เกิดใหม่เป็นแม่นางลัคกี้

บทที่ 9 ชายผู้หวงของกิน



บทที่ 9 ชายผู้หวงของกิน

ชาติที่แล้วเธอพึ่งพาฝีมือทางด้านผัดกุ้งแดงของเธอ ในการทำมาหากิน นอกจากซื้อบ้านแล้ว เธอก็ร่ำรวยถึง ขนาดที่ว่าเอาเงินก้อนหนึ่งไปสอบเอาประกาศนียบัตร ของวิทยาลัยมาด้วย!

ถ้าไม่ใช่เพราะภายหลังเธอตรวจเจอมะเร็งกระเพาะ อาหาร เธอก็ยังวางแผนที่จะไปเรียนต่อปริญญาตรี สําหรับผู้ใหญ่ต่ออีก

ขณะที่หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต หลัวหลิงหลิงก็ไม่ลืมที่ จะใช้มือตวงเครื่องปรุงครึ่งซ้อนใส่ลงไปในกระทะ รอจน เครื่องปรุงเข้าเนื้อกุ้งแล้ว ก็เอาออกมาจากกระทะ ราดลง บนบะหมี่ที่เถ้าแก่เนี้ยเพิ่งจะต้มเสร็จ

กลิ่นหอมที่น่าดึงดูดลอยแผ่กระจายออกไปอย่าง รวดเร็ว ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณละแวกของสถานีรถ โดยสารในช่วงเช้าตรู่ มันช่างยั่วยวนคนเหลือเกิน

ตอนแรกมีคนสองสามคนที่เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า ประตูของร้านอาหารเช้าที่อยู่ข้างๆ แต่พอได้กลิ่นหอม กลิ่นนี้ พวกเขาก็พากันเดินกลับมา

“เถ้าแก่เนี้ย บะหมี่นี้ของพวกเขามันคือบะหมี่อะไร? เอา มาให้ผมถ้วยหนึ่งด้วย!
“ได้เลยจ้ะ ! “เถ้าแก่เนี้ยมองหลัวหลิงหลิงที่ช่วยกระตุ้น กิจการของร้านตนเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอดีใจสุดๆ รีบ ไปเร่งเร้าให้สามีของตัวเองปอกกุ้ง แล้วเธอก็ใส่ลงไปผัด ในกระทะ

ในขณะนี้เอง หลัวหลิงหลิงก็เอาบะหมี่มาเสิร์ฟตรงหน้า ของเซี่ยงหงหยวนเรียบร้อยแล้ว

เครื่องที่ราดบนหน้าของบะหมี่เนื้อไก่และบะหมี่กระดูก หมูก็ได้ตุ๋นไว้เสร็จก่อนแล้ว ตอนนี้กำลังอุ่นอยู่บนเตา!

หลังจากที่เถ้าแก่เนี้ยต้มบะหมี่เสร็จแล้ว ก็เอาช้อนมาใส่ ไว้ในถ้วยก็เป็นอันเสร็จ

บะหมี่สี่ถ้วยวางอยู่บนโต๊ะ หลัวหลิงหลิงเลื่อนบะหมี่ สามถ้วยไปให้เซี่ยงหงหยวน“กินสิ! ”

เซี่ยงหงหยวนหยิบตะเกียบ เริ่มกินบะหมี่เนื้อกุ้งก่อน

พอเนื้อกุ้งหนึ่งชิ้นลงไปในท้อง ท่าทางในการกินของเขา ก็ชะงักไป จากนั้นก็เงยขึ้นมามองหลัวหลิงหลิงที่อยู่ตรง หน้า ก่อนจะก้มหัวลง กินบะหมี่ต่ออย่างคำใหญ่คำโต!

พอเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ หลัวหลิงหลิงก็ เอามือเท้าคางมองดูเขาอย่างอดไม่ได้”เป็นยังไงบ้าง กุ้งที่ฉันผัดอร่อยไหม?”

“อร่อย ผมไม่เคยกินบะหมี่เนื้อกุ้งที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน เลย”เซี่ยงหงหยวนพยักหน้า เขาลงมือกินต่ออย่างตะกละ ตะกลาม

หลัวหลิงหลิงก็ยิ้มๆอย่างดีอกดีใจ

อีกฝั่งเถ้าแก่เนี้ยก็ทำบะหมี่เนื้อกุ้งถ้วยหนึ่งเสร็จแล้ว ก่อนจะเสิร์ฟให้กับโต๊ะข้างๆ คนคนนั้นชิมไปหนึ่งคำ ก็ชัก สีหน้าทันที”ไม่ใช่สิ เถ้าแก่เนี้ย ทำไมบะหมี่เนื้อกุ้งชามนี้ ของผมถึงกินแล้วรู้สึกว่าอร่อยไม่เท่าของเขาเลยล่ะ?”

พูดพลาง เขาก็ตรงเข้ามา“สวัสดีสหาย ผมขอชิมกุ้งของ คุณหน่อยได้ไหม?”

เซี่ยงหงหยวนตอบสนองกลับมาโดยการยัดกุ้งแล้วก็ บะหมี่ที่อยู่ในถ้วยเข้าไปในปาก จากนั้นก็เคี้ยวๆกลืนลง ไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่น้ำซุปก็ยกซดไปจนหมด ก่อนที่ เขาจะวางถ้วยที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ“ขอโทษนะ คุณว่า อะไรนะ?”

อีกฝั่งชักมุมปาก กลับไปนั่งลงไม่พูดอะไร

หลัวหลิงหลิงจําแทบตายกับปฏิกิริยาตอบสนองของเขา!

เธอเพิ่งจะพบว่า ผู้ชายคนนี้ก็หวงของกินเหมือนกัน! แถมท่าทีน่ารักเวลาหวงของกินมันก็ช่างแตกต่างกับรูป ร่างภายนอกที่ดูสูงใหญ่น่าเกรงขามของเขาโดยสิ้นเชิง อีกต่างหาก

เซี่ยงหงหยวนพอเห็นว่าคนคนนั้นไปแล้ว เขาก็ทําตัว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลงมือกินบะหมี่อีกสองถ้วยที่ เหลือต่อ แต่บะหมี่สองถ้วยนี้เขากินแค่เส้นหมี่กับเนื้อที่ โปะอยู่ ไม่ได้ดื่มน้ำซุป

พอกินบะหมี่เสร็จ เสี่ยวหลงเปากับไข่พะโล้ก็มาเสิร์ฟ ไม่ทันไรก็เข้าไปในท้องของเซี่ยงหงหยวนจนหมดอย่าง ไม่น่าแปลกใจ

หลัวหลิงหลิงมองเขาที่กำลังกินคำใหญ่คำโต ในใจก็ แอบทอดถอนออกมาด้วยความสบายใจอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ช่างกินเก่งจริงๆ! เธอเริ่มกลัวว่าเธอจะเลี้ยงดู เขาไม่ไหวหรือเปล่า

ไม่ใช่สิๆ!

เธอรีบส่ายหัว! เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเหตุเลยแท้ๆ ตัวเอง คิดจะไปเลี้ยงดูเขาเพื่ออะไรกันล่ะ?
ก้มหน้าลงกินเสี่ยวหลงเปาในถ้วยจนหมด เซี้ยงหง หยวนที่อยู่ตรงข้ามก็กินของกินที่เหลือไปจนเกลี้ยงอย่าง รวดเร็ว จากนั้นหลัวหลิงหลิงรีบลุกขึ้นมาทันที”เถ้าแก่ คิด เงินค่ะ!”

“ทั้งหมดสองหยวนแปดเหมา! ”

หลัวหลิงหลิงกำลังจะหยิบเงิน แต่กลับไม่คิดว่าเซี่ยงหง หยวนจะหยิบเงินยื่นให้กับเถ้าแก่ไปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ได้ บอกแล้วว่าวันนี้จะเลี้ยงคุณนะ! “หลัวหลิงหลิง พูดขึ้นเบาๆ เธอหยิบธนบัตรห้าหยวนออกมาหนึ่งใบแล้ว ยื่นออกไป

เถ้าแก่กลับไม่รับ แม่หนู กินข้าวกับผู้ชาย ผู้หญิงจะออก เงินได้ยังไง? คุณก็ให้โอกาสเขาได้แสดงออกสักหน่อย

หลัวหลิงหลิงลุกลี้ลุกลนสุดๆ”พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉัน กับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นนะ ฉัน..….………..

เธอกำลังคิดที่จะอธิบาย แต่คิดไม่ถึงว่าพอเซี่ยงหง หยวนให้เงินกับเถ้าแก่ไปเสร็จ เขาก็ขึ้นไปนั่งบนจักรยาน เรียบร้อยแล้ว พอเท้าเหยียบไปบนที่ปั่น จักรยานก็ขี่ออก ไป
“เห้ย คุณกลับมาก่อนสิ! ฉันจะคืนเงินให้คุณ! ‘

หลัวหลิงหลิงรีบพูดตะโกนออกไปทันที แต่ก็ไม่สามารถ เรียกเขาที่ขี่ไปไกลเรื่อยๆแล้วกลับมาได้

หมดหนทาง เธอทำได้แค่กระทืบเท้า”โชคดีนะที่เมื่อตะกี้ ฉันยัดเงินห้าหยวนไว้ในตะกร้าของคุณไว้แล้ว อีกเดี่ยว พอคุณกลับถึงบ้านก็จะเห็นเอง”

เวลาในตอนนี้ก็ยังไม่ถึงหกโมง กว่าจะเจ็ดโมงครึ่งที่รถ ออกก็อีกเกือบสองชั่วโมง! หลัวหลิงหลิงก็ไม่มีที่อื่นให้ ไปแล้ว เธอก็เลยแบกหน้าไปพูดกับเถ้าแก่และเถ้าแก่ เนี้ย“ฉันขอรออยู่ที่พวกคุณที่นี่ได้ไหม?”

“ได้สิ! คุณดูเลยว่าตรงไหนว่างก็ไปนั่งได้เลย! “เถ้าแก่ เนี้ยอารมณ์ดีสุดๆ

แต่หลัวหลิงหลิงจะนั่งเฉยๆอยู่ที่นี่ตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าๆได้ ยังไงกันล่ะ?

พอเห็นว่าคนที่จะมาโดยสารรถเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ ถือโอกาสมากินอาหารเช้าจึงมีจำนวนไม่น้อยเลย พวก เถ้าแก่เนี้ยก็ยุ่งจนวุ่นวายไปหมด

หลัวหลิงหลิงในใจก็รู้สึกผิด เธอไปเสนอตัวช่วย เหลือ“เดี๋ยวฉันช่วยพวกคุณทำอะไรสักหน่อยก็แล้วกันนะ! ถึงยังไงก็ว่างอยู่แล้ว”

บังเอิญมีคนสั่งบะหมี่เนื้อกุ้งมาอีกพอดี เธอก็เลยขอ เสนอตัวทำเอง”อันนี้ให้ฉันทำก็แล้วกันนะคะ!”

พอเธอเริ่มลงมือทํา กลิ่นหอมที่แสนยั่วยวนเมื่อตะกี้ก็ ลอยฟุ้งออกมาอีกครั้ง โดยเฉพาะตอนที่กำลังผัดกุ้ง กลิ่น หอมนั้นมันคือที่สุดจริงๆ!

คนที่ตอนแรกไม่ได้กะจะมากินอาหารเช้าก็ถูกดึงดูด ด้วยกลิ่นหอมนั้นจนทนไม่ไหว เข้ามาสั่งบะหมี่เนื้อกุ้งหนึ่ง ถ้วยอย่างอดทนไม่อยู่

แต่พอเนื้อกุ้งเข้าไปในปาก รสชาติก็ทำให้คนประหลาด ใจ ถึงขนาดที่บางคนกินหนึ่งถ้วยก็ยังไม่พอ สั่งเพิ่มถ้วยที่ สอง!

กุ้งแดงในร้านเริ่มจะมีไม่พอแล้ว เถ้าแก่รีบวิ่งไปที่ ตลาดสด ไปเอากุ้งมาเพิ่มอีกหนึ่งตะกร้าใหญ่ เขาไม่ทำ อย่างอื่นแล้วนอกจากเก็บโต๊ะเก้าอี้แล้วก็แกะกุ้ง

จากนั้นหลัวหลิงหลิงก็ตกลงว่าจะทำหน้าที่ผัดกุ้งเอง ผัด จนกระทั่งถึงเจ็ดโมงสิบห้านาที พอเห็นว่าใกล้เวลาจะต้อง ขึ้นรถแล้วก็วางตะหลิวลง ตอนนี้เอง เธอทำบะหมี่เนื้อกุ้ง ได้ห้าสิบถ้วย
จำนวนเท่านี้ถ้าอยู่ในช่วงศตวรรษที่21สมัยที่บริโภค นิยมมีการขยายเติบโตเพิ่มขึ้นถือว่าไม่คุ้มค่ากับการเอ่ย ถึงเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เป็นช่วงปลายยุค80 ผู้คน มากมาย ไม่ค่อยมีเงิน การที่กินข้าวนอกบ้านสําหรับผู้คน ทั่วไปแล้วแทบจะเป็นการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ

ถ้าอย่างนั้น สําหรับร้านขายอาหารเช้าที่อยู่ข้างๆสถานี รถโดยสารร้านหนึ่ง ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงสามารถ ขายบะหมี่เนื้อกุ้งได้ห้าสิบถ้วย จำนวนตัวเลขนี้ถือว่า เพียงพอที่จะทำให้คนช็อกตกใจได้เลยทีเดียว!

ชาเลืองไปมองเถ้าแก่สองสามีภรรยา พวกเขากำลังนับ เงินกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตอนที่หลัวหลิงหลิงบอกว่าจะ ต้องไปแล้วนั้น พวกเขาก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์

“หลิงหลิง คุณไม่ต้องไปไหน อยู่ที่นี่กับพวกเราเถอะ! ฉันจะให้เงินเดือนคุณสิบห้าหยวนทุกๆเดือน คุณว่าไง?”

สิบห้าหยวน เงินจำนวนนี้เพียงพอให้คนกินอิ่มอยู่สบาย ได้เลยในเมืองเล็กๆนี้! หลัวหลิงหลิงไปเป็นพนักงาน บริการที่ในตัวเมือว ทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ หนึ่งเดือนก็ได้ สิบหกหยวนเหมือนกัน!

แต่ว่าหลัวหลิงหลิงปฏิเสธไปอย่างมีมารยาท“ฉันยังมี เรื่องอื่นที่ต้องทำอีกค่ะ! วิธีการผัดกุ้งฉันก็บอกพวกคุณ ไปแล้ว พวกคุณก็ทำตามที่ฉันบอกก็พอ รสชาติจะต้องไม่ต่างกันแน่นอน ครั้งหน้าพอฉันกลับมา ฉันค่อยมากิน ข้าว ร้านพวกคุณอีกนะคะ!

เก้าแก่เนี้ยเห็นว่ายื้อเธอเอาไว้ไม่ได้ ก็ยัดเงินสองหยวน ไว้ในมือเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วจึงยอมปล่อยเธอ จากไป

รถบัสขับมาได้ครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงใน ที่สุดก็มาถึงยังสถานีรถโดยสารในตัวเมืองสักที พอหลัว หลิงหลิงลงจากรถ เธอก็เรียกรถสามล้อคนลากทันที”ไป วิทยาลัยครูค่ะ”

เธอตัดสินใจแล้ว ว่าเธอจะไปหาเซียวรุ่ยก่อน!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ