นบาปแต่หากเพื่อชีวิต ผู้คนพร้อมด้วยเทพและสัตว์เพื่อยุติสงครามนางจำต้องทำอีก เป็นเซียน ใยมีเรื่องจําเป็นต้องทำมากมายนักเล่า ฮวาเห์หยวน คิดแล้วทอดถอนใจออกมาเบาๆ
อาเซียนจ้องใบหน้างดงามที่ดูอย่างไรก็มีพิรุธของนางแล้วเอ่ย ขึ้น
“ท่านช่างโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย”
เขาใช้สายตาสีเงินยวงจ้องมาที่นางเขม็งแม้จะดูอ่อนโยนแต่ กลับน่ากลัวอยู่ในที เพียงแต่ความรู้สึกน่ากลัวนั้นคล้ายสายลม หวิวพัดผ่านชั่วพริบตาก็สลายจางลงไป คนด้านหน้าของนาง กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศแห่งความ อบอุ่นอีกครา
“ท่านรู้มากเกินไปแล้ว”
นางตกตะลึงเป็นอีกครั้งที่จ้องใบหน้าเขาเงียบเชียบ คนผู้นี้มี วิชาหยั่งรู้จิตใจหรือเปล่านะไม่ว่านางจะคิดสิ่งใดดูเหมือนเขาจะรู้ ทุกสิ่ง
“ข้าไม่ได้หยั่งรู้จิตใจแต่เพราะศึกษาท่าทางของคนมานานถึงรู้ ว่าท่านกำลังโกหก” เขาเอ่ยไปหัวเราะไป ล่วงรู้จิตใจของนางอีก แล้ว
ฮวาเห์หยวนพยักหน้าเมื่อเข้าใจสาเหตุ ความจริงหากจะ บอกว่าเขามีวิชาหยั่งรู้จิตใจก็คงไม่แปลกดูเหมือนว่าภายใต้ ใบหน้างดงาม จะซ่อนคมหนามแหลมคมเอาไว้เกินกว่าจะคาด เตา
“เช่นนั้นท่านอย่าถามข้าถึงเหตุผลเลย ท่านอยู่ที่นี่มานานท่าน รู้วิธีเข้าไปในแดนมารได้หรือไม่”
เขาหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“เซียนฮวาได้รับคำสั่งให้มาฆ่าจอมมารหรือ หากเป็นเช่นนั้น อย่าเข้าไปเสียดีกว่าจะเอาวิญญาณเซียนไปทิ้งเปล่าๆ ”
ฮวาเห์หยวนส่ายหน้าแรง “ข้าไม่ได้รับคำสั่งให้มาฆ่าผู้ใด สิ่งที่ขาต้องการทำนับว่าเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายท่านเชื่อข้าหรือ ไม่”
เขาจ้องหน้านางด้วยสายตาแสนอบอุ่น
“แม้เราจะเพิ่งพบกันแต่ข้าแปลกใจนักที่เชื่อในสิ่งที่ท่านเซียน ฮวาพูด เป็นเซียนย่อมไม่โกหก”
“ขอบคุณท่าน ความจริงแล้วข้าเป็นเซียนใหม่ยังกระดากอยู่ มากเมื่อคนเรียกขานนามของตนว่าเป็นเซียน” นางหัวเราะเก้อ
เขิน
“เช่นนั้นต่อไปข้าจะเรียกชื่อท่านคงไม่เป็นการไม่ให้เกียรติใช้
หรือไม่”
ฮวาเย่ห์หยวนรีบ โบกมือแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้ายินดียิ่งขอเพียงท่านไม่เรียกข้าว่าท่านเซียนจะเรียกสิ่งใด ย่อมได้”
ฮวาเย่ห์หยวนมองเขาด้วยแววตาเปิดเผย นางอยากจะบอก เขาว่านางก็รู้สึกไม่แตกต่างจากเขาเช่นกัน ใบหน้าของเขาอีกทั้ง ชื่อของเขาช่างสร้างความคุ้นเคยและอบอุ่นใจให้นางเหลือเกิน
“แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าข้าจะไปที่นั่นและฝากตัวเป็นศิษย์ได้ อย่างไร” ฮวาเล่ห์หยวนกินขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นสุดท้ายแล้วดื่มน้ำ ซาตามท้องน้อยๆ ของนางเมื่อมีของอร่อยเติมลงไปก็ดูเหมือนจะ มีแรงขึ้นมาอีกมาก
“ด้วยตบะของเย่ห์หยวนข้าว่าเจ้าเอาตัวรอดในแดนมารจาก เหล่าสมุนจอมมารได้ แต่หากเข้าใกล้จอมมารผู้เหี้ยมโหดเห็นว่า อาจจะโดนโยนออกมาตั้งแต่วันแรกอีกทั้งจอมมารไม่เคยรับ ศิษย์สายตรงมาก่อนเป็นการยากที่จะได้เป็นศิษย์ของเขา”
“ข้าไม่กลัว หากเขาโยนข้าออกมาข้าก็จะเข้าไปใหม่ขอเพียง ท่านพาข้าเข้าไปได้ข้าจะยอมทำตามคำขอท่านเพื่อตอบแทน” นางเชิดหน้าขึ้นแววตามุ่งมั่นที่จะทำภารกิจเป็นอันมาก
“เห็นทีว่าค่าตอบแทนจะมากโขเจ้าสู้ไหวหรือ”
“ท่านอย่าได้ดูถูกข้า แม้ข้าจะเป็นเซียนใหม่แต่ผู้สนับสนุนคือ คนที่ท่านเพียงได้ยินชื่อต้องอ้าปากค้าง เช่นนั้นไม่ว่าท่าน ต้องการสิ่งใดข้ามั่นใจว่าขาย่อมสามารถหามาให้ท่านได้ แน่นอน ขอเพียงเรื่องนั้นอย่าได้ผิดศีลธรรมอันดี”
“ดี ได้ฟังเช่นนี้ก็ดีค่อยคุ้มค่ากับการช่วยเหลือแม่นางน้อยให้สมปรารถนาเสียหน่อย”
“ท่านวางใจข้าได้” ฮวาเย่ห์หยวน บอกตนเองเบาๆ พยายาม ท่าตัวยึด ให้น่าเกรงขามและดูเป็นคนพึ่งพาได้
อาเซี่ยนหัวเราะอบอุ่น เขาลูบศีรษะนางแผ่วเบาด้วยความคุ้น เคยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ฮวาเห์หยวนซะงักกับความรู้สึกอบอุ่น จากปลายนิ้วของเขา
เหมือนสัมผัสนี้จะเป็นสัมผัสที่นางชอบและโหยหามานานแสน นานนับหมื่นปี ความรู้สึกเจ็บปวดก่อขึ้นในใจลึกๆ จวบจนเขา เป็นฝ่ายดึงมือออก
“พาเย่ห์หยวนเข้าไปไม่ยากข้าพอรู้จักหัวหน้ามารพวกนั้น เพราะแลกเปลี่ยนวิชากันอยู่บ้าง
“เช่นนั้นท่านรีบพาข้าเข้าไปเถิดข้าขอร้องช่วยข้าสักครั้ง”
เขาจับจ้องใบหน้างดงาม ดวงตาสีเทาเงินสั่นระริกแวบหนึ่ง ก่อนปรับเป็นปกติแล้วยิ้มน้อย ๆ
“หากเจ้าต้องการข้าจะพาเข้าไป เพียงแต่มีข้าแม้เล็กน้อยก่อน ที่จะขึ้นหุบเขามาร”
“ข้อแม้หรือ” นางเลิกคิ้วบางถามออกมาอย่างฉงน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ