ตอนที่ 37 เธอจะต้องเข้าใจพวกเรา
เงินฝานซึ่งไม่พูดจา แผ่นหลังยังคงตั้งตรงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่ น้อย เพิกเฉยต่อคำพูดของเฉินเซียนโหรว
เฉินฝานซึ่งก็เป็นแบบนี้ บางครั้งเธอไม่เอ่ยคำใดออกมา
ยังสามารถใช้ความเงียบนั้นเหยียบคนอื่นให้ตกต่ำได้
เฉินเซียนโหรวลอบขบฟันแน่นด้วยความรู้สึกเสียหน้าจาก การถูกมองข้าม แต่เพิ่งกลับอยู่ข้างๆ เธอในตอนนี้
ไม่นานลิฟต์ก็ลงมา เฉินผ่านซึ่งถือกระเป๋าเดินเข้าลิฟต์ไป อย่างไม่สะทกสะท้าน
ซูเทิงและเฉินเซียนโหราเองก็ตามเข้าไปเช่นกัน
เฉินฝานซิงเอื้อมมือกดลิฟต์ไปยังแผนกวิจัยและพัฒนาชั้น
ยี่สิบเอ็ด
ส่วนอีกสองคนข้างหลังเธอไม่ได้หันไปถาม ไม่สนใจ ไม่
ไยดี
จากที่คิดว่าอยากพบซูเทิงเพื่อจะได้บอกเรื่องที่จะลาออก กับเขาตรงๆ สุดท้ายต้องมาเจอกับเฉินเซียนโหรวทำให้เธอไม่ อยากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
คนประเภทนี้เรียกร้องความสนใจเก่ง แสดงละครเก่ง
หากเธอพูดเรื่องลาออกกับซูเริงขึ้นมาตอนนี้ เฉินเซียน
โหรวคงอดไม่ได้ที่จะลงมืออีกครั้ง
ทำไมถึงทำให้เธอขยะแขยงได้ขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงกดแค่ชั้นที่ตัวเองต้องการ นัยน์ตา ของเฉินเซียว โหรวก็หลุบลง จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มจึงยก มุมปากขึ้น
เธอเอื้อมไปยังเบื้องหน้าของเฉินฝานซิง กดชั้นที่สูงที่สุด นั่นก็คือชั้นสามสิบหก
ก่อนจะส่งยิ้มให้พี่สาว ดวงตาเหยียดต่ำอย่างยั่ว โทสะ
ชั้นสามสิบหก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของซูเทิง หากเขาไม่ อนุญาตไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์เหยียบเข้าไป
ทว่าตอนนี้ ที่นั่นกลับเป็นที่ที่เฉินเซียนโหรวเข้าออกได้
ตามชอบใจ
เธอคิดว่าเฉินผ่านซึ่งจะสนใจ แต่เธอจ้องพี่สาวอยู่นาน สองนาน เฉินผ่านซึ่งยังคงแสดงท่าที่ไม่แยแสแม้แต่สีหน้าก็ไม่ แสดงอาการใดๆ
เธอขบฟันกรอด เดินไปหยุดข้างกายของซูเหิงแล้วเอ่ยขึ้น
เบาๆ ว่า
“พี่เชิง ไม่ใช่ว่าอีกเดี๋ยวบริษัทจะมีประชุมภายในระดับสูง หรอกเหรอ ไหนๆ พี่สาวก็มาแล้ว
เพิ่งหน้าซึ่งเรียบตึง มองแผ่นหลังของเฉินผ่านซึ่งอย่าง นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนานก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้น
“ไหนๆ มาแล้ว ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วม
ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไป ไม่ทันที่เพิ่งจะพูดจบลิฟต์ก็เคลื่อน มาหยุดอยู่ที่ชั้นยี่สิบเอ็ดแล้ว เฉินผ่านซิงเดินออกจากลิฟต์ไป อย่างไม่รั้งรอ
ท่าทีเฉยเมยของพี่สาวทำเอาเฉินเซียนโหรวต้องข่มกลั้น อารมณ์ไว้ คำพูดทุกคำราวกับซัดหมัดลงบนปุยฝ้าย ระบาย ออกมาไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ซูเพิ่งยังคงจดจ้องอยู่กับแผ่นหนังของเฉินผ่านชิงด้วยใจ สับสน
ดูเหมือนว่าเธอจะตัดใจได้แล้วจริงๆ ไม่ให้อภัยเขาแต่ก็
ไม่ได้รั้งเขาไว้ ตัดขาดชนิดที่ไม่เหลือช่องว่างระหว่างพวกเขา
ทั้งคู่
ความรู้สึกอย่างกับหัวใจหล่นวูบ เหมือนกันที่โรงพยาบาล ครั้งก่อน ราวกับได้สูญเสียบางอย่างไปตลอดกาล
“พี่เชิง ฉันควรทำยังไงให้พี่เขาสบายใจขึ้นได้บ้าง เห็นพี่ เขาเป็นแบบนี้แล้วฉันใจไม่ดีจริงๆ …
น้ำเสียงอัดอั้นของเฉินเซียนโหรวข้างๆ แว่วขึ้น เสียงนุ่ม นวลสั่นเครือ ท่าทางเข้มแข็งจนปัญญาจะทำให้เพิ่งรู้สึกเห็น อกเห็นใจอีกครั้ง
เขายื่นมือไปถึงเฉินเซียนโหรวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน นิ้ว มือเชยคางขาวนุ่มนั้นขึ้น ปาดน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นที่ปลายหางตา
เฉินเซียนโหราเพิ่มความน่าเศร้าใจ
“ตั้งแต่พี่เขากลับประเทศมาเมื่อสามปีก่อน ได้กลับไป เยี่ยมคุณปู่แค่สามสี่ครั้งเอง ตอนนี้เธอไม่มีใครมาอยู่ข้างกาย คอยปกป้อง…ฉันกลัวว่าเธอจะฝืนตัวคนเดียวต่อไปไม่ไหว…
คำพูดเห็นอกเห็นใจของเฉินเซียนโหรวทำให้เพิ่งสงสาร คำพูดเหล่านี้ก็ดันไปสะกิดใจของซูเหิงเข้าพอดี
ความกับคนในครอบครัวไม่ค่อยดี แล้วตอนนี้เธอ ยิ่งไม่ยอมเผชิญหน้ากันดีๆ อีก
เธอใช้ชีวิตตัวคนเดียว…จะไหวจริงๆ น่ะเหรอ
“รออีกสักหน่อยเถอะ รอให้เธอหายโกรธ ฉันจะลองไป คุยดูอีกที เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เฉินผ่านซึ่งเป็นคนมีเหตุผลมา ตลอด เดี๋ยวนานๆ ไป เธอจะต้องเข้าใจพวกเราแน่นอน
เฉินเซียนโหรวสูดหายใจ พยักหน้าเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวล เจือความกลัดกลุ้ม
“ขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆ เถอะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ