ไหน!!ผู้ใดบอกว่าท่านคือจอม มาร? (NC25)

บทที่ 4 กลายร่างเป็นเซียน



บทที่ 4 กลายร่างเป็นเซียน

เจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงเห่าหอนโหยหวนอย่างยาวนานและ เศร้าโศกแสดงความเจ็บปวดในใจเมื่อถูกอาจานทอดทิ้งมาเช่น นี้เป็นเวลานานนับร้อยปี โดยที่เขาไม่ติดต่อกลับมาแม้แต่ครั้ง เดียว ร่างกายซูบผอมขนร่วงกองอยู่บนพื้นเป็นกระจุกคล้ายสุนัข จรจัดมากกว่าสุนัขเวทผู้มีขนสีขาวบริสุทธิ์ฟูนุ่มดั่งก้อนเมฆดั่ง เช่นแต่ก่อน

แม้ว่าเจ้าแม่กวนอิมจะพยายามรักษามันด้วยน้ำทิพย์ที่ สามารถรักษาได้ทุกโรคจากทะเลทักษิณแต่น้ำทิพย์นี้ไม่อาจ รักษาจิตใจได้ ร่างกายฟื้นฟูจิตใจย่ำแย่ทำให้มันใกล้ตายลง ทุกที

เป็นเพราะสงสารสัตว์เวทตัวน้อย อีกทั้งได้รับปากสหายรักไว้ ว่าจะช่วยดูแลมันอย่างดีที่สุด เจ้าแม่กวนอิมจึงถ่ายทอดพลัง วิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจให้กับเจ้าก้อนเมฆน้อยไปส่วนหนึ่งอย่าง น้อยให้สัตว์ที่น่าสงสารตนนี้ลืมเลือนเรื่องอาบ้านเพื่อยุติความ ผูกพันอนาคตหากมีวาสนาพบเจอนางจะสามารถจดจำผู้ที่เคย ผูกจิตรักใคร่ได้หรือไม่ย่อมแล้วแต่เวรกรรม

จวบจนเวลาผ่านมาหลายพันปี สุนัขจิ้งจอกเก้าหางน้อย เติบโตขึ้นเป็นเพราะพลังวิเศษของเจ้าแม่ที่ทำให้ภาพของอาจาน เป็นภาพเพียงภาพในความฝัน

อีกทั้งกาลเวลาก็ทำให้เรื่องของอาจานเริ่มรางเลื่อนไปคล้ายกับฟองคลื่นที่ใหญ่โตและกลายเป็นเล็กลงจนสูญสลายไปใน ที่สุด

สุนัขจิ้งจอกเก้าหางน้อยอยู่กับเจ้าแม่ด้วยความสุขและตั้งใจ บำเพ็ญเพียรด้วยถูกเจ้าแม่ข่มขู่ทุกวันว่าหากในกำหนดหนึ่งหมื่น ปีนางไม่สามารถกลายร่างเป็นเซียนได้ สุนัขจิ้งจอกเก้าหางเช่น นานต้องถูกขับไล่ออกจากทะเลทักษิณ

เมื่อโดนข่มขู่ทุกวัน เจ้าจิ้งจอกน้อยผู้หวาดกลัวการไล่ล่าก็ ตั้งใจบำเพ็ญเพียร คิดไว้ว่าในดวงจิตที่เหลือไม่รู้ว่าอีกกี่หมื่น แสนปีก็จะไม่กลับไปมีสภาพเช่นเดิมเด็ดขาด

จิ้งจอกเก้าหางเฝ้าบำเพ็ญเพียรในถ้ำอันมืดมิดความสว่างที่ หาได้มีเพียงแสงจากแมงกะพรุนไฟที่ลอยวนเวียนอยู่ใต้น้ำ เท่านั้น แม้กระนั้นนางก็หาได้แยแสที่จะแสวงหาความสว่างอัน ใด ภายในถ้ำแห่งนี้หนาวเย็นยะเยือกแต่เพราะว่านางเป็น จิ้งจอกความหนาวเย็นจึงไม่อาจเล่นงานนางได้ ขนที่ปุกปุย อบอุ่นของนางนับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย

หนึ่งหมื่นปีผ่านพ้น

สัญญาณที่บ่งบอกว่าเวลาหนึ่งพันปีได้ผ่านไปแล้วคืออาการ หิวของนาง จิ้งจอกเก้าหางน้อยรู้ว่าตนเองยังไม่กลายเป็นเซียน จึงข่มใจบำเพ็ญเพียรต่ออีกหลายวันจวบจนสุดท้ายนางไม่อาจ อดกลั้นความอยากอาหารได้อีกต่อไป ไข่มุกวิเศษคงสิ้นฤทธิ์แล้ว นางจึงได้หิวจนทนไม่ไหวเช่นนี้

จิ้งจอกเก้าหางลืมตาขึ้น นางกระแอมส่งเสียงดังฉับพลันเจ้าแมงกะพรุนไฟก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า จิ้งจอกเก้าหางรู้สึกสงสัยว่า เหตุใดจู่ๆ วันนี้เจ้าแมงกะพรุนไฟสหายเพียงหนึ่งเดียวในสถานที่ อันมืดมิดแห่งนี้ถึงได้เชื่อฟังนางนัก

ปกติหากนางต้องการแสงสว่างเพื่อผ่อนคลายต้องกระแอมส่ง เสียงอยู่หลาย กว่าจะมีสัตว์ตนใดโผล่มา หรือว่าเป็นเพราะสัตว์ น้ำพวกนี้สัมผัสได้ว่าคงถึงเวลาจากลากันจริงๆ แมงกะพรุนไฟ พันปีจึงมารอส่งนางถึงที่นี่กัน

จิ้งจอกเก้าหางบิดกาย หางที่วางราบอยู่บนพื้นถ้ำมาเนิ่นนาน เริ่มกระดก นางขยับร่างกายอยู่ชั่วครู่เพื่อให้เคยชิน จวบจนใน ที่สุดนางก็โคจรพลังไปรอบร่างกายจนสามารถยกหางฟูฟ่องดุจ มวลกลุ่มเมฆของตนขึ้นมาได้ นางมองเห็นหางของตนเองแล้ว ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยวาจาสั้นๆ อย่างผิดหวังกับตนเอง

“เหตุใดข้าถึงยังเป็นจิ้งจอกอยู่เล่า”

พลันปรากฏเกลียวคลื่นใหญ่ภายใต้สายน้ำนางเพ่งพินิจ เกลียวคลื่นแล้วจําได้ว่าเวลาเจ้าแม่กวนอิมจะไปยังที่ใดใน มหาสมุทรแห่งนี้มักจะมีเกลียวคลื่นนี้นำทาง นี่ก็คงเป็นเกลียว คลื่นที่เจ้าแม่มีน้ำใจส่งมารับนางกลับ ถือเป็นน้ำใจครั้งสุดท้าย ก่อนจากลากระมัง

จิ้งจอกเก้าหางลุกขึ้นแล้วกระโดดเข้าไปในคลื่นนั้นทันใด หลับตาเพียงชั่วประเดี๋ยวคลื่นยักษ์นั้นก็พานางขึ้นมาส่งยังหน้า ตำหนักทักษิณ นางลืมตาขึ้นพบหน้าคนคุ้นเคยที่คอยเฝ้าประตู ด้านหน้า สุนัขจิ้งจอกเก้าหางจึงส่งยิ้มทักทายเซียนเหล่านั้น
น่าแปลกใจที่เขียนทุกท่านกลับมองนางด้วยความประหลาด ใจ ดวงตาพวกเขาช่างห่างเหินไม่คุ้นเคยเรียกว่าไม่รู้จักเลยจะดี กว่า แม้นางจะกล่าวทักทายหาได้มีผู้ใดกล่าวตอบแม้แต่คำเดียว

ประเดี๋ยวก่อนนางกล่าวทักทายได้ด้วยหรือ จิ้งจอกเก้าหาง กลอกตามองไปมา เหล่าเซียนทั้งหลายยังคงยืนนิ่ง หลายคน ทำท่าระแวดระวัง

“นี่ข้าเองเจ้าก้อนเมฆอย่างไรเล่า ข้าไม่ได้หรือเหตุใดพวก ท่านทำท่าทางเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าเล่า”

นางเห่าออกมาเสียงดัง กระนั้นก็ไร้การตอบรับจากเซียนผู้ใด

“เจ้าแม่ศิษย์กลับมาแล้ว” นางเห่าออกมาทักทายอีกครั้ง

เอ๊ะ ผู้ใดกำลังแปลข้อความของนางอยู่กันนะ นางแน่ใจว่า ได้ยินคนแปลสิ่งที่นางเห่าอยู่เสียงนั้นหวานใสดั่งเพลงพิณที่นาง ชอบฟัง เซียนผู้มาคอยช่วยนางเช่นนี้เหตุใดไม่เผยตัว เพียงนาง เห่าออกไปเทพเซียนผู้นั้นก็หยั่งรู้พูดพร้อมกับนางเลยทีเดียว ช่าง เก่งกาจและน่านับถือยิ่ง

จิ้งจอกน้อยได้แต่คิดว่าในเมื่อมีผู้คอยช่วยนางจะได้ร่ำลาเจ้า แม่และทุกคนได้เต็มปากเต็มค่า แค่คิดก็เศร้าจนน้ำตาไหล วาสนาของนางคงสิ้นสุดเพียงเท่านี้

“เจ้าคือผู้ใด” เสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้น พร้อมทหารอีกหลายคนที่ ยกกระบีชี้มาทางนางเตรียมทำท่าป้องกันด้วยแววตาสงสัย

“ข้าคือเจ้าก้อนเมฆอย่างไรเล่าขาบอกพวกท่านไปแล้ว เหตุใดถึงได้ลืมข้าง่ายดายเช่นนี้” นางเอ่ยพร้อมก้าวขาเข้าไปภายใน อย่างช้าๆ ในใจพลางคิดว่าเซียนผู้นั้นพูดตามนางแทบจะทุก ประโยคเช่นนี้ก็ดีแล้วการสื่อสารระหว่างนางและเซียนผู้อื่นจึง ง่ายขึ้นกว่าเดิม

“นี่เจ้ากลายเป็นเซียนแล้วหรือ เหตุใดช่างงดงามเช่นนี้”

สายตาเทพทุกองค์ต่างตกตะลึง อีกทั้งยังจ้องมองมาที่นาง เพียงผู้เดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ